ตอนที่ 183 นึกถึงนายท่านเหยียน! + ตอนที่ 184 ไม่ขันนับเป็นโรค!

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 183 นึกถึงนายท่านเหยียน!

ทหารอารักขาชุดดำที่คอยเฝ้าเรือนได้ยินการเคลื่อนไหวด้านหลัง หันกลับไปมอง ก็เห็นหนุ่มน้อยกำลังใช้ทั้งมือและเท้าปีนขึ้นไปบนต้นไม้ หนึ่งในนั้นจึงตะโกนว่า “เจ้าทำอะไรน่ะ? ลงมาซะ!”

เฟิ่งจิ่วเหลือบมองทั้งสองคน บอกว่า “พวกเจ้ายืนเฝ้าของพวกเจ้าไป ไม่ต้องยุ่งเรื่องข้า”

“เจ้า!” ทหารอารักขาชุดดำนายนั้นกำลังจะออกหน้า ก็ถูกคนข้างๆ ดึงไว้

“เจ้าเด็กนั่นร้ายกาจยิ่งนัก เจ้าอย่าไปยุ่งเลย ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ออกไปวิ่งซน ปล่อยไปเถอะ”

ทหารอารักขานายนั้นเห็นเฟิ่งจิ่วหาตำแหน่งนอนพิงบนต้นไม้ อดไม่ได้ที่จะด่าว่า “วางเตียงดีๆ ให้ไม่นอนวิ่งขึ้นไปนอนบนต้นไม้ ข้าว่าเด็กนี่บ้าไปแล้วกระมัง!”

เฟิ่งจิ่วคร้านจะสนใจพวกเขา ถูกพามาถึงที่นี่ก็ไม่เคยได้พักผ่อนดีๆ แม้ด้านนอกจะหนาวนิดหน่อย ก็ดีกว่านอนรวมกับคนสิบยี่สิบคนด้านใน

ใช้เวลาสองวันอยู่ในเรือน ก็พอจะรู้กฎของหอโอสถบ้างแล้ว มีเพียงนักปรุงยาที่สามารถเข้าไป และนักปรุงยาระดับสูง ยิ่งสามารถปรุงยาที่มีมูลค่าได้ ฐานะการปฏิบัติในตำหนักยมราชก็จะยิ่งดี

หนำซ้ำ แม้คนไม่น้อยจะถูกจับตัวมา แต่เพราะความสัมพันธ์ในเชิงปฏิบัติ พวกเขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะจากไป และอยู่ในหอโอสถนี้ บอกกันว่า อยู่ที่นี่ขอแค่ปรุงยาที่ค่อนข้างมีมูลค่าออกมาได้ นอกจากรางวัลที่พึงมี ยังได้เพลิดเพลินสำราญใจกับสาวงามในหอนารีวิไลหนึ่งคืน หากยอมสวามิภักดิ์ต่อตำหนักยมราชด้วยใจจริง ก็จะอนุญาตให้กลับบ้านได้ทุกเมื่อ

ส่วนหอนารีวิไลนี้ ว่ากันว่าเป็นเครือข่ายข้อมูลที่ตำหนักยมราชหล่อเลี้ยงขึ้นมา ในแต่ละที่ล้วนมีหอนารีวิไล คล้ายกับหอนางโลม สาวงามในหอนารีวิไลรวบรวมมาจากหลายที่ ทุกคนต่างมีรูปร่างประณีตทรงเสน่ห์ รูปโฉมงดงามน่าหลงใหล

แม้แต่พวกนักปรุงยาแก่ๆ คร่ำครึเข้าไปสักรอบ ก็จะลุ่มหลงในความหอมหวนอ่อนโยนของสาวงามอย่างไม่อาจถอนตัว

เธอรู้สึกสงสัยนายท่านของตำหนักยมราชนี้ตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว นายท่านเหยียนผู้นั้นเป็นคนเช่นไรกันแน่นะ?

“คิดอะไรอยู่รึ?”

น้ำเสียงทุ้มต่ำที่มีแรงดึงดูดพลันดังขึ้นมาข้างหู ทำให้เธอที่อยู่ในสภาพใจลอยตอบกลับอย่างไม่ทันคิด “กำลังคิดว่านายท่านเหยียนเป็นผู้ชายแบบไหนกันแน่น่ะสิ?”

พอคำพูดเธอหลุดออกไป องครักษ์ที่เฝ้าหอโอสถอยู่ในมุมมืดก็กระตุกมุมปาก ‘เจ้าเด็กใจกล้านี่เพ้อถึงนายท่านพวกเขากลางวันแสกๆ เลยรึ? ช่างมีความกล้ามากพอจริงๆ!’

