ตอนที่ 181 หอโอสถตำหนักยมราช! + ตอนที่ 182 เหลี่ยมจัดเกินไป!

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 181 หอโอสถตำหนักยมราช!

“นายท่าน เรื่องไม่ใช่แบบนั้นขอรับ” ฮุยหลางรีบร้อนบอก

“งั้นเป็นแบบไหนเล่า?”

สองแขนเฟิ่งจิ่วกอดอก ชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง “เจ้ากล้าพูดรึว่าไม่ได้จะมองข้าเปลี่ยนเสื้อผ้า? เจ้ากล้าพูดรึว่าไม่ได้จะถอดเสื้อผ้าข้า?”

“เจ้า!”

“เจ้าอะไรอีก? แม้ใบหน้าข้าจะเสียโฉม แต่สายตาจับผิดเก่งนัก ร่างกายเจ้าอย่างกับกระดานซักผ้า ซ้ำยังมีท่าทางราวไก่อ่อน ช่างไม่เข้าตาขาเลยจริงๆ”

ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม พูดจาเบาหวิว แต่คำที่กล่าวออกมากลับทำให้ทุกคนในห้องพลันเงียบลง แต่ละคนจ้องเธอเหมือนมองสัตว์ประหลาด แม้แต่ฮุยหลางยังเบิกดวงตากว้าง สีหน้าตกตะลึง

มุมปากนายท่านเหยียนกระตุกเล็กน้อยอย่างไม่อาจสังเกตเห็น เขามองท่าทางมั่นอกมั่นใจไร้ยางอายของเด็กหนุ่ม อดไม่ได้ที่จะหลับตาลง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป

“เจ้ารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วเข้าสิ!” หลังจากฮุยหลางทิ้งคำพูดไว้อย่างโหดร้าย ก็หันตัวจากไปด้วยความรวดเร็ว

คนอื่นเห็นแล้ว แต่ละคนต่างพินิจมองเฟิ่งจิ่วด้วยความแปลกใหม่ ประหลาดใจอย่างมาก มองไม่ออกเลยจริงๆ ว่าหนุ่มน้อยนี่เป็นพวกชอบเพศเดียวกันด้วย?

เห็นพวกเขาออกไปทีละคนๆ เฟิ่งจิ่วออกหน้าไปปิดประตูห้อง ถึงจะเผยรอยยิ้มออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ มองๆ ชุดสีเทาในมือ หลังจากหยิบมันไปเปลี่ยนที่ด้านในด้วยความรวดเร็วก็เดินออกมา

“ตามมา!” ฮุยหลางมองเฟิ่งจิ่วอย่างรังเกียจ แล้วเดินนำทางอยู่ด้านหน้า

เฟิ่งจิ่วกวาดมองด้านนอก เหลือเพียงผู้ฝึกตนสองสามคนอยู่ตรงนั้น ส่วนนายท่านเหยียนก็หายไปไร้ร่องรอย

สายตาเธอจับจ้องบนร่างฮุยหลางด้านหน้า นัยน์ตาแวบประกายไปเร็วนัก ยกมุมปากขึ้น เดินตามหลังไปอย่างสบายๆ จนกระทั่งมาถึงหน้าหอสูงเจ็ดชั้น

กลิ่นยาคละคลุ้งฉุนจมูกเจือปนไปด้วยกลิ่นยาหลายชนิด ภายในเรือนอันโอ่อ่ามีคนอยู่น้อยกำลังยุ่งวุ่นวาย บ้างก็ผึ่งตากยา ศึกษายา แยกประเภทยา การแบ่งงานของทุกคนล้วนแตกต่างกัน

หนำซ้ำ คนพวกนี้คล้ายว่าเคยชินกับการที่จะมีคนใหม่เข้ามาในบางช่วงเวลา ด้วยเหตุนี้ สำหรับหนุ่มน้อยใบหน้าเสียโฉมที่มาถึง หลายคนแค่เงยหน้ามองในระหว่างที่ยุ่งอยู่แวบหนึ่งก็ทำงานตัวเองต่อไป ยิ่งบางคนก็ไม่แม้แต่จะมองมาทางนี้

“หลินเหล่า เด็กคนนี้ยกให้ท่านแล้ว” ฮุยหลางตะโกน ทิ้งคนไว้แล้วก็จากไปโดยไม่มองเฟิ่งจิ่วเลยสักนิด

ตอนนี้เอง ผู้อาวุโสชุดดำท่านหนึ่งก็เดินออกจากหอ มายังเบื้องหน้าเฟิ่งจิ่วพินิจมองหัวจรดเท้า ถามว่า “เจ้าชื่ออะไรรึ?”

