ตอนที่ 114 ตามหาคน

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 114 ตามหาคน

หมอจากห้องโถงสงบสุขพาเด็กที่เป็นหมอตี๋ ๆ ผู้ที่เขาพามาด้วยเข้าไปในโรงเรียนอย่างองอาจ เขาบอกว่าตนมาตรวจอาการที่นี่หลายครั้งแล้ว จึงปฏิเสธการนำทางของคนเฝ้าประตู

เมื่อคนเฝ้าประตูเห็นดังนั้น ความสงสัยในใจก็หายไปเล็กน้อย  คนเฝ้าประตูอย่างพวกเขาทำงานเป็นกะ หมอคนนี้คุ้นชินกับโรงเรียนของพวกเขาเป็นอย่างดี คงจะเคยมาตรวจอาการให้นักเรียนที่โรงเรียนหลายครั้งแล้วเมื่อตอนที่คนอื่นมาอยู่เวร

เพียงแต่คนเฝ้าประตูยังคงพึมพำอยู่ในใจ “ห้องโถงสงบสุขอย่างนั้นรึ ? เหตุใดข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลยล่ะ ?”

เขานั้นไม่เคยได้ยินอย่างแน่นอน เพราะเจียงป่าวชิงเป็นคนแต่งชื่อห้องยานี้ขึ้นมาเองอย่างไรเล่า!

เมื่อเลี้ยวมาตรงหัวมุมซึ่งเป็นจุดที่คนเฝ้าประตูมองไม่เห็น สันหลังตึง ๆ ของหมอก็ผ่อนคลายลงทันที เขาอดไม่ได้ที่จะพัดลมเข้าหาตนเอง เห็นได้ชัดว่ามีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ เกาะอยู่บนศีรษะของเขา “น่าหวาดเสียวมาก เจียงป่าวชิง เจ้าช่างเป็นคนที่มีความสามารถจริง ๆ บทพูดที่เจ้าช่วยข้าคิดก็ได้ใช้ไปหมดเลย!”

และหมอคนนี้ก็คือเกิ่งจื่อเจียงที่ปลอมตัวโดยการติดหนวดเล็ก ๆ ไว้บนใบหน้านั่นเอง

เจียงป่าวชิงที่ปลอมตัวเป็นหมอตี๋ยกนิ้วขึ้นมาจุ๊ปากเล็กน้อย “อย่าหลุดสิหมอเกิ่ง ปลอมตัวต่อไปเร็วเถอะเจ้าค่ะ”

เกิ่งจื่อเจียงจึงต้องแสร้งทำบุคลิกว่าตนเป็นหมอที่โดดเด่น เขายืดอกเงยหน้าและเดินไปข้างหน้า

ขณะนี้ นักเรียนในโรงเรียนกำลังเข้าเรียนกันอยู่ ในโรงเรียนจึงมีเสียงอ่านหนังสือดังออกมาเป็นระยะ ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นระเบียบแบบเดียวกันหมด แต่ก็ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองตรงที่พวกเขาเรียนหนังสือกันอยู่

เกิ่งจื่อเจียงส่ายหน้าไปมา “คนพวกนี้นี่นะ มีปัจจัยในการเรียนหนังสือที่ดีขนาดนี้ แต่กลับไม่ทะนุถนอมเอาไว้กับตัวให้ดี ๆ เอาแต่ทำตัวเลวไปวัน ๆ  เฮ้อ… จริง ๆ เลย…”

ก่อนหน้านี้เจียงป่าวชิงกลับไปที่ร้านยาของเขาอีกครั้งซึ่งนั่นทำให้เขาตกใจอยู่พอสมควร หลังจากได้ฟังเจียงป่าวชิงเล่าแล้ว เกิ่งจื่อเจียงก็ยิ่งตกใจจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว ทว่าเมื่อใจเย็นลงแล้ว จุดลึก ๆ ในใจของเกิ่งจื่อเจียงยังคงมีความกระตือรือร้นอยู่เล็กน้อย  เขานั้นไม่ใช่คนที่ได้เรียนหนังสืออะไร  เมื่อตอนที่เขายังเด็ก สำหรับสิ่งที่อยู่บนหนังสือ เขาก็อาศัยครูพักลักจำมาทั้งหมด พ่อของเขาเสียใจมาครึ่งชีวิต สุดท้ายจึงต้องส่งต่อร้านยากึ่งสถานบริการรักษาโรคให้ลูกชายคนนี้ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต และหวังว่าลูกชายของเขาจะสามารถสืบทอดกิจการนี้ต่อไปได้