น้ำเสียงวุ่นวายในเรือนเงียบลงทันใด ต่างมองเฟิ่งจิ่วด้วยความแปลกใจ เมื่อสายตาจับจ้องบนร่างชายหนุ่มข้างๆ ทุกคนก็รีบร้อนดึงสายตากลับมา แล้วทำธุระตัวเองต่อไป

“หืม?”

เฟิ่งจิ่วได้สติกลับมา เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกาย ดวงตาเป็นประกาย ฉีกยิ้มขึ้นมาทั้งหน้าเหยเก “แหะๆๆ ที่แท้ก็นายท่านเหยียนนี่เอง! ไม่เจอกันหลายวัน เหมือนท่านจะหล่อขึ้นไม่น้อยเลยนะ”

ดวงตาลึกล้ำของนายท่านเหยียนจับจ้องบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลเป็น มองรอยยิ้มที่เฟิ่งจิ่วยกขึ้นอย่างไม่คิดอะไรมาก แววตาก็ฉายแววเล็กน้อย เอ่ยเสียงเข้ม “ตามข้าเข้ามา!” จากนั้น ค่อยเอามือไพล่หลังสาวก้าวเดินเข้าหอไป

เห็นท่าทาง เฟิ่งจิ่วจึงเร่งฝีเท้าตามไป เมื่อสาวก้าวออก หางตาก็เหลือบเห็นฮุยหลางด้านหลังท่าทางอับเฉา อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นคลี่ยิ้มอย่างสุขใจ

ทว่าฮุยหลางด้านหลังเหมือนไม่ได้ยินคำพูดเฟิ่งจิ่ว ท่าทางเขาเหม่อลอยนิดหน่อย ในดวงตาเก็บซ่อนความวิตก ใต้ตาดำคล้ำ สีหน้าดูไม่ได้อยู่บ้าง

เห็นนายท่านเดินเข้าหอ ฮุยหลางจึงตามเข้าไป คิดอยู่ว่า ถึงแม้ยากเกินเอ่ย ก็ต้องหาโอกาสมาพบท่านหมอที่หอโอสถเพื่อถามว่าอาการเขามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

………………………………

ตอนที่ 184 ไม่ขันนับเป็นโรค!

“ด้านในนี้เป็นสถานที่ปรุงยาของนักปรุงยา หอที่สองยังมีอีกหนึ่งชั้น ส่วนหอที่สามเป็นพวกตำราด้านยา หอที่สี่ที่ห้าเป็นที่เก็บสมุนไพร หอที่หกกับหอที่เจ็ดเป็นพวกยาที่สำเร็จแล้ว”

นายท่านเหยียนเดินไป พลางน้ำเสียงทุ้มต่ำก็เปล่งออกมา เขาพาเฟิ่งจิ่วมาในห้องหนึ่งด้านใน กล่าวว่า “ข้าให้คนพาเจ้ามา เพื่อจะอาศัยพรสวรรค์การปรุงยาของเจ้า มาศึกษายาระงับพิษเหมันต์ ขอแค่เจ้าปรุงออกมาได้ ข้ารับประกันได้ว่าเจ้าจะกลับบ้านอย่างปลอดภัย”

“พิษเหมันต์รึ?”

ได้ยินคำพูดนี้ เธอแปลกใจนิดหน่อย ในห้วงทะเลแห่งความคิดก็นึกถึงพิษเหมันต์พันปีบนร่างท่านอาหลิง แล้วทำไมนายท่านเหยียนถึงต้องการยารักษาพิษเหมันต์กันเล่า?

“ถูกต้อง นักปรุงยาที่นี่นอกจากจะกำลังคิดค้นยาแก้พิษเหมันต์ ก็ยังมีพวกที่ช่วยตำหนักยมราชเรากลั่นปรุงยา ขอแค่ตั้งใจทำงาน ข้าจะไม่ปฏิบัติไม่ดีต่อใคร แต่หากมาสร้างปัญหาที่นี่ ข้าจะไม่ปราณีแน่!”

หลังเฟิ่งจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง ก็บอกว่า “มันไม่ใช่ยาที่คิดค้นปรุงกันได้ง่ายขนาดนั้นนะ พิษเหมันต์มีตั้งหลายชนิด หนำซ้ำอาการก็ไม่เหมือนกัน หากไม่เคยจับชีพจรหรือตรวจดูสภาพร่างกาย นักปรุงยาคนไหนจะกล้าปรุงยาส่งเดชเล่า?”