เฟิ่งจิ่วฉีกยิ้ม กล่าวเสียงดัง “ภูตน้อยขอรับ”

“ภูตน้อยรึ?” ผู้อาวุโสนิ่งไปพักหนึ่ง ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “เจ้าทำอะไรเป็นบ้าง? บอกหน่อยสิ ข้าจะได้จัดแจงงานให้เจ้าดีๆ”

เฟิ่งจิ่วไม่ตอบคำถามเขา แต่ถามว่า “ที่นี่ที่ไหนหรือขอรับ? พวกเรามาทำอะไรกันที่นี่?”

“อะไรไม่ควรถามก็ไม่ต้องถาม มิเช่นนั้น จะตายเร็วนักนะ!”

ฟังเช่นนี้ เธอก็เลิกคิ้ว คิดๆ ว่า “งั้นจัดพวกงานจิปาถะให้ข้าก็ได้ขอรับ ลองช่วยๆ ไปเดี๋ยวก็ทำเป็นเอง” ระหว่างที่พูด สายตาก็มองไปในหอ เห็นด้านในเหมือนจะมีคนอยู่ไม่น้อย

“ด้านในนั้นไว้ปรุงยา คนมาใหม่ล้วนต้องทำงานจิปาถะอยู่นอกเรือน เจ้าก็ไปแยกประเภทสมุนไพรตรงนั้นก่อนเถอะ!” ผู้อาวุโสให้สัญญาณ ก็หันตัวกลับเข้าหอ

หลังเฟิ่งจิ่วมองไปด้านในแวบหนึ่ง ก็เดินมาตรงสมุนไพรด้านนั้น คอยจำแนกประเภทสมุนไพร พลางพินิจมองบริเวณรอบๆ

“เฮ้ เจ้าเข้ามาได้ยังไงเนี่ย?” หนุ่มน้อยข้างกายเอ่ยถามกดเสียงเบา

……………………………

ตอนที่ 182 เหลี่ยมจัดเกินไป!

เฟิ่งจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง มือก็จำแนกสมุนไปลวกๆ เอ่ยว่า “ถูกจับเข้ามา”

“จับเข้ามารึ? หรือว่าเจ้าเป็นนักปรุงยา?” เด็กหนุ่มถามอย่างแปลกใจนิดหน่อย

“ทำไมพูดเช่นนั้นเล่า?” เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้ว

เด็กหนุ่มมองด้านในแวบหนึ่ง กล่าวเสียงเบาลง “ทุกทีจะมีคนถูกจับเข้ามา แต่พวกที่ถูกจับเข้ามาล้วนเป็นนักปรุงยา โน่น ทั้งหมดอยู่ในหอ พวกเราด้านนอกอย่างมากสุดก็นับเป็นเพียงลูกมือการยา คอยทำงานจิปาถะ”

“หากอยู่ด้านในกันหมดเจ้ารู้ได้เช่นไรว่าอีกฝ่ายล้วนเป็นนักปรุงยา?”

“นั่นเพราะครั้งก่อนมีชายคนหนึ่งเอะอะโวยวายตลอดทาง พวกเราถึงได้รู้น่ะสิ”

“อ้อ” เธอพยักหน้า ไม่ถามอะไรอีก ในใจกำลังครุ่นคิด นายท่านเหยียนสร้างหอโอสถไว้ที่นี่เช่นนี้ ซ้ำยังจับพวกนักปรุงยากลับมาถึงเพียงนั้น คิดจะศึกษาอะไรกันแน่นะ?

อีกด้านหนึ่ง ที่ห้องหนังสือเรือนหลัก

“นายท่าน คนอื่นๆ คอยอยู่ห้องรับรองแล้วขอรับ” ฮุยหลางรายงานด้วยความยำเกรง

นายท่านเหยียนที่นั่งจัดการงานอยู่หน้าโต๊ะหนังสือมองฮุยหลาง ถามว่า “จัดการเขาเรียบร้อยแล้วรึ?”

