ตอนที่ 147 ไม่เจอวันเดียวก็แทบขาดใจ / ตอนที่ 148 ไม่เป็นที่รู้จักมากพอ

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 147 ไม่เจอวันเดียวก็แทบขาดใจ

 

 

เมื่อได้ยินเธอถามดังนั้น ป๋อจิ่งชวนก็เอื้อมมือไปค้ำตรงขอบประตูที่เธอพิงอยู่

 

 

แผ่นหลังของเธอแนบชิดกับประตูลงไปอีกอย่างลืมตัว แต่กลับถูกเขากักเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

 

 

“ยัยคนใจไม้ไส้ระกำ!”

 

 

“นี่…”

 

 

ในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยคำทักท้วง

 

 

“ไม่เจอหน้าคุณวันเดียว ผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองคิดถึงคุณจนแทบขาดใจ วันนี้ถ้าคุณยังจะย้ายออกไปอีก ถ้าไม่เรียกว่าใจร้ายแล้วต้องเรียกว่าอะไร”

 

 

ตูมมม

 

 

ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นทันตา!

 

 

หัวใจทั้งดวงนั้นระเบิดออกตรงกลางอก

 

 

สมองขาวโพลน

 

 

เธอเตรียมพร้อมเพื่อจะมาฟังคำหยอดของเขาแล้วนะ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าอานุภาพของมันจะร้ายแรงขนาดนี้!

 

 

ไม่เจอวันเดียว แทบขาดใจ…

 

 

แพขนตาของเธอสั่นไหวไปมาเบาๆ มองใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่ใกล้เข้ามาไม่ถึงคืบ

 

 

ผู้ชายคนนี้!

 

 

ผู้ชายคนนี้ช่าง…

 

 

คนคนหนึ่งที่สะกดสายตาให้สนใจเขาและเข้าไปนั่งในใจของคนมองตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ

 

 

ตอนแรกที่เจอกันที่โรงพยาบาล ในสายตาของเธอก็แค่ผู้ชายที่สูงส่งสุดไขว่คว้าคนหนึ่ง

 

 

เขาทั้งลึกลับ เย่อหยิ่งและเฉียบแหลม มีเสน่ห์ เป็นสุภาพบุรุษและความเย็นชาที่แผ่อยู่รอบกาย

 

 

เขาไม่น่าจะเป็นผู้ชายที่ยอมหยุดให้ผู้หญิงคนไหน

 

 

แต่เธอคาดไม่ถึงเลยว่า…

 

 

การปลุกปั่นผู้หญิงของเขา แทบจะ…ไม่มีใครสู้ได้

 

 

และที่สำคัญ เขายังใช้ใบหน้าหล่อเหลาและเย็นชานั้นมาปั่นป่วนเธออีก แล้วแบบนี้ใครจะไปทนไหว!

 

 

เธอรู้สึกว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่โดดเด่นอะไร ทว่าป๋อจิ่งชวนที่อยู่ตรงหน้านี้ กลับทำให้เธอรู้สึกว่าเธอต้องพิจารณาตัวเองให้ถ้วนถี่

 

 

ทำไมถึงแพ้ให้ความยั่วเย้าได้ราบคาบเช่นนี้

 

 

“อยู่ที่นี้แหละ หืม?” เขาเริ่มปลุกปั่นที่ข้างใบหูเธออีกครั้ง

 

 

“ไม่เอา!”

 

 

และในที่สุดสติสัมปชัญญะอันน้อยนิดก็ทำให้เธอเอ่ยปฏิเสธออกไป

 

 

อาจเป็นเพราะสัมผัสได้ถึงความเด็ดเดี่ยวในน้ำเสียง หลังจากที่เขางับเธอลงไปอีกครั้ง เขาก็ได้ยกตัวขึ้น

 

 

โหนกคิ้วของเขายกขึ้น กลางหน้าผากขมวดเข้าหากันเบาๆ การกระทำเล็กน้อยทว่าเครื่องหน้ากลับแสดงออกได้อย่างลึกซึ้ง

 

 

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะเผยให้เห็นความไม่พอใจออกมา

 

 

เฉินฝานซิงอดไม่ไหวที่จะยกมือกดลงไปตรงหว่างคิ้วของเขาแล้วขำออกมาเบาๆ

 

 

“งอนฉันอยู่? งั้นจะเอาไงดีล่ะ ฉันออกจะโดดเด่นขนาดนี้ ผู้ชายที่จ้องจะจีบฉันอยู่ข้างนอกนั่นก็ไม่ใช่น้อยๆ ”

 

 

เธอรู้สึกได้ว่าตรงหว่างคิ้วที่นิ้วของเธอกดอยู่นั้นขมวดแน่นขึ้นอีก

 

 

“เฉินฝานซิง!” น้ำเสียงของเขาเข้มขึ้นอีกนิด ในดวงตาส่งสัญญาณเตือน

 

 

เขาแคร์?

