หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.407 – โลกแห่งความฝัน : กษัตริย์อาชูร่า
กองทัพนรกนับหลายสิบล้านตราทัพขึ้นไปบนภูเขา
เหล่าผีร้ายและจ้าวอสูรที่สูญสิ้นอาวุธไป แน่นอนว่าย่อมไม่มีทางที่จะตอบโต้
เพียงแค่เริ่มบุก กองทัพพันธมิตรก็แตกกระเจิง เริ่มหลบหนีไปคนละทิศละทางทันที
“เหล่าผู้เดือดดาลทั้งหลายเอ๋ย จงอย่าให้พวกมันหนีไปได้!” กู่ฉิงซานเอ่ยปากกล่าว
ทันใดนั้นวิญญาณเดือดดาลทั้งแปดที่อยู่เบื้องหลังเขา ก็แยกย้ายกันออกไปไล่ล่า
ไม่นานนัก
นายพลผีร้ายและนายพลจ้าวอสูรก็ถูกจับ
พวกเขาถูกมัดไว้เบื้องหน้ากู่ฉิงซาน
“นี่เจ้า-” นายพลผีร้ายกำลังจะเริ่มร่ำร้องออก
แต่กู่ฉิงซานก็วาดดาบของเขาออกไปเสียก่อน
พร้อมกับสองหัวที่ร่วงหล่นลงกระทบกับพื้นดิน
“เพียงเท่านี้เราก็จะได้สหายที่แท้จริงเพิ่มขึ้นมาอีกสองตนแล้ว”
กู่ฉิงซานหันไปกล่าวต่อหน้าฝูงชน
และเหล่าทหารมากมายก็ระเบิดเสียงหัวเราะกันออกมา
แต่แล้วทันใดนั้นกองทัพคนตายทั้งหมดก็หายวับไป
ฉากโดยรอบทั้งหมดได้หายไป
โลกทั้งใบหลงเหลือเพียงความว่างเปล่า
ขณะเดียวกับนายพลภูติก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าของกู่ฉิงซาน
วิญญาณตนนี้มีรูปร่างหน้าตาเช่นเดียวกันกับตัวกู่ฉิงซานในปัจจุบัน
ดูท่าแล้ว มันน่าจะเป็นนายพลภูติตัวจริง
ทว่าแม้จะผ่านเลยมาสักพักแล้ว นายพลภูติก็ยังไม่เอ่ยสิ่งใด
ดูเหมือนว่าสติอารมณ์ และสภาวะจิตใจของมันค่อนข้างที่จะซับซ้อนในเวลานี้
“เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเกมที่พวกเราสามารถชนะอย่างชัดเจน แล้วเพราะเหตุใดกัน เจ้าจึงยังต้องลงมือเกินเลยถึงเพียงนั้นด้วย?” นายพลภูติเอ่ยถาม
“สามารถชนะ? สองคำนี้เป็นตัวแทนของความหยิ่งยะโส แต่มันไม่ใช่สำหรับข้า ข้าน่ะระมัดระวังตัวตลอดเวลา”
“ระมัดระวัง …” นายพลภูติดูจะกำลังขบคิดอย่างรอบคอบ
“ถูกต้อง ชีวิตและความตายทั้งหมดของเหล่าสหายน่ะได้ถูกผูกติดเอาไว้กับข้า ดังนั้นข้าจึงไม่ยินยอมเปิดโอกาสใดๆแก่ศัตรู”
“แล้วหลังจากที่เจ้ายึดอาวุธจนสิ้นแล้ว เหตุใดจึงยังสังหารพวกเขาทั้งหมดอีก?”
“ในแต่ละโลก ย่อมมีอุบายที่แตกต่างกันออกไป และหากเราไม่รู้จักมัน เราก็จะตกอยู่ในความหวาดระแวงอันไม่รู้จบ”
“เจ้าเกรงว่าพวกเขาจะใช้อุบายที่ไม่รู้จักนั่นกระนั้นหรือ?”
