ตอนที่ 107 คนหวาดระแวงในความรัก

เดิมพันเสน่หา

บนหน้าผาสูงใหญ่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม ต้นหญ้าเขียวขจี กลิ่นหอมของดอกไม้ตลบอบอวล นกการ้องเพลง 

 

 

ตรงหน้าผามีบันจี้จัมพ์ติดตั้งเอาไว้ เมื่อก่อนคุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงมักจะมาเล่นบันจี้จัมพ์ที่นี่ 

 

 

อวี่ไป่หันเลิกคิ้วขึ้นมองเหลิ่งรั่วปิง “ว้าว รั่วปิง คุณจะใช้เชือกของบันจี้จัมพ์หรือว่าจะกระโดดลงไปตัวเปล่าเหมือนผม” 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงปรายตามองอวี้ไป่หัน “คนอย่างฉันไม่ใช้เชือกอยู่แล้ว แต่คุณไป่หันอย่าฝืนตัวเองทำเป็นเก่งนะคะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวฉี่แตกขึ้นมาจะกลายเป็นมลภาวะของทะเลเปล่าๆ” 

 

 

อวี้ไป่หันกัดฟันกรอด “ผมไม่เคยรู้มาก่อน คุณเป็นผู้หญิงที่ฉลาดพูดจริงๆ” 

 

 

“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยเอามือท้าวเอวหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราของเขาทำให้นกที่อยู่บนต้นไม้ตกใจจนบินหนี 

 

 

อวี้หลานซีมองจนใจลอย เธอไม่เคยเห็นหนานกงเยี่ยหัวเราะแบบนี้มาก่อน ไม่แแปลกที่เขาชอบเหลิ่งรั่วปิง เธอมีความสามารถในการทำให้เขามีความสุข แต่ตนไม่มี 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงถอดรองเท้า จากนั้นใช้หนังยางรวบผมตนเองขึ้น เธอชำเลืองมองไปทางอวี้ไป่หัน “ฉันกระโดดให้คุณดูก่อน หรือจะให้ฉันพาคุณกระโดดไปด้วยกัน?” 

 

 

อวี้ไป่หันเบะปาก “ดูถูกผมใช่ไหม ผู้ชายต้องกระโดดก่อนสิ!” 

 

 

ขณะที่พูด อวี้ไป่หันเดินไปตรงหน้าผา เขามองลงไปด้านล่างแล้วหันกลับมามองเหลิ่งรั่วปิง “ฮึ่ย เหลิ่งรั่วปิง ผมกระโดดลงไปก่อน ถ้าเดี๋ยวคุณไม่กล้ากระโดดก็ตะโกนบอกผมแล้วกัน ผมอยู่ข้างล่างรอด้วยความเข้าใจ.อ๊าก” 

 

 

อวี้ไป่หันยังไม่ทันพูดจบ เหลิ่งรั่วปิงกระโดดถีบเขาลงไป อย่างรวดเร็ว เสียงวัตถุขนาดใหญ่ตกลงน้ำดังขึ้น หลังจากผ่านไปครึ่งนาที อวี้ไป่หันโผล่พ้นน้ำออกมา เขาลูบน้ำที่อยู่ตรงหน้าลง สูดลมหายใจเข้าออกอย่างเหนื่อยหอบ ร้องตะโกนด้วยความโมโห “เหลิ่งรั่วปิง คุณคิดว่ามีหนานกงเยี่ยคอยปกป้องผมจะไม่กล้าทำอะไรคุณใช่ไหม” 

 

 

“ฮ่าๆๆ…” บนหน้าผามีเสียงหัวเราะดังขึ้น หนานกงเยี่ยหัวเราะอย่างมีความสุข 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงเองก็หัวเราะจนน้ำตาเล็ด “คุณอวี้ อย่าโมโหนะคะ ฉันกำลังลงไปหาคุณแล้ว” 

 

 

พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงกำลังจะกระโดดลงไป ทว่ากลับถูกหนานกงเยี่ยคว้าตัวเอาไว้ เธอหันกลับไปมองเขา แววตาของเขาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วง เธอจึงคลายยิ้ม “วางใจเถอะค่ะ ฉันไม่ได้ไร้ประโยชน์ขนาดนั้น” 

 

 

พูดจบ เธอดึงมือตนเองกลับแล้ววิ่งไปด้านหน้า กระโดดลงไป หนานกงเยี่ยวิ่งไปด้านหน้าด้วยความเป็นห่วง จากนั้นกระโดดตามเธอลงไป 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้ตั้งใจพูดเสียดสีใคร แต่สำหรับอวี้หลานซีคำพูดของเหลิ่งรั่วปิงเหมือนเข็มที่เสียดแทงหัวใจของเธอ เธอไม่อยากเป็นผู้หญิงที่ไร้ประโยชน์! ด้วยเหตุนี้ อวี้หลานซีกัดฟันแน่น หลับตาลง ยืนอยู่ตรงหน้าผา แต่ทุกคนต่างก็ดูออกว่าหน้าของเธอซีดขาวไปหมดแล้ว เท้าทั้งสองข้างสั่นเทา 

 

 

ก่วนอวี้คอยสังเกตเธอตลอดเวลา เมื่อเห็นเธอยืนอยู่ตงหน้าผา เขาจึงเดินเข้าไปหาแล้วพูดเกลี้ยกล่อม “คุณหนูอวี้ครับ เกมส์นี้อันตรายมาก อย่ากระโดดเลยครับ ถ้าคุณอยากจะกระโดดจริงๆ ใช้เชือกบันจี้จัมพ์ด้วยสิครับ” 

 

 

อวี้หลานซีน้ำตาคลอ เธอกัดฟันแน่น “นายเองก็รู้สึกว่าฉันไร้ประโยชน์ใช่ไหม” 

 

 

ยังไม่รอก่วนอวี้ตอบคำถาม ด้านล่างมีเสียงวัตถุขนาดใหญ่ตกลงน้ำดังขึ้นสองครั้ง เหลิ่งรั่วปิงและหนานกงเยี่ยตกลงไปในทะเลแล้ว ครึ่งนาทีต่อจากนั้น พวกเขาทั้งสองคนโผล่พ้นน้ำขึ้นมา 

 

 

ในที่สุดความกังวลของหนานกงเยี่ยก็หมดลง เขารีบว่ายน้ำไปหาเหลิ่งรั่วปิง ดึงตัวเธอเข้ามากอด แววตาที่มองดูเธอนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชม เหลิ่งรั่วปิงยิ้มร่า เธอไม่ได้เล่นเกมส์ท้าทายแบบนี้มานานแล้ว พอได้เล่นอีกครั้งมันทำให้เธอสนุกสุดเหวี่ยง 

 

 

อวี้ไป่หันพูดชม “ไม่เลวหนิ เหลิ่งรั่วปิง คุณเป็นผู้หญิงที่เก่งมาก” 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงยิ้ม เธอไม่ได้พูดอะไร เอาแต่มองขึ้นไปบนหน้าผา เธออยากกระโดดอีกครั้ง 

 

 

“พี่รั่วปิง พี่เก่งมากเลยค่ะ!” เวินอี๋ที่ยืนอยู่บนหน้าผาร้องตะโกนด้วยความดีใจ ในความทรงจำของเธอ ตอนเด็กๆ เหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงที่บอบบางมาก คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตอนนี้เธอจะกลายเป็นผู้หญิงที่ใจกล้าและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แบบนี้ เวินอี๋รู้สึกภูมิใจ 

 

 

คำพูดของเวินอี๋แทงใจดำอวี้หลานซี เธอไม่อยากด้อยไปกว่าเหลิ่งรั่วปิง ด้วยเหตุนี้เธอจึงหลับตาลงแล้วกระโดดลงไป ก่วนอวี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอ รีบกระโดดตามลงไปด้วยความกังวล 

 

 

