บทที่ 115 หลิวเซียงเชิญชวน

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 115 หลิวเซียงเชิญชวน

-หื้ม เกิดอะไรขึ้นกันล่ะนั่น-

เฉินเฉียงที่พึ่งจะมุดกลับลงดินมานั้นเมื่อได้ยินเสียงก็อดนึกสงสัยไม่ได้ แต่เมื่อได้ยินเสียงคำรามลั่นของนายพลปู เขาก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง นี่ทำให้เขาหยุดแผนการกลับในทันที และหยุดรอเฝ้าดูผลลัพธ์ทีสมควรจะเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว

ในตอนนี้ เมื่อหมาป่าสีเงินจันทร์หลอนที่กำลังเดินจากไปได้เห็นนายพลปูพุ่งตรงข้ามเขตเข้ามา มันจ้องมองด้วยใบหน้าที่กระตุกจนบังเกิดความโกรธและพูดออกมา “ไอ้เจ้าปู นี่แกโง่รึเปล่าเนี่ย”

“ไม่ใช่ว่ากุนซือเต่าพึ่งจะบอกไปไม่ใช่เหรอว่านี่ต้องเป็นแผนการของไอ้พวกมนุษย์ที่ต้องการให้พวกเราขัดแย้งกันเอง”

“ไอ้ฉิบหาย พวกแกฆ่ากุนซือเต่าไปแล้ว นี่ไม่เพียงทำลายความแข็งแกร่งของเจ้า แต่มันรวมถึงสงครามของพวกเรา”

“นี่แกคิดว่าพวกเราโง่พอให้แกหลอกอีกรึไง ไอ้พวกเลวระยำอย่างพวกแกมันก็คิดว่าพวกเราเหล่าสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลเป็นเพียงอาหารทะเลของพวกแกเท่านั้นแหละวะ”

“ในวันนี้ข้าจะจับตัวพวกแกแล้วนำพวกแกกลับไปกินแบบเดียวกับที่พวกมนุษย์ชอบทำกัน ช้าจะฆ่าและลิ้มรสเนื้อของพวกแกให้สาแก่ใจ”

“ไอ้ตัวสมองน้อย แกคิดจริงๆเหรอว่าพวกเราเหล่าสัตว์ประหลาดแห่งแผ่นดินจะกลัวพวกแกน่ะ พี่น้อง รีบกลับไปส่งข่าว บอกไปว่าพวกเราจะฆ่าไอ้ตัวโง่งมพวกนี้”

“ในคืนนี้ พวกเราจะลิ้มรสอาหารทะเลให้อิ่มหมีพีมัน”

ด้วยนิสัยที่นักเลงพอของหมาป่าสีเงินจันทร์หลอนแล้ว มันไม่คิดจะอธิบายอีกต่อไป ตัวมันได้พุ่งเข้าใส่นายพลปูอย่างบ้าคลั่งเช่นเดียวกัน

ในทันทีที่สัตว์ประหลาดระดับนายพลวิญญาณทั้งสองตัวปะทะกัน สัตว์ประหลาดตัวอื่นก็ทำการเฮโลถาโถมใส่กันเป็นที่เรียบร้อย

ทั้งสองฝ่ายนั้นแต่เดิมก็คอยตั้งพลไว้ตรวจตรากันและกันอยู่แล้ว มาในตอนนี้ เมื่อมนุษย์เริ่มถอยร่น นี่จึงทำให้พวกมันไม่มีอะไรต้องกังวลอีก และด้วยความเข้าใจผิดเล็กๆนี้ ก็ได้เปลี่ยนเป็นสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์อีกครั้ง

เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดทั้งสองฝ่ายห้ำหั่นกันด้วยดวงตาที่แดงฉาน เฉินเฉียงก็อดที่จะดีใจอย่างลับๆ และรีบตรงกลับไปยังอ่าวจันทร์เสี้ยว

ในฐานบัญชาการที่อ่าวจันทร์เสี้ยว จางหยวนในตอนนี้เริ่มเป็นกังวลเล็กน้อย นั่นก็เพราะพวกเขาไม่เห็นเฉินเฉียงกลับนานเกินชั่วโมงนึงแล้ว