“ใช่”
นาพลภูตินิ่งงันไปสักพัก ก่อนจะถอนหายใจออกมา “เรื่องนี้มิอาจตำหนิศัตรูได้ แต่เป็นข้าเองที่ประมาทเกินไปอย่างแท้จริง”
ว่าจบ ร่างของมันก็ค่อยๆแปรสภาพเป็นไพ่
ไพ่ใบนี้ลอยมาอยู่เบื้องหน้ากู่ฉิงซาน
เห็นแค่เพียงภายในไพ่ เป็นนายพลภูติที่สวมใส่เกราะรบสีดำ ในมือถือกระบี่ยาว และกำลังเปล่งเสียงคำรามที่ก้องไปถึงสรวงสวรรค์
ไม่กี่บรรทัดตัวอักษรเล็กๆปรากฏอยู่ตรงส่วนล่างของไพ่
“นายพลภูติ คนตายคนแรกของโลกปรภพ ที่ได้รับเกราะรบเทวะจากราชาภูติ เขาได้ต่อสู้กับกองทัพพันธมิตรของทั้งสี่อาณาจักรและทวยเทพ และไม่เคยพ่ายแพ้”
“แต่เนื่องเพราะโดนอุบายของกองทัพพันธมิตร นายพลภูติจึงตกอยู่ภายใต้การปิดล้อมจากทุกด้าน พ่ายแพ้ลงในสงครามครั้งสุดท้าย ล้มเหลวที่จะเร่งตราทัพไปพิทักษ์ราชาภูติ ฉะนั้นเขาจึงเศร้าเสียใจ และถูกสังหารลงในตอนท้ายของสงคราม”
“นายพลภูติ เป็นไพ่อัญเชิญจากสำรับแห่งการแก้แค้น มีประสิทธิภาพในการต่อสู้ที่สูงส่งเป็นอันดับต้นๆ”
เมื่อกู่ฉิงซานอ่านข้อความบนไพ่ใบนี้ นายพลภูติก็ยกศีรษะขึ้น และจ้องมองเขาจากภายในไพ่
“เจ้ามีคุณสมบัติที่จะเป็นนายพล ดังนั้นข้าจะเป็นคนนำพาเจ้าไปยังโลกแห่งความฝันถัดไปเอง” นายพลภูติกล่าว
กู่ฉิงซานรับไพ่มา
แต่กลับไม่มีวี่แววของสัญญ-
ทันใดนั้นในอากาศที่ว่างเปล่าก็บังเกิดรอยแยก
โลกทั้งใบเริ่มสั่นไหว
ความว่างเปล่าทั้งหมดถูกฉีกทำลาย รอยแยกเริ่มเด่นชัด และฉากจากภายนอกก็ปรากฏสู่สายตาของกู่ฉิงซาน
เขาค้นพบว่าตนเองกำลังนั่งอยู่บนหลังของช้างยักษ์
และรายล้อมไปด้วยเหล่าหญิงงามอันหาที่เปรียบมิได้ เหล่าสาวงามทั้งหมดกำลังถืออาวุธในมือ และปกป้องตัวเขาอยู่
“แค่ก-”
กู่ฉิงซานไม่สามารถฝืนหยุดไอได้เลย
แล้วจู่ๆเขาก็พ่นฟองเลือดออกมา
หญิงงามในชุดเกราะรบบินกลับขึ้นมาบนหลังช้างยักษ์ และคุกเข่าลงต่อหน้าเขา
“องค์กษัตริย์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” หญิงงามเอ่ยถามด้วยความกังวล
“ยังไม่ตายหรอก แต่ข้าถึงขั้นได้สู้กับราชาภูติตรงๆเชียวนา บาดเจ็บเพียงเท่านี้นับว่าคุ้มค่าแล้ว”
กู่ฉิงซานได้ยินเสียงร่างของเขาพูด
หญิงงามพยักหน้า “เกือบจะถึงเมืองเทวะแล้ว องค์กษัตริย์โปรดพักผ่อนต่อไปอีกสักครู่”
ว่าจบ เธอก็ก้าวถอยออกไป
ในเวลาเดียวกัน กู่ฉิงซานก็ได้รับอำนาจในการควบคุมร่างกายนี้ได้ในที่สุด
ร่างนี้อ่อนแอมาก แต่ละการเคลื่อนไหวจึงช่างยากลำบากยิ่ง
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นในหูของเขา
“เพื่อเป็นรางวัลสำหรับการผ่านโลกแห่งความฝันครั้งก่อน ข้าจะช่วยให้เจ้าได้รับผลประโยชน์บางอย่างก็แล้วกัน”
นี่คือเสียงของนายพลภูติ
ทันทีที่เสียงของมันหายไป จู่ๆในสมองของกู่ฉิงซานก็พลันพลุ่งพล่าน กระชากไปด้วยภาพฉากนับไม่ด้วยที่กรูกันเข้ามา
ฉากเหล่านั้นไหลผ่านมาและผ่านไป ซึ่งทั้งหมดได้ตกอยู่ในจิตสำนึกของกู่ฉิงซาน
ความทรงจำ!