ม่านตาของหนานกงเยี่ยหดเล็ก เขาจ้องมองไปที่อวี้หลานซี หลังจากอวี้หลานซีตกลงไปในน้ำ เขารีบดำลงไป ว่ายไปทางเธออย่างรวดเร็วราวกับเป็นปลา ในที่สุดเขาก็คว้ามือเธอได้ แล้วพาเธอโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ 

 

 

อวี้หลานซีว่ายน้ำเป็น แต่เมื่อกี้ตอนกระโดดลงมาจากหน้าผาเธอตื่นเต้นเกินไป จนลืมทุกอย่าง ทำให้เธอสำลักไปหลายครั้ง โชคดีที่หนานกงเยี่ยช่วยเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นแล้ว อวี้หลานซีที่ลอยตัวเหนือน้ำกลัวจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หน้าของเธอซีดขาว หายใจรวยริน 

 

 

หนานกงเยี่ยพาเธอว่ายกลับไปที่ฝั่ง วางเธอลงบนชายหาด จากนั้นปั๊มหัวใจเธอ เพื่อให้เธอสำลักน้ำตรงทรวงอกออกมา เวลานี้ ในที่สุดอวี้หลานซีก็หายใจเฮือกใหญ่ เธอไอไม่หยุด 

 

 

หนานกงเยี่ยถอนหายใจแล้วพยุงเธอให้นั่ง เขาช่วยตบแผ่นหลังเธอเบาๆ น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนแต่เคล้าไปด้วยการตำหนิ “ทำไมต้องฝืนตนเองทำเป็นเข้มแข็งด้วย” 

 

 

นานครู่หนึ่ง ในที่สุดอวี้หลานซีก็หยุดไอ ใบหน้าซีดขาวคลายยิ้ม “เยี่ย ฉันไม่ได้เป็นผู้หญิงไร้ประโยชน์ใช่ไหมคะ ฉันพัฒนาขึ้นแล้วใช่ไหมคะ” 

 

 

หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเป็นปมแล้วถอนหายใจ เขาหันไปมองเหลิ่งรั่วปิงที่ทะเล แต่เหลิ่งรั่วปิงไม่อยู่ในทะเลาแล้ว เธอกำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมแล้วเดินกลับไปที่วิลล่า อวี้หลานซีก่อเรื่องขึ้นแบบนี้ ทุกคนพากันไม่มีอารมณ์เล่นต่อ จึงพากันแยกย้ายกลับวิลล่า 

 

 

อวี้หลานซีมองไปทางหนานกงเยี่ยด้วยความเสียใจ “เยี่ยคะ ฉันทำให้ทุกคนหมดสนุกใช่ไหมคะ” 

 

 

หนานกงเยี่ยฝืนยิ้ม “ไม่หรอกครับ ผมส่งคุณกลับไปพักดีกว่า” 

 

 

พูดจบ หนานกงเยี่ยใช้ผ้าขนหนูห่อตัวอวี้หลานซี เขาคลุมตัวเธอเอาไว้ แล้วเดินไปที่วิลล่า ก่วนอวี้ขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจ เดินตามหนานกงเยี่ยไป 

 

 

ทุกคนต่างแยกย้ายกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องตนเอง เหลิ่งรั่วปิงเองก็กลับไปที่ห้องของตนเอง หนานกงเยี่ยพาอวี้หลานซีไปเปิดอีกห้องหนึ่ง เขาสั่งให้สาวใช้พาอวี้หลานซีไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วโทรสั่งให้ก่วนอวี้ตามหมอมาที่วิลล่า เพื่อตรวจร่างกายให้อวี้หลานซี สุดท้ายอวี้หลานซีเป็นไข้ หลังจากที่หมอให้ยาลดไข้เธอแล้ว สาวใช้คอยดูแลเอาโจ๊กมาให้เธอกินแล้วนอนหลับไป 

 

 

หนานกงเยี่ยเมื่อยไปหมดทั้งตัว ตอนที่เขาเดินออกมาจากห้องของอวี้หลานซี ทุกคนกำลังกินข้าวในห้องอาหาร หนานกงเยี่ยเดินไปนั่งลงข้างๆ เหลิ่งรั่วปิง แล้วกินข้าว ทุกคนต่างดูออกว่าสีหน้าของเขาในตอนนี้ไม่ดีเท่าไหร่ 

