ตอนที่ 115 จับได้ว่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 115 จับได้ว่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน

สีหน้าของเจียงป่าวชิงเปลี่ยนไปทันที นางรีบเรียกเกิ่งจื่อเจียงให้มาแก้มัดเด็กที่อยู่บนพื้น

สีหน้าของเด็กคนนี้ซีดเผือดขนานหนัก ริมฝีปากเขาก็แห้งจนแตก เขาหลับตาแน่นและทั้งร่างนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น เจียงป่าวชิงจึงรีบทำการวัดชีพจรให้เขา จากนั้นถึงจะโล่งอกขึ้นมาหน่อย

โชคดีที่พวกเขามาทันเวลา การที่ไม่ได้กินข้าวดื่มน้ำมาสองวันสองคืนทำให้เด็กคนนี้หมดสติไป และดูเหมือนเขาใกล้จะทนความทรมานไม่ไหวเต็มที

เจียงป่าวชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางล้วงห่อกระดาษเล็ก ๆ ออกมาจากในอ้อมแขน ซึ่งในห่อกระดาษเล็ก ๆ นี้มียาบำรุงเลือดอยู่สองสามเม็ด นี่เป็นยาที่เหลืออยู่ในหม้อที่นางกลั่นก่อนหน้านี้

เจียงป่าวชิงบีบเม็ดยาและยัดใส่ปากของเด็กคนนั้น

เกิ่งจื่อเจียงเห็นการกระทำของนาง เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามอยู่ด้านข้าง “เจียงป่าวชิง นี่คือยาอะไรอีกรึ ?”

เจียงป่าวชิงชำเลืองมองเกิ่งจื่อเจียงเล็กน้อย “หมอเกิ่งอย่าได้คิดเชียว วัตถุดิบในการกลั่นเม็ดยานี้มีราคาสูงมาก อีกอย่าง มันถูกปรับแต่งให้เข้ากับสุขภาพร่างกายของข้า และมันไม่ได้มีคุณค่าอะไรขนาดนั้น นี่เป็นเหตุฉุกเฉินข้าถึงได้ใช้มัน”

ราคาจะไม่สูงได้อย่างไร ? ตอนนั้นเจียงป่าวชิงแบกหัวใจที่เต็มไปด้วยความโมโหเพื่อไปเอายาที่ดีและราคาแพงมาจากในห้องยาที่เต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าหายากของกงจี้เลยเชียวนะ

เกิ่งจื่เจียงสีหน้าเหยเกอยู่เล็กน้อย  อาจเป็นเพราะประสิทธิผลของยาเม็ดนั้นดี เพราะผ่านไปไม่นาน เด็กคนนั้นก็ส่งเสียงออกมาเบา ๆ เขาขมวดคิ้วและตื่นขึ้นมาในที่สุด

อาจเป็นเพราะสลบไปเป็นเวลานานจึงมีความไม่ทนต่อแสงอยู่บ้าง เด็กคนนี้ยกมือขึ้นมาบังบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว เพื่อบังแสงแดดจากภายนอก

มีรอยมัดที่ค่อนข้างลึกอยู่บนข้อมือของเขา มองดูแล้วค่อนข้างน่าขนลุก

“เจ้าคือกาวชุนไห่ใช่หรือไม่ ?” เจียงป่าวชิงนั่งยอง ๆ และถามจากด้านข้าง

เด็กคนนั้นตระหนักได้ว่ามีคนอยู่รอบกายเขาสองคน เขาจึงเก็บมือกลับมาอย่างตกใจพลางหรี่ตามองเจียงป่าวชิงด้วยใบหน้าที่ยังคงมีความหวาดกลัวหลงเหลือให้เห็น

อาจเป็นเพราะเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่รูปร่างท่าทางดูอ่อนแอ เด็กคนนั้นจึงผ่อนคลายจิตใจที่คอยระแวดระวังลง จากนั้นเขาก็ถามอย่างตื่นตัว “เจ้า… เอ่อ… เจ้าเป็นใคร ?”

