ภาคที่ 2 บทที่ 110 เล่นบนน้ำแข็ง

มู่หนานจือ

จ้าวอี้เอ่ยถึงจุดประสงค์ที่เขามา “หมอหลวงเถียนเข้าวังมาตรวจชีพจรให้เจ้าหรือยัง? เขาว่าอย่างไรบ้าง? ข้าปรึกษากับพี่ใหญ่ของเจ้าเรียบร้อยแล้ว อีกสองสามวันพวกเราไปเล่นบนน้ำแข็งที่ทะเลสาบสือช่า ถึงเวลานั้นก็พาเจ้าไปด้วย เจ้าอย่าได้ป่วยเรื้อรังเชียว ไม่งั้นเสด็จย่าไม่มีทางอนุญาตให้เจ้าไปอย่างเด็ดขาด และข้าก็บอกคนของสำนักหมอหลวงแล้วเช่นกันว่าให้พวกเขาคิดหาวิธีทำยาเม็ดกันหนาวและแก้ไอให้เจ้าพกไปด้วย เผื่อไว้ก่อน…เสื้อขนสัตว์เจ้าก็ต้องใส่ให้มิดชิด…ช่างเถอะ ข้าเพิ่งได้หนังเตียว[1]สีดำมาหลายผืน เดี๋ยวเจ้าให้นางในที่อยู่ข้างกายเจ้าไปเอาที่เสี่ยวโต้วจึ แล้วให้กองพระภูษารีบตัดเสื้อขนสัตว์มาให้เจ้าสักตัว…”

เขาพูดไม่หยุด เหมือนนางในขี้บ่นอายุมาก

จ้าวเซี่ยวยากที่จะปิดบังความรู้สึกตกใจได้ จึงรีบหลุบตาลง และก้มหน้าดื่มชา

เขาเคยได้ยินว่าฮ่องเต้กับท่านหญิงเจียหนานสนิทสนมกันมาก แต่คิดไม่ถึงว่าจะสนิทสนมกันถึงระดับนี้

และเมื่อครู่เขายังสังเกตเห็นว่า ตอนที่ฮ่องเต้เข้ามา เจียงเซี่ยนคารวะอย่างลวกๆ ก็จบเรื่องแล้ว ไป๋ซู่ที่ติดตามนางก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีไปชั่วขณะ ทว่าคนอื่นกลับไม่รู้สึกแปลกสักนิด เหมือนปกติก็จะเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว

หรือว่าคนที่ฮ่องเต้ชอบ…คือเจียงเซี่ยน!

งั้น…เจียงเซี่ยนจะเป็นฮองเฮาหรือไม่?

ความคิดนี้ทำให้จ้าวเซี่ยวประหลาดใจเป็นอย่างมาก

เขาติดตามมารดาไปดูงิ้วตั้งแต่เด็ก ผู้หญิงที่อยู่บนเวทีเหล่านั้นไม่เพียงแต่รูปโฉมงดงาม ทว่ายังมีหัวใจที่มีชีวิตชีวา ความงามแบบนั้นไม่ได้ตกแต่งขึ้นมาด้วยกำไลมุก หยก หรือเสื้อผ้าสวยหรู แต่สั่งสมมาจากสายตาที่สวยงามและคำพูดที่มีมูลความจริง มีช่วงหนึ่งนานมาแล้วเขาจะเอาเหล่านักแสดงหญิงบนเวทีมาปนกับผู้หญิงในชีวิต แต่เขาก็ค่อยๆ รู้ว่า ผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกว่างามเหล่านั้นต่างเป็นภาพเพ้อฝันภาพหนึ่งบนเวที ในชีวิตจริงนั้นเด็กสาวที่เหมาะสมแต่งงานกับพวกเขาต่างมีใบหน้าอ่อนโยนและว่านอนสอนง่ายที่ถูกสั่งสอนมาเหมือนๆ กัน ไม่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง และไม่เป็นตัวของตัวเอง…

