บทที่ 96

คืนนั้นถังหยินไปหาหลีเทียนกับอัยเจีย เพราะหน่วยข่าวกรองของทั้งสองถูกก่อตั้งมาได้ร่วมเดือนแล้ว และเขาก็อยากรู้ว่าผลเป็นอย่างไรบ้าง

ไม่นานนัก หลีเทียนกับอัยเจียก็มาตามคำเรียก พวกเขานั่งลงในชุดธรรมดาสีขาวที่อวดเรือนร่างให้ดูโดดเด่น รอยยิ้มแห้ง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้งสอง

ถังหยินมองหน้าพวกเขา และยิ้มออกมา เพราะเมื่อเทียบกับตอนที่พวกเขาอยู่เมืองหยานแล้วนั้น ทั้งสองต่างก็ซูบผอมลงไปมาก อีกทั้งผิวก็ยังแห้งกรังอีก ราวกับว่าพวกเขาได้ใช้พละกำลังที่มีในการฝึกทหารใหม่ไปจนหมดแล้ว “หลีเทียน อัยเจีย ผลที่ได้เป็นอย่างไรบ้าง ?”

ทั้งสองมองหน้ากันก่อนรายงาน “นายท่าน พวกเราทำเต็มที่แล้ว แต่ถ้าจะใช้งานพวกเขาจริง ๆ อาจต้องรออีกสักหน่อย” พวกเขาก้มหัวด้วยความอับอาย บอกตรง ๆ เลยว่าช่วงเวลาเช่นนี้นั้นนับได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่หน่วยข่าวกรองมีความสำคัญที่สุดแล้ว เพราะข้อมูลเกี่ยวกับพวกมอร์ฟีสจะต้องแม่นยำที่สุดเพื่อรับมือกับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น ทว่า พวกเขาก็ไม่อาจทำได้แบบที่ต้องการ

แต่ถึงจะได้ยินเช่นนั้น หากทว่าถังหยินก็ไม่ได้ผิดหวังแม้แต่น้อย แถมยังยอมรับได้อีกด้วย อย่างที่ได้บอกไป หลีเทียนเป็นคนที่เข้มงวดในขณะที่อัยเจียก็เป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ ทั้งสองพยายามจัดตั้งหน่วยข่าวกรองที่ดีที่สุดขึ้นมา ดังนั้นแล้วการใช้เวลาเพื่อรากฐานที่มั่นคงจึงเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ “แล้วพวกเราต้องรออีกนานเท่าไหร่ ?”

ทั้งสองขมวดคิ้วและพูดขึ้น “ราว ๆ 3 เดือน”

ได้ยินแบบนั้นอัยเจียก็เปลี่ยนคำตอบ “สำหรับข้านั้น ขอเวลาเพียง 2 เดือนก็พอ”

หลีเทียนหันมองอัยเจียอย่างประหลาดใจ ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ด้วยเคยร่วมงานกับนางมาก่อน จึงทำให้เขารู้ว่านางนั้น ดูจะไม่ค่อยชอบตนสักเท่าไหร่

เพราะในขณะที่เขาฝึกทหารเป็นเวลา 2 ชั่วยามกับอีก 1 ก้านธูป นางกลับใช้เวลามากถึง 3 ชั่วยามในทุก ๆ วันไปกับการฝึกทหาร และเมื่อเขาให้ทหารแบกสิ่งของหนัก อัยเจียก็มักจะให้หน่วยตัวเองแบกของหนักยิ่งกว่าในทุกวัน ซึ่งนี่ก็ยังไม่นับรวมสิ่งอื่น ๆ อีกมากมายหลายอย่าง

ทว่าหลีเทียนนั้นมีวุฒิภาวะมากพอ ดังนั้นเขาจึงทำทีเป็นไม่สนใจในท่าทีดังกล่าวอัยเจีย

ถังหยินมองทั้งสองและหัวเราะ “ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าจงกลับไปที่เมืองเฮิงเสียก่อน เผื่อมีอะไร ข้าจะได้เรียกใช้”

หลีเทียนกับอัยเจียนั้นอยากจะรีบกลับไปฝึกทหารของตน แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาไม่อาจคำสั่งของถังหยินได้ ทั้งสองได้แต่มองหน้าชายหนุ่มและลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่าง

ถังหยินเข้าใจดีและหัวเราะออกมา “เราควรมุ่งเน้นไปที่การป้องกันเมืองมากกว่า ในตอนนี้ข่าวกรองยังไม่จำเป็นขนาดนั้น เมื่อพวกเราจะทำการรุกรานพวกมันในอนาคต พวกเจ้าจะถูกเรียกใช้งานแน่นอน ไม่ต้องกังวลไป”

