หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.406 – โลกแห่งความฝัน : นายพลภูติ

 

กู่ฉิงซานเอื้อมไปหยิบไพ่มาไว้ในมือของเขา

 

ชายชุดดำเคาะลงบนโต๊ะบาร์และกล่าวว่า “สถานที่แห่งนี้คือโลกแห่งความฝันร่วมกันระหว่างเจ้ากับข้า แต่โลกแห่งความฝันในชั้นถัดไป จะเป็นความฝันของผู้อื่น”

 

“แล้วสิ่งที่ข้าจะต้องทำหลังจากเข้าไปเล่า?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

“เมื่อเจ้าเข้าไปภายในนั้น เจ้าจะกลายเป็นคนๆหนึ่ง แล้วเจ้าก็จะต้องสวมบทบาทเป็นเขา จากนั้นก็เสาะหาหนทางเข้าโลกแห่งความฝันในชั้นถัดไป”

 

“ยังมีโลกแห่งความฝันอื่นอีกหรือ?‘

 

“แน่นอนว่าย่อมมี และหากเจ้าไม่สามารถค้นพบวิธีเข้าสู่ความฝันถัดไปได้จากในความฝันนี้ เจ้าก็จะถูกตัดสิทธิ์ออก”

 

“พอจะมีคำใบ้หรือไม่?”

 

“นี่คือความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของนรก จงแสดงให้ข้าเห็นหน่อยเถอะ ว่าเจ้าจะรับมือกับมันอย่างไร”

 

ทันทีที่เสียงของชายชุดดำตกลง บนตัวไพ่ก็ระเบิดชั้นแสงออกมาโอบเข้าปกคลุมกู่ฉิงซานโดยสมบูรณ์

 

แล้วกู่ฉิงซานก็รู้สึกเหม่อลอย

 

พร้อมกับฉากโดยรอบที่เกิดการเปลี่ยนแแปลงอย่างกระทันหัน

 

โต๊ะบาร์ได้หายไป

 

ท้องฟ้าและชั้นเมฆปรากฏขึ้น

 

ธงสีดำคละแดงระบำไปตามสายลม

 

กู่ฉิงซานพบว่าตนเองกำลังยืนอยู่บนยอดเขา

 

มองไกลออกไปเท่าที่สุดสายตาจะมองเห็น จะพบแค่เพียงเนินเขาที่บ้างชันขึ้น บ้างโค้งดิ่งลง ทอดยาวไกลออกไป

 

และในส่วนท้ายสุดของวิสัยทัศน์ที่สามารถมองเห็นได้ คือเมืองที่สาดแสงจรัสสว่างจ้า

 

ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดารารายล้อมรอบมัน

 

กู่ฉิงซานมองไปที่เมือง แล้วในหัวใจของเขาก็ปรากฏข้อมูลเด้งขึ้นมาทันใด

 

อาณาจักรสวรรค์ เมืองเทวะ

 

แล้วเขาก็ก้มลงมองตัวเอง

 

เห็นแค่เพียงชุดเกราะรบสีดำของนรก ที่ถึงแม้ว่ามันจะหนัก แต่ก็แผ่พลังอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา

 

เขาลองโบกแขนออกไป

 

แล้วก็พบว่าพลังที่ส่งออกจากร่างกายเขา ได้เข้าไปผสานกับเกราะแขน ส่งผลให้พลังอำนาจของมันเพิ่มพูนขึ้นยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า

 

เกราะรบอันน่าสะพรึงเช่นนี้ กู่ฉิงซานไม่เคยได้ยินได้เห็นมาก่อนเลย

 

แล้วฉากหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในห้วงทรงจำเขา

 

เนื่องจากเป็นนักรบที่กล้าหาญ และครอบครองทักษะการต่อสู้ที่มีชื่อเสียง ราชาภูติจึงได้มอบชุดเกราะรบสีดำนี้ให้แก่เขา

 

นี่คือสมบัติของราชาภูติ ที่ไม่เคยนำออกมาเผยโฉมมาก่อน

 

ทั่วทั้งนรก มีเกราะรบชิ้นนี้อยู่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!