“กัปตัน หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับน้องเฉินเฉียง”

“พูดจาไร้สาระ เฉินเฉียงนั้นมีความสามารถที่เหนือล้ำ แถมยังเคลื่อนไหวไปมาใต้ดินราวกับวิ่งเล่น เขาจะไปเกิดเรื่องขึ้นได้ยังไงกัน”

ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ท่าทางจางหยวนนั้นก็ยังยึกยักอยู่ไม่สุขอยู่ดี และเพียงจางหยวนเตรียมที่จะถามอะไรบางอย่างรอบๆ นักรบคนหนึ่งก็ได้วิ่งเข้ามา

“ขอรายงาน ท่านนายพล พี่น้องของพวกเราที่ลาดตระเวนอยู่ที่แนวเขตพบเห็นสัตว์ประหลาดและสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเล กำลังต่อสู้กัน ครับ”

“ว่าไงนะ” หลิวเซียงถามออกมา “ข่าวนี้เชื่อถือได้รึ”

“เป็นความจริงครับท่านนายพล พี่น้องของพวกเราได้เห็นอย่างชัดเจนว่าสัตว์ประหลาดจำนวนมากกำลังถาโถมไปยังทิศทางที่มั่นของสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเล ราวกับกำลังสู้รบกันเอง ส่วนที่ว่าทำไมถึงสู้กันนั้น พวกเรายังไม่ทราบแน่ชัดในตอนนี้”

“ดี พวกเจ้ารีบหาข้อมูลต่อไป”

หลิวเซียงได้ไล่นักรบออกไป ก่อนที่จะเดินไปทั่วห้องด้วยใบหน้าที่มีความสุข “นี่เป็นโอกาสอันดี ถ้าไอ้พวกสัตว์ประหลาดทั้งสองฝั่งนั้นต่อสู้กันละก็จะต้องมีการบาดเจ็บและล้มตาย นี่จะทำให้พวกเรามีโอกาสชนะง่ายขึ้น”

“นายพล ข้าคิดว่าคงถึงเวลาที่พวกเราจะออกโรง อีกอย่าง เป็นไปได้ว่าเฉินเฉียงเองก็อาจจะติดอยู่ในการต่อสู้นั้น ข้าคิดว่าเป็นเพราะการต่อสู้นี้กระชั้นมากทำให้เฉินเฉียงไม่อาจจะกลับมาได้ พวกเขาต้องไปช่วยเขากลับมา”

หลังจากจางหยวนพูดจบ เขาและคนอื่นในกองกำลังอีกเจ็ดคนก็เตรียมพร้อมและรอคำสั่งของหลิวเซียงที่จะส่งพวกเขาออกไป

หลิวเซียงที่เห็นได้รีบหยุดจางหยวนและคนอื่นๆไว้ทันที “ไม่ ในตอนนี้ความขัดแย้งของพวกมันพึ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น พวกเราควรจะคอยให้พวกมันให้ฆ่ากันให้ตายไปสักระยะก่อน หากว่าเราไปโจมตีพวกมันในตอนนี้ พวกมันอาจเลิกโจมตีกันเอง นั่นจะทำให้พวกเราไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควรจะเป็น”

“อีกอย่าง หากเรายกพลไปที่นั่นในตอนนี้ พวกมันอาจเลิกตีกันเองแล้วหันมาเล่นงานพวกเราแทน”

“ด้วยความแข็งแกร่งของเราในตอนนี้ ข้าเกรงว่าหากพวกมันหันมาเล่นงานเราแทน พวกเราจะป้องกันฐานที่มั่นแห่งนี้ไม่ได้อีกต่อไป”

“ไม่ครับ ท่านนายพล ตราบใดที่พวกข้านั้นรอบเล้นเข้าไป พวกเราย่อมไม่ถูกพวกมันค้นพบได้โดยง่าย” หลิวไฮ่ในตอนนี้ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน “พี่น้องของพวกเรานั้นยังอยู่ที่นั่น พวกเราต้องไปช่วยเขา”