จ้าวเซี่ยวผิดหวังมาก

เขาจึงยิ่งชอบดูงิ้ว

ทว่าครั้งนี้เข้าเมืองหลวงมาอวยพรวันเกิดเฉาไทเฮา เขากลับเจอเจียงเซี่ยนโดยบังเอิญ

ท่านหญิงที่มีใบหน้าเย็นชาแต่กลับสายตาร้อนแรง ผู้หญิงที่ดูเหมือนแข็งทื่อและพูดไม่เก่งทว่ากลับเย่อหยิ่งและดื้อรั้น เหมือนตำราเล่มหนึ่ง ด้านนอกดูเหมือนตำราทั่วๆ ไป แต่หากมีโอกาสได้ลองเปิด ก็จะพบว่าเนื้อในนั้นยอดเยี่ยมเหนือความคาดหมาย

จ้าวเซี่ยวนึกถึงตอนที่ฮ่องเต้แอบวางแผนทำร้ายอ๋องเหลียวเมื่อครู่ บนหน้าที่ดูเหมือนไม่รู้อะไรเลยของนางกลับฉายแววไม่พอใจออกมาเล็กน้อยและหายไป…

น่าสนใจมากจริงๆ

เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบผู้หญิงแบบนี้

ทั้งที่รู้ทุกอย่าง แต่กลับไม่พูดอะไรทั้งนั้น

ไม่เพียงแต่เฉลียวฉลาด ทว่ายังข่มอารมณ์ไว้ได้ด้วย

ผู้หญิงแบบนี้ แม้จะมีเส้นทางลำบากและห่างไกลกั้นอยู่ก็จำได้ตั้งแต่แรกเห็นกระมัง?

ผู้หญิงแบบนี้ ถึงจะเป็นหญิงงามที่แท้จริงกระมัง?

จ้าวเซี่ยวอดที่จะเงยหน้ามองไปทางจ้าวอี้ไม่ได้

จ้าวอี้กำลังมองเจียงเซี่ยนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และปล่อยให้เจียงเซี่ยนไม่พอใจเขา “ทำไมถึงดูโคมไฟที่ตกแต่งสีสันสวยงามไม่ได้และต้องไปเล่นบนน้ำแข็งที่ทะเลาบสือช่า ที่นั่นทั้งกว้างโล่งและรกร้าง มีอะไรน่าสนุก…เล่นบนน้ำแข็งที่อุทยานหลวงตะวันตกไม่ดีหรือ?”

อุทยานหลวงตะวันตกเป็นสถานที่ที่เจียงเจิ้นอิงตาย เจียงเซี่ยนไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปที่นั่นเลย

แต่จ้าวอี้ไม่อยากให้ไปที่นั่นเพราะกลัวเจียงเซี่ยนจะเจ็บปวด จึงทำได้เพียงเอ่ยว่า “ถึงเวลานั้นพวกเราพาองครักษ์ไปด้วย พวกคนแก่จะได้ไม่พูดเป็นต่อยหอย”

เพราะทะเลสาบสือช่าทั้งลับตาคนและหนาวเย็น จึงไม่จำเป็นต้องเชิญเหล่าราชเลขาธิการจากสำนักราชเลขาธิการไปร่วมสนุกด้วยแล้ว พระญาติอย่างพวกเขาไปกับตระกูลขุนนางชั้นสูง จ้าวอี้ก็จะได้ทำทุกอย่างได้ตามใจชอบและเล่นได้อย่างมีความสุขมากขึ้น

เจียงเซี่ยนไม่สนใจเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว จึงตอบอย่างขอไปทีว่า “ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันเถอะ!”