 

กู่ฉิงซานก้มลงมองดูอาวุธในมือเขา และพบว่ามันเป็นกระบี่ยาวสีดำ

 

บนด้ามจับของกระบี่ ถูกสลักไว้ด้วยตัวอักษรใจความว่า

 

“นายพลภูติ”

 

กลับกลายเป็นว่าสถานะของตัวเขานั้นเป็นถึงนายพล

 

กู่ฉิงซานลองวาดกระบี่ยาวออกไป

 

แต่อำนาจของกระบี่กลับธรรมดาสามัญยิ่ง

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยการวาดกระบี่ออกไป ได้ส่งผลให้ความทรงจำก่อนหน้าจากวิญญาณตนนี้ค่อยๆฟื้นคืนกลับมาในจิตใจของเขา

 

กู่ฉิงซานรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง และเริ่มทำการตรวจสอบข้าวของๆเขาทันที

 

ไม่มี … ทุกอย่างหายไปหมดเลย

 

ทั้งหมดที่เขามีคือสิ่งของจากวิญญาณตนนี้ แต่ดาบพิภพ เช่าหยิน ถุงหอมหลากสี อุปกรณ์ และสิ่งของต่างๆในถุงสัมภาระ และทะเลแห่งห้วงสติได้หายไป

 

แล้วดาบขุนเขาเทวะหกโลกาเล่า?

 

ฉวัดเฉวียน!

 

พร้อมกับจิตนึกคิดของเขา ดาบยาวที่มีใบดาบราวกับหยาดน้ำค้างในฤดูใบไม้ร่วงก็ตกลงมาลอยนิ่งอยู่กลางอากาศเบื้องหน้าเขา

 

กู่ฉิงซานทิ้งกระบี่ไปและคว้าจับดาบขุนเขามาไว้ในมือ

 

พอมีดาบในมือแล้ว ในหัวใจของกู่ฉิงซานก็กลับมามั่นคง รู้สึกสงบลงทันที

 

แต่ว่ามันแปลกๆอยู่นา .. ของทุกอย่างที่ติดตัวเขาได้หายไป แต่ทำไมดาบเล่มนี้ถึงยังคงอยู่ล่ะ?

 

ขณะกำลังครุ่นคิด ก็เห็นแค่เพียงหญิงในชุดคลุมฟ้าปรากฏกายผุดออกมาจากตัวดาบ

 

ฉานนู่

 

“เจ้าทราบหรือไม่ว่าเพราะเหตุใดสิ่งของๆข้าจึงหายไป?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

“กฏเกณฑ์แห่งความฝันนี้ทรงพลังยิ่ง มันถึงขั้นช่วยให้ ‘จิตสำนึก’ของเจ้าเข้าสู่ร่างของผู้อื่นได้ ขณะที่ ‘ร่างจิต’ ของเจ้ายังคงนั่งดื่มอยู่ในสถานที่ก่อนหน้า” ฉานนู่กล่าว

 

“เช่นนั้น หากมีเพียงจิตสำนึกของข้าที่เหลืออยู่ แล้วเจ้าเล่าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

“กฏเกณฑ์ที่สามารถต่อต้านได้กระทั่งสายลมแห่งทัณฑ์โกลาหลอยู่กับข้า ดังนั้นกฏเกณฑ์อื่นๆทั้งหมดจึงหลีกเลี่ยง มิกล้าที่จะเข้ามารบกวนข้า” ฉานนู่เอ่ยเสียงรำไร

 

และทันทีที่ประโยคนี้จบลง บรรทัดแสงหิ่งห้อยก็ปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงครามทันที

 

“คุณได้เรียนรู้พลังศักดิ์สิทธิ์ที่สองของจิตอาร์ติแฟคดาบขุนเขาเทวะหกโลกา : แหกกฏ”

 

“ ‘แหกกฏ’ : ทุกกฏเกณฑ์จากตลอดทั้งหมื่นโลกาจะไม่อาจส่งผลกระทบต่อดาบเล่มนี้”

 

ในเวลานั้นเอง เสียงแตรที่ลึกและทุ้มก็ดังขึ้น สะท้อนออกไปบนผืนดินอย่างต่อเนื่อง

 

กู่ฉิงซานหันไปมองรอบๆ

 

เห็นแค่เพียงกองทัพเกราะดำ ตนแล้วตนเล่ากำลังระเบิดเสียงไชโยออกมา

 

แล้วกระแสความตระหนักรู้ก็ปรากฏขึ้นมาในจิตใจของกู่ฉิงซาน

 