“ไม่ต้องพูดแล้วหลิวไฮ่ นี่คือเรื่องของกองกำลังเทียนเว่ย พวกเราไม่ควรไปรบกวนนายพลหลิว พวกเราจะไปกันด้วยตัวเอง”

หลังจากพูดจบ จางหยวนและคนในกองกำลังทั้งเจ็ดได้พุ่งตรงออกไป ตอนนั้นเอง พวกเขาก็ได้ปะเข้ากับเฉินเฉียงที่กำลังเดินเข้ามา

“อ้าว กัปตัน พวกท่านจะไปไหนกันน่ะ”

“เฉินเฉียงเหรอ นี่เจ้ายังไม่ตายอีกเรอะ” จางหยวนก้าวขึ้นหน้าก่อนที่จะวางมือไว้บนบ่าของเฉินเฉียงอย่างหนักแน่น “บอกความจริงข้ามา เป็นเจ้ารึเปล่าที่ทำให้สัตว์ประหลาดกับสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลต่อสู้กัน”

เฉินเฉียงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะพูดออกมา “สถานการณ์ภายในนั้นเป็นจริงอย่างที่นายพลหลิวได้ว่าเอาไว้ว่าพวกมันมีการแบ่งเขตกันอย่างชัดเจน และพวกมันยังส่งพวกของตนมาเฝ้าเขตที่แบ่งนั้นไว้อย่างแน่นหนา นี่จึงหมายความว่าพันธมิตรของพวกมันนั้นทำการแบบหลวมๆ เมื่อคิดได้ดังนั้น ข้าเองจึงใช้ทริคเล็กๆน้อยๆ ให้พวกมันขัดแย้งกัน แต่นึกไม่ถึงเหมือนกันจะลุกลามใหญ่โตขนาดนี้”

เฉินเฉียงพูดออกมาโดยเก็บงำรายละเอียดที่เขาได้ฆ่ากุนซือเต่าของพวกมันไว้ เพราะการเก็บเรื่องที่เขารู้ภาษาสัตว์ประหลาดได้นี่ทำให้เขานั้นได้รับประโยชน์มากกว่าเป็นไหนๆ

อีกอย่างหนึ่งคือ เขานั้นยังไม่เคยได้ยินว่ามีคนที่เข้าใจภาษาสัตว์ประหลาดได้ หากเรื่องนี้รู้ออกไปละก็ เขาคงไม่แคล้วต้องถูกจับไปเป็นหนูทดลองเป็นแน่แท้ ไม่ก็อาจจะถูกส่งเข้าศูนย์วิจัย ซึ่งนั่นจะเป็นปัญหาของเขาอย่างมาก

“อ้อ แล้วก็ท่านนายพลหลิว ข้ามีความเห็นว่าท่านควรลอบส่งคนไปขอกำลังเสริมจากตึกจอมพลเป่ยเชินและตึกจอมพลแห่งกันหนันเพื่อขอกำลังเสริมจะดีกว่า เมื่อสัตว์ประหลาดทั้งสองฝั่งเจ็บหนักกันทั้งคู่แล้ว นี่จะเป็นโอกาสของพวกเราในการทวงผืนแผ่นดินคืน ท่านเห็นว่าเป็นยังไง”

“ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอนอยู่แล้ว นี่คือสิ่งที่ข้ากำลังคิดพอดี”

หลังจากพูดจบ หลิวเซียงก็ได้ส่งทหารยามผู้ซึ่งมีสายเลือดวายุให้ไปยังตึกจอมพลทั้งสองเพื่อขอกำลังเสริม

“ข้าล่ะสงสัยจริงๆว่าการต่อสู้ระหว่างพวกมันนั้นจะไปได้ถึงไหน และพวกเราสมควรจะส่งทหารออกไปเมื่อไหร่”

“เรื่องนั้นย่อมไม่ยากเย็น”