เขาไม่ขอให้ลูกชายของเขาสืบทอดกิจการต่อจนเจริญรุ่งเรื่องอะไร แต่อย่างน้อยก็อย่าทำพังในมือของลูกชายก็เพียงพอ

เช่นเดียวกับคนเรียนไม่ดีทุกคนต่างใฝ่ฝันถึงมหาวิทยาลัยชิงหัวกับมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เจียงป่าวชิงพบว่าดวงตาของเกิ่งจื่อเจียงเป็นประกายทันทีที่พวกเขามาถึงโรงเรียนแห่งนี้

ในช่วงหลัง เกิ่งจื่อเจียงกระตือรือร้นมากกว่าเจียงป่าวชิงในปฏิบัติการแอบเข้าไปในโรงเรียน และอาจกล่าวได้ว่ากระตือรือร้นเกินไปเสียด้วยซ้ำ  เจียงป่าวชิงจึงต้องเตือนเกิ่งจื่อเจียงให้ระมัดระวังอยู่บ่อยครั้ง

เกิ่งจื่อเจียงตีหน้าขรึมภายใต้ใบหน้าที่มีหนวดเล็ก ๆ ติดอยู่ “ไม่ต้องห่วง ข้ารู้ตัวข้าดีว่ากำลังทำอะไร”

เจียงป่าวชิงมาที่นี่เมื่อครั้งที่แล้ว ตอนนี้นางจึงจำลู่ทางในโรงเรียนได้เป็นอย่างดี หากพูดถึงโรงเรียนในอำเภอ จุดที่สามารถขังคนคนหนึ่งไว้ได้ถึงสองวัน สถานที่ที่ดีที่สุดก็คงจะเป็นหอพักนักเรียน

เจียงป่าวชิงที่ปลอมตัวเป็นเด็กรับใช้ที่สะพายกล่องยาของหมอตี๋ไว้ด้านหลังเดินอยู่ด้านหน้า เพื่อทำการนำทางให้เกิ่งจื่อเจียง  ระหว่างทางก็ได้เจอกับคุณครูที่สอนหนังสืออยู่ในโรงเรียน เขาเห็นเกิ่งจื่อเจียงกับเจียงป่าวชิงแต่งกายเป็นหมอ เขาก็ไม่ได้เกิดความสงสัยอะไร เพียงแต่บอกกับเกิ่งจื่อเจียงว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามีนักเรียนเป็นโรคไข้หวัดหลายคน และสั่งให้เกิ่งจื่อเจียงระมัดระวังตอนจ่ายยาว่าอย่าจ่ายยาที่มีฤทธิ์รุนแรงให้กับนักเรียน

เมื่อคุณครูท่านนั้นเดินจากไป เกิ่งจื่อเจียงก็เอ่ยถามเจียงป่าวชิงด้วยความแปลกใจ “เหตุใดเจ้าไม่บอกคุณครูท่านนั้นล่ะว่ามีนักเรียนถูกขังไว้ในโรงเรียนมาสองวันแล้ว ?”

เจียงป่าวชิงพูดเสียงเบา “ครูในโรงเรียนบางคนก็นิสัยแย่พอ ๆ กันกับลูก ๆ ขุนนางชั้นสูง เขาอาจจะเปิดโปงพวกเราได้นะหมอเกิ่ง”

พูดถึงตรงนี้ จู่ ๆ เจียงป่าวชิงก็ยิ้มอย่างแผ่วเบา

เกิ่งจื่อเจียงตัวสั่นเล็กน้อย เขาลูบแขนของตัวเองก่อนจะพูดขึ้นว่า “เจียงป่าวชิง รอยยิ้มของเจ้าน่ากลัวเชียว”