โลกปรภพได้พิชิตอาณาจักรสวรรค์ อาชูร่า วิญญาณร้าย และจ้าวอสูร และตอนนี้ได้กินพื้นที่โจมตีไปถึงดินแดนหลักของอาณาจักรสวรรค์แล้ว

 

ราชาภูติได้ออกจากนรก เพื่อที่จะได้มาดูทวยเทพ

 

– เทพวิญญาณได้ยอมจำนนโดยสิ้นเชิง

 

กู่ฉิงซานมองไปรอบๆ แล้วก็พบกับเหล่าคนที่ใส่ชุดสีเดียวกันกับเขา

 

ทั้งหมดคือคนตาย ที่กำลังเผยสีหน้ายิ้มแย้มออกมา

 

หลังจากที่การต่อสู้ท่ามกลางสงครามเป็นเวลานาน ในที่สุดก็สามารถนำพารุ่งอรุณแห่งชัยชนะมาไว้ในกำมือจนได้

 

ในหัวใจของกู่ฉิงซานเริ่มรู้สึกแปลกๆมากขึ้นเรื่อยๆ

 

“ฉานนู่ มิใช่ว่าในสมัยก่อนกลับกลายเป็นฝ่ายราชาภูติที่พ่ายแพ้หรอกหรือ?”

 

“เป็นดังเช่นที่เจ้าว่า แต่ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

 

“อ้าว เจ้ามิได้เข้าร่วมสงครามหรอกหรือ”

 

“เหล่าวิญญาณร้ายในอดีตมันไม่เหมาะสมกับข้า และข้าก็ไม่ต้องการที่จะไปเป็นอาวุธของพวกเขา ดังนั้นข้าจึงไม่ได้เข้าร่วมสงครามครั้งนี้”

 

“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”

 

กู่ฉิงซานแม้จะยังคงประหลาดใจอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีก

 

เพราะสำหรับกู่ฉิงซานหรือฉานนู่แล้ว นี่นับว่าเป็นเรื่องปกติมาก

 

ผู้ฝึกดาบจะเลือกดาบที่เหมาะสมกับตัวเอง

 

ขณะที่ดาบศักดิ์สิทธิ์ก็มีจิตวิญญาณ และยังเลือกเจ้านายเป็นของตัวเองเช่นกัน

 

ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ฝึกดาบและดาบ จะแตกต่างจากอารมณ์ทางโลกทั้งมวล

 

พวกเขาจะต้องมีเจตจำนงเดียวกัน จึงจะติดตามไปด้วยกันได้

 

ในเวลานั้นเอง เสียงช้าๆที่ร่ายยาวก็ดังขึ้น ขัดจังหวะความคิดของกู่ฉิงซาน

 

“รายงาน!”

 

ทหารวิญญาณก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว คุกเข่าลงกับพื้น และกล่าวเสียงดัง “ข้ามาแจ้งให้ท่านทราบว่า พิธียอมจำนนจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า และท่านผู้ทรงเกียรติอีกสองคนได้ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว แต่เขาให้มาถามว่าท่านจะไปด้วยหรือไม่”

 

“รอก่อน” กู่ฉิงซานกล่าว

 

“แต่พวกเขาทั้งหมดมาอยู่ที่นั่นแล้ว”

 

“ปล่อยให้พวกเขารอไป!”

 

กู่ฉิงซานยังคงยืนนิ่งอยู่ในจุดเดิม และเริ่มมองสำรวจกองทัพของตนเอง

 

บนร่างของคนตายแต่ละคน ล้วนถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายสังหาร

 

เมื่อพวกวิญญาณเห็นว่าเขากำลังมองมาที่ตนเอง พวกทหารคนตายก็ยืดตัวเอง จับอาวุธในมือแน่น ราวกับว่าพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้ยินตลอดเวลา

 

ตลอดทั้งภูเขาเต็มไปด้วยทหารวิญญาณ

 

อย่างไรก็ตามบนภูเขาทั้งหมด นอกจากเสียงของสายลมแล้ว มิได้ยินเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาอีกเลย

 

นั่นเพราะเวลานี้ มีคำสั่งห้ามต่อสู้ และสงครามก็หยุดชะงักลงชั่วคราว

 

“ … ไม่เลวเลย” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเงียบๆ

 