สองแขนเธอกางออก ส่ายหน้านั่งลงข้างโต๊ะ “ไม่จับชีพจร ไม่เห็นคน ข้าก็ปรุงไม่ได้หรอก”

นายท่านเหยียนถลึงมองเฟิ่งจิ่วอยู่ครู่หนึ่ง นิ่งเงียบไป ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร ลุกยืนขึ้นมาพูดว่า “งั้นเจ้าก็คุ้นเคยกับที่นี่ไปเสียก่อนเถอะ รอเจ้าระดับยาเจ้าสูงเท่านักปรุงยาหอโอสถค่อยว่าเรื่องนี้กัน!”

เห็นเขาจะไป เฟิ่งจิ่วจึงเร่งรีบยื่นมือออกไปคว้าดึงแขนเสื้อเขาไว้พลางตะโกนว่า “เดี๋ยวก่อน!”

นายท่านเหยียนขมวดคิ้วหันกลับมา สายตาจับจ้องบนมือเล็กขาวเนียนที่จับแขนเสื้อเขาอยู่ แววตาฉายแววเล็กน้อย ตะคอกเสียงเย็น “ปล่อย!” สะบัดแขนเสื้อสลัดมือเขาออก แล้วดึงเสื้อกลับมา

เฟิ่งจิ่วไม่ใส่ใจ กล่าวว่า “นายท่านเหยียน พวกท่านจับข้ามา กลับไม่เตรียมให้ข้าแม้แต่ที่ซุกหัวนอน ให้ข้าอยู่รวมกับคนอื่นๆ บนเตียงใหญ่ พวกท่านไม่เกรงใจกันเลยรึ? ยังมีอีก! พลังเร้นลับข้าถูกท่านปิดผนึกไว้ พวกท่านคุ้มกันที่นี่เข้มงวมถึงเพียงนี้ ยังกลัวว่าข้าจะหนีไปได้อีกรึ? ไม่ต้องใช้เวลาทั้งวันข้าก็ยังออกไปไม่ได้แม้แต่ประตูเรือนเลยกระมัง?”

เธอเหลือบมอง เห็นเขาไม่สะบัดแขนเสื้อจากไป จึงพูดต่อว่า “พวกท่านเชิญข้ามา ในเมื่ออยากให้ข้าปรุงยา ก็ควรจะต้อนรับกันอย่างมีเกียรติสิ ท่านลองไปสอบถามดู พวกคนตลาดมืดปฏิบัติกับข้าราวคุณชาย ท่านว่าเปรียบเทียบกับพวกเขาแล้ว วิธีรับแขกเช่นนี้ไม่แย่เกินไปหน่อยรึ?”

เห็นเฟิ่งจิ่วพูดถึงวิธีรับแขกอะไรนั่นกับนายท่านเหยียนอย่างไม่กลัวตาย หลินเหล่ากับฮุยหลางข้างๆ ล้วนอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมอง คิดว่าเขาเพ้อฝันเกินไปแล้ว อันที่จริงตัวเป็นนักโทษ จะมาพูดเรื่องวิธีรับแขกอะไรอีก!

แต่ว่า ที่ทำให้พวกเขานึกไม่ถึงที่สุดก็คือ ความอดทนนายท่านเหยียนที่มีต่อเจ้าเด็กนี่ จะเกินความคาดหมายของพวกเขาไปในทุกๆ ครั้ง

นายท่านเหยียนกวาดมองใบหน้าเด็กหนุ่มที่โกรธบูดบึ้ง สั่งการว่า “ฮุยหลาง กลับไปจัดเตรียมเรือนส่วนตัว ให้เขาไปมาได้อิสระ”

“ขอรับ” ฮุยหลางมองเฟิ่งจิ่ว ไม่เข้าใจว่าทำไมนายท่านต้องทำดีกับเขาเช่นนี้

เห็นนายท่านเดินออกไป ฮุยหลางก็เรียก เอ่ยเสียงเบาว่า “นายท่าน ท่านกลับไปก่อนเถิด ข้าน้อยไม่สบายตัว จะขอพบท่านหมอในหอเสียหน่อย”

นายท่านเหยียนหันกลับไปกวาดมองเขา ตอบรับว่า “อืม”

“ฮึ!”

เฟิ่งจิ่วหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ มองฮุยหลางที่ท่าทางกังวล แล้วส่ายหัวชำเลืองมองเขาอย่างหยอกล้อ

“ผู้ชายนกเขาไม่ขัน ถือเป็นโรค ต้องรักษา”

………………………………