ทว่าเจียงป่าวชิงไม่ตอบคำถามของเขา นางถามซ้ำอีกครั้ง “เจ้าคือกาวชุนไห่ใช่หรือไม่ ?”

เด็กคนนั้นพยักหน้าอย่างคนไร้เรี่ยวแรง จากนั้นเขาก็พูดพึมพำ “เจ้าเป็นใครกันแน่ ?”

เจียงป่าวชิงเห็นว่าเด็กคนนี้คือกาวชุนไห่จริง ๆ หัวใจของนางก็ผ่อนคลายลงทันที นางรู้สึกโล่งอกจริง ๆ “ข้าคือน้องสาวของเจียงหยุนชาน ได้ยินแม่เจ้าบอกว่าเจ้าช่วยพูดแทนพี่ชายข้า จึงถูกคนพวกนั้นพาลเอาเจ้าไปมีเอี่ยวด้วย ข้าจึงมาหาเจ้าที่โรงเรียน”

กาวชุนไห่ที่ขาดน้ำและอาหารมาสองวันยังคงเวียนศีรษะอยู่เล็กน้อย ทว่าเมื่อได้ยินเจียงป่าวชิงพูดถึงคนเลวระยำพวกนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะขดตัวเพราะความหวาดกลัว

เกิ่งจื่อเจียงช่วยพยุงกาวชุนไห่จากด้านข้าง กาวชุนไห่ยังยืนไม่ทันนิ่งก็เกือบหกล้มลงไปอยู่รอมร่อ เคราะห์ดีที่เกิ่งจื่อเจียงรีบพยุงเขาไว้ได้ทันท่วงที

ในหัวของกาวชุนไห่ยังตีกันให้วุ่น เขากำลังพยายามรวมสถานการณ์ปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน “พวกเจ้าช่วยข้าไว้รึ ?”

เจียงป่าวชิงพยักหน้า “ถือว่าใช่ ว่าแต่เจ้าเดินได้ไหม ? แม่ของเจ้ายังรอเจ้าอยู่ที่บ้านนะ”

กาวชุนไห่มีความร้อนใจอยู่เล็กน้อย “แม่ข้า… แม่ข้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ ?  ข้าไม่ได้กลับบ้านนานขนาดนี้ แม่ข้าจะต้องร้อนใจมากแน่ ๆ”

‘เกินกว่าร้อนใจแล้ว น้ากาวแทบจะสิ้นเนื้อประดาตัวเพื่อไถ่ตัวเจ้าออกมาอยู่แล้ว’ เจียงป่าวชิงคิดในใจ

เกิ่งจื่อเจียงพยุงกาวชุนไห่ ขณะที่เจียงป่าวชิงสะพายกล่องยาไว้ด้านหลัง พวกเขากำลังจะเดินออกไปข้างนอก กลับได้ยินเสียงหัวเราะที่ฟังดูดีอกดีใจเพราะเห็นผู้อื่นประสบเคราะห์จากพวกลูกขุนนางชั้นสูงดังมาจากข้างนอกเสียก่อน “ไป! เราไปดูกันเถอะว่ากาวชุนไห่มันตายหรือยัง”

“หืม ?! เหตุใดแม่กุญแจนี้ถึงเปิดได้ ?”

เกิ่งจื่อเจียงหวีดร้องในใจ จบแล้ว… ตอนนี้พวกเขากำลังจะออกไปจากประตูที่ว่างเปล่าและจะถูกจับได้ว่ายุ่งเรื่องชาวบ้านหรือนี่!

พวกลูกขุนนางชั้นสูงทยอยเบียดแย่งกันเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นว่ากาวชุนไห่ถูกแก้มัด ทั้งยังมีคนพยุงเขาไว้ พวกเขาก็โกรธจัดทันที “โอ้! กาวชุนไห่ เจ้ากล้ามาก กล้าให้คนมาช่วย เจ้าคิดว่าข้าตายไปแล้วรึถึงได้เรียกคนมาหยามหน้าข้าถึงที่นี่ ?!”