แต่ทันใดนั้นเอง เขาก็พลันสังเกตไปเห็นกองทัพผีร้ายและจ้าวอสูรจำนวนมากอยู่บริเวณเนินเขาตรงกันข้าม

 

“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามทันที

 

หนึ่งในรองนายพลกล่าว “พวกเขายอมจำนน”

 

“ยอมจำนน? ” กู่ฉิงซานเอ่ยทวนซ้ำตามจิตใต้สำนึก

 

แล้วเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว บินไปยังเนินเขาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

 

เมื่อนายพลภูติเคลื่อนไหว ทหารจากนรกจำนวนมากก็ย่อมที่จะติดตามเขา

 

เมื่อเหล่าผีร้ายและจ้าวอสูรเห็นนายพลภูติกำลังตรงมาพร้อมกับทหารจำนวนมาก ทั้งหมดก็ลุกยืนขึ้น

 

กู่ฉิงซานมาถึงเนินเขา

 

วิสัยทัศน์ของกู่ฉิงซานกวาดผ่านร่างของผีร้ายและจ้าวอสูรนับหมื่นแสน แล้วเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

 

ผีร้ายน่ะมาจากอาณาจักรผีโหย แต่ร่างของพวกมันยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดี แถมยังจับอาวุธในมือแน่น และเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ลุกโชนเป็นฟืนเป็นไฟ

 

ขณะที่จ้าวอสูรยังเปี่ยมไปด้วยพลังงาน การแสดงออกทางสีหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความระแวดระวังและเฝ้าดูทุกฝีก้าวของกู่ฉิงซาน

 

“กองทัพยอมจำนน … แล้วท่าทีของพวกมันที่เห็นอยู่นี่คือสิ่งใดกัน?”

 

กู่ฉิงซานค่อนข้างสับสน ปากเอ่ยเสียงกระซิบ

 

“ใต้เท้า พวกเรายอมทุกคนยอมแพ้แล้ว” นายพลผีร้ายกล่าว

 

ขณะที่นายพลจ้าวอสูรอีกตนกล่าวว่า “พลังของราชาภูติสั่นสะเทือนทั้งสวรรค์และโลก ไม่มีใครหาญต่อกรได้ หากมิให้พวกเรายอมแพ้ แล้วจะให้เฝ้ารอความตายอย่างนั้นหรือ?”

 

กู่ฉิงซานที่กำลังฟัง ทันใดนั้นก็บังเกิดฉากหนึ่งขึ้นในจิตใจของเขา

 

ราชาภูติกำลังถือไม้เท้า ระเบิดอำนาจที่ราวกับสามารถทำลายโลกหล้า ส่งทวยเทพมากมายตนแล้วตนเล่าต้องล่าถอยไป

 

กองทัพทั้งหมดราวกับมด เมื่ออยู่ต่อหน้าราชาภูติ และพื้นที่ขนาดใหญ่ก็ถูกล้างบางจนสิ้น

 

เมื่อทหารของพันธมิตรทั้งสี่อาณาจักรเสียชีวิตลง พวกเขาก็จะกลายเป็นคนตายอย่างรวดเร็ว

 

และคนตายทั้งหมด ก็จะเป็นของคนของปรภพโดยสมบูรณ์ ที่ถูกควบคุมโดยราชาภูติ

 

—สงครามผ่านพ้นไปได้แค่ครึ่งทาง พันธมิตรทั้งสี่ก็มิอาจต่อกรได้อีกต่อไป

 

ราชาภูติโค่นพันธมิตรทั้งสี่ลงด้วยกำลังของเขาเอง!

 

ดังนั้น พวกที่อยู่ตรงหน้านี้จึงยอมจำนน

 

กู่ฉิงซานพยักหน้าอย่างเงียบๆ

 

สายตาของเขามองไปยังผีร้ายและจ้าวอสูรที่ออกันอยู่กันเต็มภูเขา ก่อนจะตกลงในอาวุธของแต่ละตน

 

“แล้วราชาภูติเล่า? ฝ่าบาทไปอยู่ที่ไหนแล้ว?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

“นี่ท่านลืมไปแล้วหรือ? ฝ่าบาทก็อยู่ในเมืองเทวะ และกำลังเตรียมที่จะรับเครื่องบรรณาการจากทวยเทพอย่างไรเล่า” รองนายพลที่อยู่ข้างกายเขากล่าว

 

กู่ฉิงซานหลับตาลง

 

และย้อนเห็นถึงพลังอำนาจของราชาภูติ ที่สามารถสยบทั้งสี่อาณาจักรได้

 

หากสงครามจบลงด้วยความพ่ายแพ้ เช่นนั้นแล้วปัญหามันเกิดจากอะไรกัน?