 

 

เขาต้องแคร์อยู่แล้วสิ!

 

 

สิ่งสำคัญที่เขาไขว่คว้ามาได้ จะปล่อยให้ตกไปอยู่ในกำมือคนอื่นได้ยังไง!

 

 

เฉินฝานซิงรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งถูกอัดแน่นลงไปในใจของเธอ มันแน่นจนแทบจะปะทุออกมา

 

 

เธอดึงมือที่วางไว้ตรงหว่างคิ้วของเขามาไขว้ไว้ด้านหลัง ก่อนจะมองเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

 

 

“ฉันพูดจริงๆ นะ การปลูกต้นรักมันง่ายขนาดนั้นซะที่ไหน การปฏิวัติยังไม่สำเร็จบรรลุเป้าหมาย พี่น้องร่วมอุดมการณ์ยังต้องมุ่งมั่นดำเนินการต่อ สู้ๆ!”

 

 

เธอยกมือขึ้นจัดเนกไทที่เพิ่งจะผูกไปเสร็จเมื่อกี้อย่างละเอียดอีกครั้ง

 

 

เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าที่อึมครึม เธอก็อดไม่ได้ที่จะเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบลงบนคางที่หยิ่งทะนงของเขาไปหนึ่งครั้ง

 

 

“ฉันจะรอวันที่คุณมาสู่ขอนะ”

 

 

รูม่านตาเขาหดเล็กลงในทันที ความขุ่นเคืองที่โอบรัดหัวใจอยู่เมื่อครู่ ค่อยๆ มลายหายไปอย่างไร้วี่แวว

 

 

สุดท้ายหลังจากที่เงียบไปสักพักเขาก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

“จะย้ายออกไปก็ได้ แต่เรื่องบ้านผมจะเป็นคนหาให้เอง”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 148 ไม่เป็นที่รู้จักมากพอ

 

 

เธอไม่ได้บอกปัดความต้องการของเขา เขาอยากจะหาบ้านให้ ก็ให้เขาหาไปนั่นแหละดีแล้ว

 

 

ยังไงซะเธอก็คิดว่าที่นี่ห่างจากที่ทำงานของเธอพอสมควร

 

 

หลายปีมานี้เธอเคยชินกับการใช้ชีวิตเร่งรีบของคนสมัยนี้ ที่นี่เป็นเพียงที่ที่เธอประทับใจ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาจะเคลิบเคลิ้มไปกับมัน

 

 

เธอเตรียมรับคำครหาจากเพื่อนร่วมงานใหม่ที่บริษัทและเตรียมแสร้งเป็นหูทวนลม วันแรกที่เธอมาถึงที่นี่กลับได้รับพิธีต้อนรับขนาดย่อม

 

 

เธออึดอัดอยู่บ้าง

 

 

เพราะไม่คุ้นชินกับความอบอุ่นแบบนี้ซักเท่าไหร่

 

 

สวี่ชิงจือมองดูปฏิกิริยาของเธอก่อนจะตบมือแล้วเอ่ยขึ้น

 

 

“เอาล่ะ…ตอนนี้ฉันขอประกาศว่าต่อแต่นี้ไปฝานซิงจะมาเป็นนักปรุงน้ำหอมให้กับพวกเรา ซือหลัว ต่อไปเธอคือผู้ช่วยของนักปรุงน้ำหอม”

 

 

“รับทราบค่ะ ประธานสวี่”

 

 

หญิงสาวผมทรงหน้าม้าในเดรสสีน้ำเงินลุกขึ้นยืมพร้อมรอยยิ้ม เธอโค้งตัวลงแล้วเอ่ยทักทาย “สวัสดีค่ะ อาจารย์เฉิน ฉันเย่ซือหลัว”

 

 

“สวัสดี” เฉินฝานซิงเอ่ยตอบเสียงเรียบ!