จ้าวอี้รู้สึกว่านี่เป็นการตอบที่ดีมากแล้ว จึงเอ่ยว่า “งั้นข้าจะไปบอกเสด็จย่าสักหน่อย เสด็จย่าจะได้ไม่เป็นกังวล”

เจ้ารู้ว่าไทฮองไทเฮาจะเป็นห่วง แล้วยังไปบอกอีกฝ่าย ไทฮองไทเฮาจะต้องไม่อนุญาตให้นางตามจ้าวอี้ไปทะเลสาบสือช่าอย่างแน่นอน

เจียงเซี่ยนยิ้มพลางพยักหน้า

จ้าวอี้ลากเจียงเซี่ยนไปห้องอุ่นตะวันออกด้วยกัน “เสด็จย่ากำลังคุยกับอ๋องเหลียวอยู่ พวกเราก็ไปอยู่เป็นเพื่อนด้วยเถอะ!”

เจียงเซี่ยนไม่อยากให้จ้าวอี้นั่งอยู่ในห้องของตนเอง จึงตามจ้าวอี้ไปห้องอุ่นตะวันออก

ระหว่างทาง เจียงลวี่ถามนาง “เจ้าจะไปทะเลสาบสือช่ากับจ้าวอี้หรือไม่? หากเจ้าไม่อยากไปกับเขา ข้าจะคิดหาทาง แล้วถึงเวลานั้นข้าพาเจ้าไป”

เจียงเซี่ยนยิ้มและเอ่ยว่า “ท่านไปหรือไม่? หากท่านไปข้าก็ไป! ถึงอย่างไรข้าอยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน พวกท่านไปเล่นบนน้ำแข็ง ข้าก็ผิงไฟอยู่ในห้องที่สร้างขึ้นชั่วคราว ไม่ออกมา ไปพอเป็นพิธีเท่านั้น”

เจียงลวี่หัวเราะเสียงเบา และเอ่ยว่า “ได้! ถึงเวลานั้นดูว่าเขาชวนใครไปบ้าง หากเป็นคนที่สนิทหมด พวกเราก็ไปพอเป็นพิธี”

หากไม่สนิท เขาจะให้น้องสาวของตนเองไปปรากฏตัวต่อหน้าธารกำนัลทำไมล่ะ!

เจียงเซี่ยนตอบตกลง ทั้งสองคนเข้าไปในห้องอุ่นตะวันออก

หวังจ้านอยู่ข้างกายอ๋องเหลียว

พอเห็นเจียงเซี่ยนเข้ามา สีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด จะเห็นได้ว่าเป็นห่วงเจียงเซี่ยนมากทีเดียว

เจียงเซี่ยนเห็นแล้วก็ลอบถอนหายใจ

หวังจ้านดีแค่ไหนจะมีประโยชน์อะไร ชาติก่อนคนที่เขาแต่งงานด้วยคือลูกสาวคนโตที่เกิดจากภรรยาเอกของตระกูลสือสำนักฮั่นหลิน แถมยังมีลูกชายหนึ่งคนลูกสาวหนึ่งคน

นางจะแย่งวาสนาในการแต่งงานของคนอื่นได้อย่างไรกัน!

เจียงเซี่ยนยิ้มให้หวังจ้าน และหลังจากนั้นก็ไม่ได้มองพวกเขาอีก นางติดตามรับใช้อยู่ข้างกายไทฮองไทเฮาตลอด ทั้งอ่อนโยน เชื่อฟัง และน่าเอ็นดู

จ้าวอี้เห็นแล้วก็รู้สึกว่าหากน้องสาวของตนเองเป็นเช่นนี้ตลอดไปได้ก็ดี

เขาอยู่จนถึงเวลารับมื้อเย็น จึงถือโอกาสอยู่รับมื้อเย็นที่วังฉือหนิงเสียเลย จนกระทั่งอาหารมื้อเย็นหมดแล้ว เขาก็ยังคงออดอ้อนและกอดแขนไทฮองไทเฮาไว้และจะอยู่คุยต่ออีก

แต่พวกเจียงลวี่กลับอยู่ต่อไม่ได้แล้ว

จ้าวอี้จึงให้พวกเขาออกไปและอยู่เป็นเพื่อนไทฮองไทเฮาเอง

ไทฮองไทเฮาเห็นว่าในห้องไม่มีคนอื่นแล้ว ถึงเอ่ยว่า “ฝ่าบาทมีเรื่องจะคุยกับหม่อมฉันหรือเปล่า?”