ได้ยินคำพูดนี้ ฮุยหลางเงยหน้ามองไปที่เขาอย่างอดไม่ได้ เมื่อสบกับแววตาเยือกเย็นทรงอำนาจ ก็รีบเร่งก้มหน้าลงขานรับ “ขอรับ ข้าน้อยพาเด็กคนนั้นไปส่งให้หลินเหล่าที่หอโอสถแล้ว”

นายท่านเหยียนหยุดพู่กันในมือลง แรงกดดันอันแข็งแกร่งกระจายออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำที่มีความเย็นเยียบ “ทักษะปรุงยาเขาไม่ได้ด้อยเลย ยาพวกนั้นของตลาดมืดในช่วงไม่กี่เดือนล้วนมาจากมือเขา ขอนี้ข้าเหมือนจะเคยบอกกับพวกเจ้าแล้ว”

รู้สึกว่าแรงกดดันบนร่างเขาโจมตีมา กลิ่นอายทั่วห้องจึงเย็นขึ้นบางส่วน ฮุยหลางตระหนกในใจ ลงไปคุกเข่าข้างเดียว “นายท่านอย่าเพิ่งโมโห ข้าน้อย ข้าน้อยแค่อยากให้เจ้าเด็กนั่นลำบากบ้าง ข้าน้อยจะรีบย้ายเขาเข้าไปในหอขอรับ”

เดิมทีคิดว่านายท่านแค่บอกให้พาไปหอโอสถ ไม่ได้บอกชัดว่าให้เข้าไปด้านใน ดังนั้นเขาจึงใช้ช่องโหว่นี้สยบความฮึกห้าวของเจ้าเด็กนั่น แต่ไม่เคยคิด ว่านายท่านจะถามถึง

“เจ้าติดตามอยู่ข้างกายข้ามาหลายปี คงเข้าใจดีว่าข้าไม่ชอบคนที่ใช้อุบายเป็นที่สุด หากมีครั้งหน้าอีก เจ้าก็กลับไปฝึกฝนที่คุกมืดซะ!”

ได้ยินน้ำเสียงเยือกเย็นน่าสะพรึงลอยมา ฮุยหลางก็ตกใจเสียจนเหงื่อออกซก “ขอรับ! ข้าน้อยจะจำไว้ไม่ทำผิดอีกแน่ขอรับ!” คุกมืด นั่นช่างเป็นนรกจริงๆ เขาไม่อยากกลับไปที่นั่นอีก

นายท่านเหยียนเก็บแรงกดดันกลับ ร่างพิงไปด้านหลัง ดวงตาลึกล้ำกวาดมองฮุยหลางที่คุกเข่าบนพื้น ชะงักลงพักหนึ่ง ถึงจะบอกว่า “หนุ่มน้อยนั่นจริงๆ ก็มีเล่ห์เหลี่ยมอยู่บ้าง เรื่องเข้าหอโอสถชะลอไปอีกสองสามวันแล้วกัน!”

“ขอรับ!” ฮุยหลางตอบรับ ไม่กล้าหายใจแม้แต่สักเฮือก

คอยจนค่ำคืนมาเยือน เมื่อเฟิ่งจิ่วตามพวกเขามาถึงเรือนที่พัก เห็นเตียงใหญ่แถวยาวก็งุนงงอย่างอดไม่ได้

“นี่ คืนนี้นอนนี่รึ?”

สวรรค์! คงไม่ใช่กระมัง? ให้เธอนอนด้วยกันกับพวกผู้ชายกลุ่มใหญ่เนี่ยนะ? เดาว่าท่านพ่อท่านปู่รู้จะต้องร้อนใจเสียจนวิ่งเต้นแน่!

“ไม่งั้นเจ้าคิดว่าจะมีห้องส่วนตัวให้รึไง?”

บุรุษนายหนึ่งข้างๆ เหลือบมองเขา ถอดเสื้อผ้าพลางพูดว่า “มีที่ให้เจ้านอนได้ก็ไม่เลวแล้ว”

เห็นท่าทางคนสิบยี่สิบคนในห้องบ้างถอดเสื้อผ้า ถอดรองเท้า เปลือยกายล่อนจ้อนล้มหัวลงนอน เฟิ่งจิ่วก็ขมวดคิ้ว หันตัวเดินออกไป

ตลกเถอะ! ให้ซุกหัวนอนที่นี่รึ? เธอไม่นอนหรอก!

ออกจากห้องที่เตียงเรียกรายติดกัน เธอมองในสวน เห็นนอกเรือนมีทหารอารักขาคอยเฝ้า ออกไปไม่ได้ ดังนั้น สายตาจึงหันไปจับจ้องบนต้นไม้ใหญ่ในสวน ดวงตาเป็นประกาย

“ได้ล่ะ!”

……………………………