 

 

สวี่ชิงจือพูดต่อไปว่า “ฝานซิงเพิ่งมาใหม่ หวังว่าทุกคนจะช่วยให้เธอคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมที่นี่ได้นะ อีกอย่าง การกินเลี้ยงเพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ต้องขอเลื่อนออกไปชั่วคราว! ตอนนี้บริษัทกำลังยุ่ง! ฝ่ายบริหารระดับสูงกำลังมีประชุมใหญ่! ฝานซิงเธอเองก็ต้องมาด้วยนะ”

 

 

“…ได้”

 

 

ภายในห้องประชุมสวี่ชิงจือนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทีเรียบเฉย

 

 

เนื้อหาในการประชุมยังคงหนีไม่พ้นเรื่องการผูกสัมพันธ์กับห้างขนาดใหญ่ของสมาคมสกุลป๋อในเฉิงเป่ยที่กำลังจะสร้างเสร็จในเร็วๆ นี้

 

 

แค่สวี่ชิงจือเอ่ยขึ้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงัน

 

 

เธอรู้ต้นตอของบรรยากาศเช่นนี้ดี

 

 

แม้ว่าตอนนี้ชื่อเสียงของจือชิ่นจะถือว่าไม่เลว แต่พอเอาเข้าจริงแล้ว ก็ยังถือว่าอยู่ในแวดวงที่แคบอยู่พอสมควร การจะไปเป็นคู่แข่งกับสินค้าขึ้นชื่อของแบรนด์ชั้นนำของบริษัทต่างชาติพวกนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง แค่เปรียบกับสินค้าของบริษัทในประเทศบางแบรนด์ก็ไม่เห็นว่าจะมีตรงไหนที่สู้เขาได้

 

 

ยิ่งไม่ต้องพูดถึง สกุลซู…การตีตลาดในห้างที่เฉิงเป่ยของสกุลป๋อยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่อาจเลี่ยงได้

 

 

จะกลัวก็แต่ว่าคนที่อยู่ ณ ที่นี้ทุกคนจะรู้สึกเหมือนว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของสวี่ชิงจือจะเป็นการเสียแรงและเสียเวลาเปล่า

 

 

เฉินฝานซิงเองก็ยังคิดเช่นนั้น

 

 

ทุกอย่างล้วนแต่เป็นความจริง ไม่ว่าจากมองด้านไหนโอกาสของจือชิ่นก็แทบจะเป็นศูนย์

 

 

สวี่ชิงจือพิงอยู่บนเก้าอี้ ก้มหน้าเอามือค้ำศีรษะ สามารถเห็นความตึงเครียดที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าได้เลือนราง

 

 

เฉินฝานซิงมองเธอก่อนจะนิ่งเงียบแล้วเอ่ยขึ้น

 

 

“เราลองมาวิเคราะห์กันก่อนเถอะ”

 

 

เมื่อสิ้นคำต่างคนก็ต่างพากันหันมองมาทางเธอ

 

 

แม้แต่สวี่ชิงจือที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ก็ยังต้องเงยหน้าขึ้นมามองเธออย่างเปี่ยมไปด้วยความหวัง

 

 

“จือชิ่นมีสินค้าเป็นของตัวเอง ชื่อเสียงก็ดีมาโดยตลอด คุณภาพและประสิทธิภาพเองก็พอจะเทียบได้กับบริษัทต่างชาติบางบริษัทได้อยู่ถูกไหม”

 

 

ทุกคนพากันพยักหน้า นี่จะว่าไปก็ถูก

 

 

เพราะแม้แต่พวกเขา ส่วนใหญ่ก็ใช้แต่ของบริษัทตัวเอง

 

 

เฉินฝานซิงเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งเฉย

 

 

“สินค้าของบริษัทไม่มีปัญหา หนำซ้ำยังดีกว่าสินค้าแบรนด์ต่างประเทศหลายแบรนด์ แต่ยอดขายกลับสู้พวกเขาไม่ได้ มันเป็นเพราะอะไร”

 

 

“มือใหม่ประสบการณ์น้อย ด้อยพัฒนา ไม่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า” บางคนคิดเช่นนั้น

 

 

เฉินฝานซิงส่ายหน้า “แบรนด์ต่างประเทศทุกแบรนด์ก็เป็นมือใหม่กันทั้งนั้น เพราะไม่ใช่ว่านักวิจัยน้ำหอมทุกคนจะทุ่มเทเวลาเป็นสิบปี ร้อยปีเพื่อวิจัยสินค้า แถมตอนนี้มีผลิตภัณฑ์ออกใหม่ทุกปี แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะถูกผลิตมาจากผู้เชี่ยวชาญ…”

 

 

เธอเงยหน้าขึ้นกวาดสายตามองทุกคนที่ตรงนั้นก่อนจะกล่าวสรุปว่า “เพราะยังไม่เป็นที่รู้จักมากพอ”