เจียงป่าวชิงเลิกคิ้วพลางเอ่ยงถามเสียงเบา “ครั้งนี้กาวชุนไห่คนนี้ขอความเมตตาจากคุณครูเพื่อพี่ชายของข้า ถึงได้ถูกพวกลูกขุนนางชั้นสูงจับตัวไปเพื่อระบายความโกรธ หมอเกิ่งลองเดาดูสิว่ากาวชุนไห่ขอความเมตตาจากคุณครู แต่เหตุใดพวกลูกขุนนางชั้นสูงถึงรู้เรื่องนี้ได้ ?”

เกิ่งจื่อเจียงหยุดหายใจไปชั่วขณะ “พวกครูที่นี่คงไม่เป็นแบบนี้ทุกคนหรอกกระมัง ?”

เจียงป่าวชิงมองซ้ายมองขวาเพื่อเฝ้าดูว่ามีใครมาทางนี้หรือเปล่า นางพูดตอบไปด้วย “แน่นอนว่าไม่ แต่คุณครูเหล่านั้นที่ไม่ได้มีนิสัยเหมือนกับพวกลูกขุนนางชั้นสูง ข้าใจแข็งไม่พอที่จะดึงพวกเขาให้ลงน้ำมาด้วยกันน่ะซี่”

ถือได้ว่าเกิ่งจื่อเจียงหมดคำจะพูดแล้วจริง ๆ

ขณะนี้พวกเขาสองคนมาถึงเขตหอพักนักเรียนแล้ว  หอพักนี้สร้างขึ้นสำหรับนักเรียนที่บ้านอยู่ห่างไกลและยากจนเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อดู ๆ แล้วก็ถือว่าเป็นการเสียดสีอยู่เล็กน้อย

โรงเรียนแห่งนี้ไม่รองรับเด็กจากครอบครัวยากจนเลย แล้วเหตุใดถึงต้องสร้างหอพักนี้เพื่อให้ดูเป็นการแบ่งแยกเช่นนี้ด้วยล่ะ

เจียงป่าวชิงเม้มริมฝีปากและเดินตรงไป ดูเหมือนว่านางจะรู้ว่ากาวชุนไห่ถูกขังไว้ที่ไหนทำนองนั้น  สำหรับเรื่องนี้ นางคาดเดาเอาเองอยู่ในใจ แล้วเดินมาหน้าห้องพักหนึ่งในนั้น

มีแม่กุญแจทองเหลืองขนาดใหญ่แขวนอยู่บนประตูห้องพัก

“นี่เป็นห้องพักที่พี่ชายของข้าเคยอยู่ก่อนหน้านี้” เสียงของเจียงป่าวชิงเบามาก นางยื่นมือไปคลำแม่กุญแจทองเหลืองอันนั้น “หลังจากที่พี่ชายของข้าลาออกไปแล้ว แม่กุญแจทองเหลืองอันนี้คงจะปิดห้องนี้ไว้อยู่ตลอดสินะ”

เกิ่งจื่อเจียงยังจำเด็กหนุ่มแขนหักเมื่อคืนนั้นได้  แม้ว่าเขาจะเจ็บจนเหงื่อท่วมและหน้าก็ซีดเผือดมาก แต่เขากลับไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อยเลย

เจียงป่าวชิงปล่อยแม่กุญแจทองเหลืองอันนั้นและพูดต่อ “หากว่ามันปิดอยู่ตลอดเช่นนี้ ด้านบนแม่กุญแจทองเหลืองอันนี้จะต้องมีฝุ่นเกาะอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อสักครู่ข้าดูแล้วและพบว่าแทบจะไม่มีฝุ่นเกาะอยู่เลย มันคงจะถูกเปิดออกเมื่อไม่กี่วันนี้อย่างแน่นอน”

เกิ่งจื่อเจียงพูดขึ้นด้วยความนับถือจับใจ “โอ้ป่าวชิง! เจ้าสังเกตได้ละเอียดดีจริง ๆ ข้าไม่ได้สังเกตเห็นมันเลย”