 

มีข้อมูลน้อยเกินไป …

 

กู่ฉิงซานลืมตาขึ้นและจู่ๆก็เริ่มออกคำสั่ง

 

“ใครก็ได้มานี่ที”

 

“ขอรับ”

 

“เจ้าเร่งจัดกำลังคน แล้วไปรวบรวมอาวุธของผีร้ายกับพวกจ้าวอสูรมาซะ”

 

“แต่ใต้เท้า … พวกมันกำลังจะถูกส่งกลับไปในเร็วๆนี้ ดังนั้นพวกมันสมควรจะ-”

 

“ทำตามหน้าที่เดี๋ยวนี้”

 

“ขอรับ!”

 

พอได้ฟัง เหล่าผีร้ายและจ้าวอสูรที่อยู่บนเขาก็เริ่มโวยวายทันที

 

“นี่เจ้าต้องการที่จะยึดอาวุธของพวกเรารึ?” นายพลผีร้ายกล่าว

 

เสียงของมันสงบมาก ไม่อาจฟังได้ถึงอารมณ์แม้เพียงเล็กน้อย

 

“ก็ใช่น่ะสิ เจ้ามิได้ยอมจำนนแล้วหรอกหรือ?” กู่ฉิงซานกล่าว

 

นายพลจ้าวอสูรอุทานด้วยความโกรธ “โลกของพวกเรากำลังจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกันในไม่ช้า จากนั้นไปเราทุกคนก็คือสหาย แล้วเหตุใดเจ้าจึงกระทำการที่ดูถูกพวกเราเช่นนี้!”

 

“เจ้ากำลังดูถูกพวกเราเหล่าจ้าวอสูร!”

 

“ใช่ นี่หรือสิ่งที่นายพลภูติทำ จิตใจชั่วช้าและดูถูกเรา–”

 

เหล่าจ้าวอสููรกับผีร้ายเริ่มที่จะกระสับกระส่าย

 

“บังอาจ!!”

 

กู่ฉิงซานระเบิดเสียงคำรามคำหนึ่ง

 

เขาชักดาบออกมาและชี้ไปยังพวกกองทัพพันธมิตรผีร้ายกับจ้าวอสูรที่อยู่เต็มภูเขา

 

“ล้อมพวกมันไว้!”

 

กู่ฉิงซานเอ่ยบัญชา

 

ตามด้วยเสียงชักอาวุธนับไม่ถ้วนกังวานขึ้น

 

กองทัพนรกทั้งหมดเริ่มเคลื่อนไหว

 

พวกเขายกอาวุธขึ้น ระดมพล และกรีฑาทัพมุ่งหน้ามายังเนินเขานี้อย่างช้าๆ

 

ทันใดนั้นเสียงโวยวายทั้งหมดก็พลันเงียบลง

 

“เจ้าต้องการจะทำอะไร?” นายพลผีร้ายถามเสียงทุ้ม

 

“ในเมื่อเจ้ายอมจำนนแล้ว ก็ต้องทำตัวให้เหมาะสมกับการยอมจำนน หากเจ้ากล้าที่จะต่อต้าน ข้าจะรายงานแก่ท่านราชาภูติทันที ว่าเจ้าแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แต่แท้จริงกลับซ่อนเจตร้ายเอาไว้ภายใต้สีหน้าบริสุทธิ์ และกำลังคิดหมายจะตั้งใจทำเรื่องเลวร้าย!”

 

กู่ฉิงซานดาหน้าเข้ามาเผชิญกับนายพลผีร้าย

 

เขาเอ่ยกระซิบ “จู่ๆเจ้าก็ไม่ยินดีที่จะละทิ้งอาวุธ นี่มันอาจจะเป็นการบ่งบอกว่า เรื่องยอมจำนนของพวกเจ้าทั้งหมดแท้จริงแล้วมันคือกลลวงสินะ?”