 

 

“หลานซีเป็นยังไงบ้าง” อวี้ไป่หันถามด้วยความเป็นห่วง 

 

 

“ไม่เป็นอะไรมาก หมอฉีดยาลดไข้ให้เธอแล้ว” หนานกงเยี่ยพูดไปด้วย พร้อมกับตักอาหารให้เหลิ่งรั่วปิง เขามองดูเธอด้วยความรัก หวังว่าเธอจะไม่โกรธเขา เป็นไปตามที่เขาคิด เธอไม่แสดงสีหน้าอะไร ซึ่งทำให้เขาวางใจและอึดอัดใจในเวลาเดียวกัน สาเหตุที่เธอไม่รู้สึกอะไร มันมีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้น เธอไม่สนใจเขา 

 

 

ทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร ต่างเข้าใจในสิ่งที่อวี้หลานซีทำเป็นอย่างดี พวกเขาจึงไม่พูดอะไร เธอเป็นผู้หญิงที่หัวแข็งและทำให้คนรู้สึกสงสารในเวลาเดียว ถ้าเธอไม่ดื้อดึง บางทีชีวิตของเธออาจจะมีความสุขกว่านี้ 

 

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง เหลิ่งรั่วปิงวางตะเกียบลง เธอยิ้มแล้วพูดขึ้น “ฉันกินอิ่มแล้ว ขอตัวไปพักก่อนนะ” 

 

 

“อื้ม เดี๋ยวผมกินเสร็จค่อยไปหาคุณ” หนานกงเยี่ยยิ้มแล้วลูบจับแก้มของเธอ 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้ม เธอเดินขึ้นชั้นบนอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นาน เวินอี๋เองก็เดินขึ้นห้อง เวลานี้บนโต๊ะอาหารเหลือแค่คุณชายเมืองหลงทั้งสี่เท่านั้น 

 

 

อวี้ไป่หันอดไม่ได้จึงพูดขึ้น “หนานกง ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว เรื่องระหว่างแกกับเหลิ่งรั่วปิง มองยังไงก็ยังเหมือนแกรักเธอข้างเดียว?” 

 

 

“…” หนานกงเยี่ยก้มหน้า เขาไม่ได้พูดอะไร ความเป็นจริงช่วงที่ผ่านมานี้ เหลิ่งรั่วปิงเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว เธอดีกับเขามากขึ้นกว่าเดิม แต่การกระทำเล็กน้อยเหล่านี้ไม่สามารถอธิบายให้คนนอกเข้าใจได้ ถ้าไม่เพราะการปรากฎตัวของอวี้หลานซี ทำให้เห็นความเฉยชาที่เธอมีต่อเขา หนานกงเยี่ยคิดว่าเธอเริ่มมีใจให้เขาแล้ว 

 

 

“ฉันว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีวันใจอ่อนหรอก” มู่เฉิงซีไม่อยากให้หนานกงเยี่ยกับเหลิ่งรั่วปิงคบกันอยู่แล้ว 

 

 

ถังเฮ่าเลิกคิ้วขึ้น พูดด้วยความเกียจคร้าน “เรื่องของชายหญิง เหมือนคนเวลาดื่มน้ำ มีแค่ตนเองเท่านั้นที่จะรู้ว่าน้ำมันเย็นหรือร้อน พวกแกอย่าไปคิดมากแทนหนานกงเลย” ตอนนี้เขาเข้าใจความรักมากขึ้น ตั้งแต่เจอกับหลินมั่นหรู ความคิดของเขามีแต่เธอ เขารู้ดีว่าเธอเป็นผู้หญิงที่อันตราย เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่มีพิษ แต่เขาไม่สามารถควบคุมตนเองได้ เขาอยากไปหาเธอและอยากได้เธอมาครอบครอง 

 

 