โจมตีพวกมอร์ฟีสในอนาคต ? ทั้งสองตะลึง เพราะปกติแล้วต้องเป็นฝ่ายของพวกมันเสียมากกว่าที่บุกแคว้นเฟิง

หลีเทียนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะหยิบเอาแผ่นหนังบางอย่างออกมาให้กับถังหยิน

“นี่คือ ?” ถังหยินถาม

“นายท่าน นี่คือสิ่งที่พวกเราเจอจากพวกมอร์ฟีส มันคือแผนที่ดินแดนพวกเขา”

ดวงตาของถังหยินเบิกโพลง เขารับมันมาและมองให้แน่ใจว่าเป็นแผนที่จริง ๆ หรือไม่ ซึ่งภายในนั้นมันก็เต็มไปด้วยลวดลายต่าง ๆ ที่บ่งบอกถึงภูเขา แม่น้ำ เมือง และถนนมากมาย ต่างก็แค่เพียงตัวอักษรบนนั้นที่มีแต่ภาษาอันไม่คุ้นชิน ทำให้บอกไม่ได้ว่านี่เป็นแผนที่ของรัฐเบสซ่าหรือไม่

หลีเทียนรีบอธิบาย “นายท่าน พวกเรากำลังหาคนที่สามารถอ่านมันได้อย่างเร็วที่สุด”

“เยี่ยมมาก” ถังหยินพยักหน้าแล้วคืนแผนที่ให้หลีเทียน “สิ่งนี้สำคัญมาก ในอนาคตเราจะต้องได้ใช้มันแน่ อย่าทำมันหายเสียละ” เขาเห็นอัยเจียเอียงคอมองแผนที่ด้วยตาเป็นมันวาว จึงพูดสำทับไปว่า “แล้วก็คัดลอกให้กับอัยเจียด้วย”

“ขอรับ” หลีเทียนรับคำสั่ง

อัยเจียที่ได้ยินดังนั้นก็พลันมีสีหน้าที่ดีใจ เพราะในอนาคตถังหยินจะต้องให้หน่วยของพวกเขาเข้าไปในเขตมอร์ฟีสเพื่อทำการสอดแนม ดังนั้นการมีแผนที่นี้จึงจะช่วยแบ่งเบาภาระไปได้มากอย่างแน่นอน

“เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ออกไปเสีย”

“น้อมรับบัญชา !” ทั้งสองเดินออกไปพร้อมกัน

เมื่อพวกเขาไปแล้ว ถังหยินเองก็พาพี่น้องฉางกวงเดินออกจากจวนมุ่งตรงไปยังประตูเมืองทางทิศเหนือ

ตอนนี้กำแพงทางเหนือของเมืองเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย คบเพลิงถูกจุดติด และมีนายทหารอยู่บนกำแพงเมืองตามคำสั่งของจางโจว พวกเขาติดตั้งหน้าไม้และธนูเพื่อเตรียมรับการโจมตีทุกเมื่อ

ถังหยินหยุดเดินและมองขึ้นไป

พี่น้องฉางกวงจึงถาม “พวกเราจะไม่ขึ้นไปกันหรือนายท่าน ?”

ถังหยินส่ายหัว “ไม่จำเป็น ถ้าขึ้นไปก็ยิ่งทำให้พวกเขาลำบากใจเปล่า ๆ”

ชายหนุ่มไม่คิดว่าถ้าตนไปขึ้นจะทำอะไร อย่างมากก็คงได้แต่ยืนเฉย ๆ เขาหันมองไปรอบ ๆ และเห็นเข้ากับโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกลออกไป นับเป็นของหายากทีเดียวที่ยังเปิดทำการอยู่ ดังนั้นถังหยินจึงเดินเข้าไป

โรงเตี๊ยมแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่มาก มีแค่ชั้นเดียวและการตกแต่งก็พื้น ๆ มันสามารถจุคนได้ราว ๆ 50 – 60 คนเท่านั้น อีกทั้งกว่าครึ่งที่นั่งอยู่ในร้านก็เป็นทหาร

ถังหยินที่เพิ่งเข้ามาดูโดดเด่นไปอย่างมาก ด้วยใบหน้าขาวเหมือนกับหยก แถมด้วยชุดที่ดูดี จึงทำให้เขาดูเหมือนกับลูกคนรวยในขณะที่พี่น้องฉางกวงเหมือนกับองครักษ์ส่วนตัว

ชายหนุ่มเมินทุกสายตาและไปนั่งโต๊ะที่ว่างอยู่ โดยมีอีก 2 คนนั่งข้าง ๆ

ไม่นานนักเสี่ยวเอ้อก็เดินมาพร้อมรอยยิ้ม “ท่านทั้งสามจะรับอะไรดีขอรับ ?”