“อืม” เจียงป่าวชิงรับคำชมมาอย่างคล้อยตามและพูดต่อเสียงเรียบ “ก็เพราะหมอเกิ่งไม่มีสมองอย่างไรล่ะ”

เกิ่งจื่อเจียงอึ้งไป ใครเล่าจะคิดว่าเจียงป่าวชิงจะพูดตรงขนาดนี้

ภายในห้องพักไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ หน้าต่างที่เดิมทีค่อนข้างชำรุดทรุดโทรมก็ถูกคนโปะด้วยกระดาษหนึ่งชั้นเรียบร้อยแล้ว  เจียงป่าวชิงใช้นิ้วจิ้มลงไปบนกระดาษหน้าต่างจนเกิดเป็นรูเล็ก ๆ จากนั้นก็มองเข้าไปข้างใน

จากรูแคบ ๆ นี้สามารถมองเห็นได้ว่ามีคนถูกมัดโดยใช้เชือกคล้องที่คอพร้อมกับผูกแขนทั้งสองข้างไพล่หลังเอาไว้ เขากำลังนอนอยู่บนพื้นโดยที่ไม่รู้ถึงความเป็นความตาย

เกิ่งจื่อเจียงพูดถามอย่างร้อนใจอยู่ข้าง ๆ “เป็นอย่างไรบ้าง ? ในนั้นมีคนอยู่หรือไม่ ?”

เจียงป่าวชิงพยักหน้า “อื้ม มีคนถูกมัดให้นอนอยู่บนพื้น แต่ไม่รู้ว่าเป็นกาวชุนไห่หรือใคร”

เกิ่งจื่อเจียงมองแม่กุญแจทองเหลืองอันนั้นอย่างกลุ้มใจ “แต่ข้าปลดแม่กุญแจนี้ออกไม่เป็น”

เจียงป่าวชิงส่งเสียงในลำคอเล็กน้อย นางล้วงเข็มเงินสองสามเล่มออกมาจากในอ้อมแขน ทำการรวมมันเข้าด้วยกันและแทงเข้าไปในรูกุญแจ

เกิ่งจื่อเจียงเห็นเจียงป่าวชิงนำเข็มสองสามเล่มมารวมเข้าด้วยกันแล้วแทงเข้าไปในรูกุญแจอยู่สักพัก จากนั้นก็เกิดเสียงปลดกลไกและแม่กุญแจทองเหลืองนั้นก็เปิดออกเอง

เกิ่งจื่อเจียงตกตะลึงตาค้าง เขานั้นพูดไม่ออกเลยทีเดียว “เจียงป่าวชิงนั่นมันอะไร อันที่จริงเจ้าเป็นหัวหน้าโจรที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้ารึ ?”

เจียงป่าวชิงเก็บเข็มเงินเข้าที่และเก็บแม่กุญแจทองเหลืองนั้นด้วยสีหน้าเย็นชา “หมอเกิ่ง ข้าบอกแล้วว่าให้อ่านหนังสือที่ไร้สาระให้น้อยลงหน่อย”

นี่เป็นสิ่งที่ท่านปู่ของนางเคยสอนนางเมื่อตอนอยู่ในยุคปัจจุบัน เกี่ยวกับการใช้เข็มเงินให้บังเกิดผล

ชีวิตคนเราล้วนไม่ง่าย ต้องมีความสามารถรอบด้านถึงจะดีที่สุด

เจียงป่าวชิงครุ่นคิดในใจ จากนั้นก็ดึงแม่กุญแจกับโซ่ทองเหลืองออก และเปิดประตูเดินเข้าไปข้างใน

นางเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนพื้นยังคงไม่รู้สึกตัว จึงเข้าไปใกล้ขึ้นและนั่งยอง ๆ ลงบนพื้น  นางผลักคนที่ถูกมัดอย่างแน่นหนานั้น แล้วก็ได้เห็นว่าเขายังมีผ้าป่านถูกยัดไว้ในปาก

“ตื่น ตื่น…” เจียงป่าวชิงเรียก

ทว่าไม่มีการเคลื่อนไหวหรือตอบสนองใด ๆ กลับมา

.