“เอ๊ะๆๆ ถังเฮ่า ช่วงนี้แกไปหลงผู้หญิงคนไหนห๊ะ ถึงได้ทำเป็นเหมือนปรมาจารย์ด้านความรัก?” อวี้ไป่หันยักคิ้วหยอกล้อ 

 

 

ถังเฮ่าคลายยิ้มบางๆ เขาไม่ได้พูดอะไร สีหน้าของเขายากจะคาดเดา 

 

 

มู่เฉิงซีเลิกคิ้วขึ้นไม่พูดอะไรอีก ถังเฮ่าพูดถูก ในเมื่อหนานกงเยี่ยเต็มใจคบกับเหลิ่งรั่วปิง ดังนั้นไม่ว่าจะร้ายหรือดีเขาก็ต้องยอมรับมันเอง 

 

 

หนานกงเยี่ยกินข้าวอย่างรวดเร็ว จากนั้นกลับไปที่ห้องของเหลิ่งรั่วปิง เวลานี้ เหลิ่งรั่วปิงซุกตัวอยู่ในผ้าห่มนอนหลับไปแล้ว 

 

 

หนานกงเยี่ยไม่ได้รบกวนเธอ เขาไปอาบน้ำในห้องน้ำ เปลี่ยนเป็นชุดนอน แล้วซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม เขาใช้ศอกดันเตียงเอาไว้ จ้องมองไปที่เธอ พูดเสียงเบา “โกรธหรอครับ” 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงลืมตาขึ้นช้าๆ “เปล่าค่ะ” เธอไม่ได้โกรธ เธอรู้สึกเสียใจแทนอวี้หลานซี การรักผู้ชายที่เขาไม่ได้รักเรา มัน…น่าสงสารมาก! 

 

 

“คุณเข้าใจอะไรง่ายแบบนี้ ผมควรดีใจหรือไม่ควรดีใจกันแน่” เธอเข้าใจทุกอย่าง ทำให้เขาไม่ต้องเป็นกังวล แต่นั่นก็หมายความว่าเธอไม่ได้สนใจเขา 

 

 

“คุณไม่ชอบที่ผู้หญิงของคุณเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายหรอคะ” 

 

 

“แน่นอนว่าไม่ใช่แบบนั้น ถ้าเป็นเป็น ผมอยากให้คุณโกรธสักนิดก็ยังดี” เขาหึงหวงของเธอทำให้เขาดีใจ 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงถอนหายใจ “ฉันไม่ชอบแย่งของของใคร โดยเฉพาะผู้ชาย คุณหนานกง การที่คุณชอบฉัน ฉันยินดีที่จะอยู่ข้างๆ คุณไม่ไปไหน แต่ถ้าคุณเบื่อฉัน ฉันก็พร้อมจะหายไปจากชีวิตคุณ นี่เป็นสิ่งที่ฉันยอมผู้ชายคนหนึ่งมากพอแล้ว คุณอย่าโลภกว่านี้เลยค่ะ” 

 

 

“ครับ” หนานกงเยี่ยยิ้มแล้วจับมือเธอเอาไว้ เขาลูบจับผมยาวสลวยของเธอด้วยความทะนุถนอม เธอพูดถูก เขาไม่ควรโลภมาก หัวใจของเธอเย็นชาเพราะถูกความทุกข์ทรมานตลอดหลายปีหล่อหลอม เขาไม่สามารถคาดหวังว่าเธอจะยอมใจอ่อนในระยะเวลาสั้นๆ ยิ่งไปกว่านี้ระหว่างเขากลับเธอมีความทรงจำแย่ๆ มากมาย การเริ่มต้นของพวกเขาเป็นปมในใจของเธอ เขาจะใจร้อนไม่ได้เด็ดขาด อย่างน้อยตอนนี้เขายังมีเธออยู่ข้างๆ เธอยังอยู่ในอ้อมกอดของเขา เขายังมีความหวังอีกมากมาย 

 

 

เงียบอยู่นานครู่หนึ่ง เหลิ่งรั่วปิงพูดขึ้นอีกครั้ง “คุณไม่รู้สึกว่าคุณอวี้หลานซีน่าสงสารมากหรอคะ”