“ใช่แล้ว!” จ้าวอี้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อีกสองสามวันข้าอยากไปเล่นบนน้ำแข็งที่ทะเลสาบสือช่ากับพวกเจียงลวี่ เสด็จย่าก็ให้เป่าหนิงไปกับพวกเราด้วยเถอะ! ข้ารับรองว่าจะดูแลนางอย่างดี ไม่ให้นางหนาว”

ไทฮองไทเฮาขมวดคิ้ว จ้าวอี้ดึงแขนเสื้อของไทฮองไทเฮาและเอ่ยว่า “อนุญาตเถอะ! เสด็จย่าอนุญาตเถอะ!”

นางยังคงไม่อนุญาตเช่นเดิม แต่เอ่ยว่า “ไว้หมอหลวงเถียนตรวจชีพจรให้เป่าหนิงแล้วค่อยว่ากัน”

จ้าวอี้ยิ้มพลางเอ่ยขอบคุณไทฮองไทเฮา แล้วเอ่ยทีเล่นทีจริงว่า “เสด็จย่า เสด็จแม่รังเกียจที่ข้าโง่มาตั้งแต่เด็ก มีแต่เป่าหนิงที่ยอมเล่นเป็นเพื่อนข้าทุกครั้ง หากข้ากับเป่าหนิงเป็นเช่นนี้ตลอดไปได้ก็ดี หลานชายกับหลานสาวของท่านต่างอยู่ข้างกาย ท่านก็ไม่ต้องเป็นห่วงข้าและเป็นห่วงเป่าหนิงอีกแล้ว”

ไทฮองไทเฮาได้ยินในใจพลันเกิดความกลัว

นี่ฮ่องเต้อยากให้เป่าหนิงเป็นฮองเฮาให้เขางั้นหรือ?

นางนึกถึงแม่นมฟางที่ถูกเฉาไทเฮาพาไปภูเขาวั่นโซ่วและไม่รู้ชะตากรรมในตอนนี้แล้ว ในใจก็รู้สึกรังเกียจไปพักหนึ่ง

ในเมื่อเจ้าอยากเก็บเป่าหนิงไว้ ทำไมถึงไม่ทำอะไรตั้งแต่เนิ่นๆ?

นางจะให้เป่าหนิงอยู่ในวังได้อย่างไร?

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เพียงแค่เห็นมารผจญอย่างคนสกุลฟางที่คนสกุลเฉายืนกรานว่าจะเก็บไว้ก็พอที่จะทำให้เป่าหนิงไม่มีความสุขไปตลอดชีวิตแล้ว

ไทฮองไทเฮาคิดถึงสิ่งที่จ้าวอี้ทำหลังจากว่าราชการด้วยตนเอง แล้วก็รู้สึกเสียใจอย่างถึงที่สุด จนไม่อยากแม้แต่จะคุยกับเขาแล้ว

นางยิ้มพลางเอ่ยว่า “ฝ่าบาทคิดเช่นนี้ได้ก็ดี เป่าหนิงเติบโตมาพร้อมกับฝ่าบาท ต่อไปฝ่าบาทก็ต้องดูแลนางให้มากหน่อย”

อาจจะเพราะไม่ได้รับอนุญาตอย่างที่เขาคิดไว้ล่วงหน้า รอยยิ้มของจ้าวอี้จึงจืดจางลงไปมาก และเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “เสด็จย่าวางใจ ข้าจะดูแลเป่าหนิงอย่างดี จะไม่ให้คนอื่นรังแกนาง”

——————