หัวโจกคนนั้น เจียงป่าวชิงคุ้นหน้าเป็นอย่างดี หากไม่ใช่หานอิงฉีที่ถูกนางเล่นงานเมื่อครั้งที่แล้ว ยังจะเป็นใครได้อีก ? ทว่าดูเหมือนว่าหานอิงฉีในตอนนี้จะหายดีแล้วและลืมความเจ็บปวดไปเสียสิ้น ครั้งที่แล้วเขายังเจ็บจนร้องโหยหวนอยู่บนพื้นเหมือหมาอยู่เลย ตอนนี้กลับออกมาใช้อำนาจบาตรใหญ่อย่างฮึกเหิมเสียอย่างนั้น

กาวชุนไห่ขดตัวเพราะหวาดกลัว เขาก้มหน้าลงพลางพูดขอให้อีกฝ่ายยกโทษให้ “คุณชายหาน ต่อไปข้าจะไม่พูดแทนเจียงหยุนชานอีกแล้ว ครั้งนี้เจ้ายกโทษให้ข้าเถอะนะ”

หานอิงฉียิ้มอย่างชั่วร้าย “เหอะ! ยกโทษให้เจ้าอย่างนั้นรึ ?! รอให้แม่ของเจ้ารวบรวมเงินครบยี่สิบตำลึงก่อนค่อยมาว่ากันเถอะ!”

นี่เป็นครั้งแรกที่กาวชุนไห่ได้ยินเรื่องนี้ เมื่อหูเขาได้ยินว่าเงินยี่สิบตำลึง เขาก็เบิกตากว้างทันที “บ้านข้าจะมีเงินตั้งมากมายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ?!”

หานอิงฉีหัวเราะราวกับคนบ้า “ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ก็เพราะบ้านเจ้าไม่มีอย่างไรล่ะข้าถึงได้สนุกนัก! ได้เห็นคนยากจนอย่างพวกเจ้าหมดเนื้อประดาตัวสิ้นหวังและพยายามดิ้นรนเพื่อรวบรวมเงินอย่างสุดชีวิต นี่มันช่างรู้สึกสนุกดีจริง ๆ!”

กาวชุนไห่ตาแดงทันที จากนั้นเขาก็สลัดเกิ่งจื่อเจียงสุดกำลังและพุ่งเข้าใส่หานอิงฉีอย่างรวดเร็ว “หานอิงฉี ข้าจะสู้กับเจ้าให้ตายกันไปข้าง!”

ทว่า… กาวชุนไห่ที่เหมือนไก่อ่อนแอหิวโหยมาเป็นเวลาสองวันสองคืนจะข่มขู่หานอิงฉีที่เป็นลูกของขุนนางชั้นสูงที่กินดีอยู่ดีได้อย่างไร ?

หานอิงฉีต้านทานโดยจับศีรษะของกาวชุนไห่ด้วยมือข้างเดียว จากนั้นเขาก็ถือโอกาสถีบกาวชุนไห่ออกไปอย่างโหดเหี้ยม  ลูกถีบนี้รุนแรงมาก เขาถีบลงไปตรงบริเวณท้องของกาวชุนไห่พอดิบพอดี กาวชุนไห่ถูกถีบจนกระเด็นออกไปชนกับกำแพง จากนั้นเขาก็อาเจียนออกมาเป็นเลือดและล้มลงไปในที่สุด

เจียงป่าวชิงโกรธขึ้นมาทันที นางเห็นหานอิงฉีปฏิบัติกับกาวชุนไห่เช่นไร ก็เหมือนเห็นหานอิงฉีปฏิบัติกับเจียงหยุนชานในตอนนั้นเช่นกัน  ส่วนเกิ่งจื่อเจียง ถึงแม้ว่าเขาจะมีความรู้งู ๆ ปลา ๆ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นหมอ จึงตะเพิดขึ้นเสียงดัง “เจ้าทำอะไรเขา ?! ร่างกายเขายังอ่อนแออยู่ ถ้าหากถีบเขาตายไปจะทำอย่างไร ?!” พูดเสร็จเขาก็เดินเข้าไปพยุงกาวชุนไห่และวัดชีพจรให้กาวชุนไห่ด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด

โชคดีที่ไม่ได้กระทบถึงอวัยวะภายใน และไม่ถือว่าบาดเจ็บอะไรมาก

ตอนนี้หานอิงฉีถึงจะหันความสนใจไปที่เกิ่งจื่อเจียงกับเจียงป่าวชิง  เขาถ่มน้ำลายลงบนพื้นก่อนจะพูดออกมา “เจ้าโง่นี่มาจากไหนกัน เหตุใดถึงได้กล้ามายุ่งกับเรื่องของข้า ? ทั้งยังกล้าตะเพิดข้าด้วย” แววตาเหยี่ยวของเขาจ้องเกิ่งจื่อเจียงเขม็ง “ข้าว่าเจ้าใช้ชีวิตจนเบื่อเต็มทนแล้วมากกว่า!”

เกิ่งจื่อเจียงถูกข่มขู่โดยหานอิงฉีที่เป็นลูกหลานของผู้มีอำนาจเช่นนี้ เขาที่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ๆ จึงรู้สึกกลัวอยู่เล็กน้อย ทว่าเมื่อมองกาวชุนไห่ที่อาเจียนเป็นเลือดอยู่ตรงกำแพงสลับกับหันไปมองเจียงป่าวชิงที่รูปร่างผอมจนเห็นกระดูก เกิ่งจื่อเจียงก็กัดฟันลุกขึ้นมาขวางอยู่ตรงหน้ากาวชุนไห่กับเจียงป่าวชิง แม้ว่าเขาจะไม่กล้ามองหานอิงฉีตรง ๆ แต่เขายังคงยืดคอและพูดออกมา “เจ้า! เจ้าอย่าอวดดีให้มันมากนัก เป็นมนุษย์… เป็นมนุษย์ต้องหัดรู้จักพูดด้วยเหตุผลสิ!”

ตั้งแต่พี่สาวของหานอิงฉีได้อำนาจจากการเป็นเมียน้อยของขุนนางอำเภอ น้อยครั้งมากที่หานอิงฉีจะเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้  เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็สังเกตเกิ่งจื่อเจียงก่อนเป็นอันกับแรก แล้วถึงจะหันไปสังเกตเจียงป่าวชิง ทว่าเมื่อเขาสังเกตดี ๆ เขากลับรู้สึกว่ายิ่งมองก็ยิ่งคุ้นหน้า ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป

เจียงป่าวชิงดูดีมาก แต่เนื่องจากนางเคยต้องกินอยู่อย่างอดอยาก ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอมาเป็นเวลานาน นางจึงหน้าตาเหลืองซูบ ประกอบกับเจ้าของร่างเดิมปัญญาอ่อนมาตลอด แววตาก็ไร้ความรู้สึกเช่นกัน ดังนั้นหน้าตาของนางจึงถูกหักคะแนนความงดงามไปมากอยู่พอสมควร

ตั้งแต่เจียงป่าวชิงมาเกิดใหม่ในร่างนี้ นางก็ค่อย ๆ บำรุงร่างกายมาตลอด รูปลักษณ์ของนางจึงเหมือนหินไร้การปรุงแต่งที่ถูกปัดฝุ่นออกไปแล้วค่อย ๆ ปรากฏความงดงามออกมาอย่างช้า ๆ ใครเห็นก็ยากที่จะลืมได้ลง

แม้ว่าหานอิงฉีจะเคยเห็นเจียงป่าวชิงเพียงแค่ครั้งเดียว และตอนนี้เจียงป่าวชิงยังปลอมตัวเป็นผู้ชายอีกต่างหาก เขาก็ยังคงจำเจียงป่าวชิงได้แม่น

“ไอ้ปัญญาอ่อน ที่แท้ก็เป็เจ้านี่เอง!”

.