 

นายพลผีร้ายหัวเราะ “ราชาภูติน่ะครอบครองพลังอำนาจชนิดหาตัวจับได้ยากยิ่ง แล้วพวกเราจะแสร้งยอมจำนนได้อย่างไร?”

 

กู่ฉิงซานยังไม่ทันได้พูด แต่ก็เห็นทหารวิญญาณอีกคนมารายงานเสียก่อน “ใต้เท้า พีธียอมจำนนกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว พวกเขากำลังเฝ้ารอท่านเพียงคนเดียว”

 

“จงไปบอกให้พวกเขารอต่อไป” กู่ฉิงซานกล่าว

 

“แต่ใต้เท้า-”

 

“ไปเดี๋ยวนี้!”

 

“ขอรับ!”

 

ทหารวิญญาณเร่งจากไปอย่างรวดเร็ว

 

“ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย วางอาวุธลงซะ” กู่ฉิงซานกล่าว

 

นายพลผีร้ายกับนายพลจ้าวอสูรเหลือบมองกันวูบหนึ่ง

 

กู่ฉิงซานก้าวถอยหลังออกมา และเตรียมนำกองทัพคนตายสู้ศึก

 

“ทั้งหมดเตรียมตัว” เขาออกคำสั่ง

 

“ขอรับ!”

 

เหล่าคนตายเข้าสู่สภาวะพร้อมรบ

 

กองทัพนรกได้เผยคมเขี้ยวทั้งหมดออกมาโดยสมบูรณ์ และกำลังเฝ้ารอเพียงคำสั่งเท่านั้น

 

เมื่อมองมายังฉากนี้ รูม่านตาของนายพลผีร้ายก็หดวูบลงทันใด

 

“หยุดมือ! พวกเราจะวางอาวุธลงเดี๋ยวนี้แหละ!” เขาตะโกนออกมา

 

“ใช่ ใช่ พวกเราจะวางอาวุธลงแล้ว!” นายพลจ้าวอสูรรีบเอ่ยอย่างรวดเร็ว

 

กู่ฉิงซานโบกมือ ส่งสัญญาณให้กองทัพหยุดชั่วคราว

 

“ส่งกำลังพลออกไป เก็บรวบรวมอาวุธมาซะ” เขาเอ่ยสั่ง

 

แล้วฝูงวิญญาณกลุ่มหนึ่งก็ปีนขึ้นไปบนภูเขา และทำการเก็บรวบรวมอาวุธของทัพพันธมิตรผีร้ายและจ้าวอสูร

 

“เราได้แสดงความจริงใจออกมาแล้ว ทีนี้เจ้าพอใจหรือยัง?” นายพลผีร้ายเอ่ยถาม

 

“พอใจแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

แล้วทันใดนั้นจู่ๆเขาก็วาดดาบชี้ออกไป

 

“ไปซะ สังหารพวกมันให้หมด!”

 

กองทัพนรกเริ่มเคลื่อนไหวทันที

 

“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!”

 

เหล่าทหารวิญญาณที่เก็บรวบรวมอาวุธศัตรู เริ่มพุ่งหนีทันควัน

 

บนเนินเขา กองทัพพันธมิตรผีร้ายและจ้าวอสูรเกิดความตื่นตระหนก

 

จ้าวอสูรบางตนเริ่มที่จะหลบหนี

 

-คิดหนีหรือ?

 

กู่ฉิงซานมองไปยังฉากนี้และหัวเราะออกมา

 

“ช้าก่อนนายพลภูติ เห็นได้ชัดว่าพวกเรา-  นายพลผีร้ายรีบตะโกนออกมา

 

“ก็ไหนเจ้าว่าพวกเราจะเป็นสหายกันอย่างไรเล่า ที่ข้าทำ ก็แค่จะสังหารและเปลี่ยนพวกเจ้าให้กลายเป็นคนตาย เพื่อที่จะได้กลายมาเป็นพวกของข้าจริงๆก็เท่านั้นเอง”

 

“เจ้ามันมารร้าย!” นายพลจ้าวอสูรคำรามด้วยความโกรธ

 

กู่ฉิงซานส่ายหัว ปากเอ่ยกล่าวอย่างแผ่วเบา “เสียใจด้วยนะ แต่นี่แหละคือสงครามล่ะ”