เขาคนนี้ยังหนุ่มมาก อายุไม่เกิน 20 ด้วยซ้ำ ถังหยินตอบกลับ “เจ้ามีเหล้าหรือไม่ ?”

“แน่นอนขอรับ ท่านอยากได้แบบใดกัน ?”

ถังหยินหันไปมองหยวนเปียว

หยวนเปียวพูดอย่างหนักแน่น “ข้าขอเหล้าขาว”

“ได้เลยขอรับ” เสี่ยวเอ้อรีบเดินกลับไปทันที

ระหว่างนั้นถังหยินก็หันมองโดยรอบ ทำการตรวจสอบลูกค้าในร้าน

สังเกตจากชุดพวกนี้ ก็บอกได้เลยว่าพวกเขาคือทหารเลวและเป็นไปได้ว่าอาจจะไม่รู้จักถังหยิน พวกเขาพากันกินและดื่ม ทำราวกับว่าไม่ได้เห็นชายหนุ่มในสายตา ส่วนโต๊ะอีกสองตัวที่ไกลออกไป ก็มีชาย 4 คนในชุดธรรมดากำลังดื่มกินกันอยู่

ไม่นานนักบริกรก็นำเหล้าขาวมาให้ ถังหยินยกมันขึ้นมารินและยกซดไป 1 จอก

เหล้าของแคว้นเฟิงนั้นว่าแรงแล้ว แต่ที่ปิงหยวนนั้นแรงยิ่งกว่า หลังจากกินไปครึ่งจอก ถังหยินก็เริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมา

เขายกมือขึ้นกุมปากกับจมูกและหัวเราะเบา ๆ “เยี่ยมมาก เป็นเหล้าที่เยี่ยมมากจริง ๆ”

สองพี่น้องยิ้มให้กันและซดเหล้าในจอกเดียวกัน

ทั้งสามจัดการเหล้าทั้งหมดอย่างรวดเร็วจนเมามาย

ถังหยินมองจอกเหล้าในมือและคิดถึงอู่เหมยและหยินโรว

เขาไม่รู้ว่าตอนนี้อู่เหมยจะทำอะไรอยู่ และไม่รู้ว่าหยินโรวจะทำหน้าที่ของนางได้ดีหรือไม่ ?

ในตอนนั้นเขาน่าจะเขียนจดหมายถามไปให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ถังหยินถอนหายใจ และตอนที่กำลังจะดื่ม ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงหัวเราะลั่นของพวกทหารเลวที่ดังขึ้น

เขาวางจอกเหล้าลงและถามกลับ “พวกเจ้ามีเวลามากแค่ไหนกัน ?”

พวกเขาหันมามองถังหยิน

ในตอนนี้พวกทหารทั้งหกกำลังเมาได้ที่ หนึ่งในนั้นจึงถามขึ้น “เจ้าจะมายุ่งทำไมกันเล่า ?”

“กล้าดียังไง !” หยวนอู่และหยวนเปียวเห็นอีกฝ่ายตอบเช่นนั้นก็เริ่มออกอาการโกรธ พร้อมจะเข้าไปสั่งสอนทุกเมื่อ

ถังหยินส่ายหัวและหัวเราะ ก่อนจะส่งสัญญาณอย่างลับ ๆ “ข้าเห็นพวกทหารบางส่วนกำลังจัดเตรียมการป้องกันอยู่ที่บนกำแพงนั่น ข้าก็เลยสงสัยว่าเหตุใดพวกเจ้าจึงว่างลงมาดื่มอะไรแบบนี้กันหรือ ?”

“หึ ! เจ้าจะกลับไปรายงานเจ้านายของพวกเราหรือไงกัน ?” นายทหารมองถังหยินด้วยความเหยียดหยาม “ไอ้หนุ่ม เจ้าไม่ควรเข้ามายุ่มย่ามเรื่องนี้ ไม่งั้นข้าจะจับเจ้าในฐานะของสายลับมอร์ฟีสซะเลย !”

กล้าหาญชาญชัยยิ่งนัก ! ถังหยินเลิกคิ้วขึ้นและเมื่อกำลังจะพูด อีกโต๊ะก็พูดขึ้นทันที “ในเมื่อเจ้ายังมีชีวิตอยู่ก็ดื่มให้เต็มที่เถอะ ก่อนที่พวกมอร์ฟีสจะมาจัดการเจ้าให้ตายจนสิ้นซาก !”