เฉินเฉียงได้ยิ้มและพูดออกมา “ข้าเองก็อยากจะกลับไปเฝ้าดูพวกมันเหมือนกันว่าพวกมันจะสู้กันดุเดือดขนาดไหน เอาเป็นว่าหากพวกมันสู้กันเกือบจะจบ ข้าจะรีบกลับมารายงานท่าน หลังจากนั้นพวกเราค่อยไปล่าฆ่าพวกที่เหลือ”

“รอก่อน”

หลิวเซียงได้เรียกเฉินเฉียงไว้ก่อนที่จะส่งธนูแสงจากแหวนของเขาให้ก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าหนู หากเจ้าพบว่าจำนวนของพวกมันตกตายไปเกินครึ่ง เจ้าสามารถยิงธนูแสงนี้ได้ เมื่อเพื่อเราเห็นธนูแสงนี้ พวกเราจะเริ่มจู่โจมในทันทีและเจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยกลับมา เจ้าคิดว่ายังไง”

“มีของอย่างนี้ด้วยเหรอเนี่ย แน่นอนว่าข้าย่อมเห็นด้วย”

เฉินเฉียงได้ยื่นมือไปรับธนูแสงมาก่อนที่จะถามวิธีใช้ หลังจากนั้นเขาก็ดำดินลงไปอีกครั้ง

“กัปตันจาง เจ้าเด็กนี่ไม่ธรรมดา ข้ามีบางอย่างจะถามเจ้า ข้าหวังว่ากัปตันจางเองจะยินยอม”

“ผู้การหลิวอย่าได้เกรงใจ โปรดบอกข้ามาว่าท่านต้องการอะไร”

“ข้าอยากให้กัปตันจางช่วยคุยกับเฉินเฉียงให้มาทำงานกับทางข้าได้หรือไม่” นายพลหลิวพูดออกมา

“ไม่ต้องเป็นกังวลไป ตราบใดที่เด็กนั่นยอมเข้าร่วม ข้าจะหาตำแหน่งให้เขาเป็นหัวหน้าหมวดเป็นอย่างน้อย”

จางหยวนและคนอื่นๆในกองกำลังได้มองหน้ากันด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะส่ายหัวและพูดออกมา “นายพลหลิว ต่อให้พวกเราทั้งกองกำลังช่วยพูดก็เท่านั้น”

“เพราะเฉินเฉียงเองนั้นย่อมไม่เห็นด้วย”

“โอ้ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น หรือว่าท่านคิดว่าข้อเสนอของข้าไม่ดีพอ”

“เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ข้าล่ะสงสัยว่านายพลหลิวเคยได้ยินชื่อของฮีโร่สงครามอย่างเฉินเทียนเว่ยแห่งตึกจอมพลเหมันต์จันทราหรือไม่”

“เฉินเทียนเว่ยเหรอ” หลิวเซียงยิ้มออกมา “ถึงแม้ว่าเขาจะมาจากกันหนัน แต่ข้าเองก็ได้ยินชื่อนี้มานานแล้ว เท่าที่ข้าจำได้ เขาเองยอมสละชีวิตเพื่อช่วยผู้การเว่ยหยวนตี้ไว้ไม่ใช่รึ และในตอนนั้นกองกำลังเทียนเว่ยก็มีผู้การเฉินเป็นคนควบคุมอยู่”

“นายพลหลิวพูดได้ถูกต้องแล้ว และนั่นเองก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขานั้นต้องการอยู่กับพวกเราและไม่ยอมไปไหนอย่างแน่นอน”

“นั่นก็เพราะเขาคือทายาทเพียงคนเดียวของผู้การเฉินเทียนเว่ยที่หลงเหลือไว้ในโลกใบนี้”

จางหยวนได้พูดออกมา และนี่เองทำให้หลิวเซียงเข้าใจได้ในที่สุด “เป็นเช่นนี้”

“พ่อที่ทรงพลัง ลูกชายนั้นย่อมไม่มีทางอ่อนแอ”

“ไม่สิสิ่งที่เฉินเฉียงได้กระทำในวันนี้ จะดียิ่งกว่าซะอีกเพราะเอาชนะข้าศึกนับหมื่นได้ด้วยตัวคนเดียว”