มันคือความทรงจำ!
กู่ฉิงซานเข้าใจแล้ว
ว่าร่างกายที่เขาเข้าควบคุม มันได้ส่งผ่านความทรงจำทั้งหมดในการต่อสู้ของเจ้าของร่างเข้ามา
ซึ่งนี่มันแตกต่างไปจากในตอนของนายพลภูติก่อนหน้านี้ ความทรงจำที่ได้รับมามันชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง
ใช่ นี่มันคือความทรงจำจากการต่อสู้ของกษัตริย์อาชูร่าในยุคโบราณ
-และความทรงจำเหล่านี้ ก็ล้วนเป็นกระบวนการต่อสู้ทั้งสิ้น
นี่คือประสบการณ์และการรับรู้ ความเข้าใจของกษัตริย์อาชูร่า
อาชูร่าเป็นเผ่าพันธุ์แห่งการต่อสู้ พวกเขาต่อสู้มาตลอดทั้งชีวิต กระทั่งตัวกษัตริย์อาชูร่าก็ไม่มีข้อยกเว้น
แม้ว่าทักษะและวิธีการต่อสู้เหล่านี้จะถูกจำกัดให้ใช้ได้เพียงเผ่าชูร่า แต่ประสบการณ์การต่อสู้ทั้งหมดที่ได้รับมานี้ มันแตกต่างไปโดยสิ้นเชิงจากสิ่งที่กู่ฉิงซานเคยได้พบ ได้เห็นมาทั้งชีวิต
กู่ฉิงซานราวกับได้เปิดโลกทัศน์อันไกลโพ้น
สำหรับกู่ฉิงซานที่ต่อสู้มาโดยตลอดทั้งสองช่วงชีวิต นี่เทียบเท่าได้กับว่าเป็นการเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ให้แก่เขามากยิ่งขึ้น!
กู่ฉิงซานหลับตาลงและเริ่มที่จะยอมรับความทรงจำนี้
แม้จะดูเหมือนว่าเวลาผ่านพ้นไปนาน แต่อันที่จริงแล้วมันผ่านไปเพียงแค่หนึ่งวินาทีเท่านั้น
กู่ฉิงซานลืมตาขึ้น และเริ่มที่จะพิจารณาไตร่ตรองถึงการต่อสู้ที่ผ่านมาของเขา
ในช่วงขณะนี้ เขาสามารถค้นพบข้อบกพร่องในแต่ละท่วงท่าและช่วงเวลาการต่อสู้ก่อนหน้านี้ของเขาได้อย่างง่ายดาย
เดิมทีมาตรฐานในการต่อสู้ของกู่ฉิงซานก็สูงมากอยู่แล้ว และหากต้องการหาข้อผิดพลาดในการต่อสู้เหล่านั้น มันจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
และตัวของกู่ฉิงซานในก่อนหน้านี้ ก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้เลย
แต่ในตอนนี้ เขาสามารถค้นพบข้อบกพร่องในการเคลื่อนไหวของเขาได้ดั่งพลิกฝ่ามือ
กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างลับๆ
เขาไม่เคยคาดคิดเลย ว่าการที่ได้เข้าร่วมแข่งขันท้าทายเพื่อชิงตำแหน่งราชาภูติ ตนจะได้รับผลประโยชน์มากมายเช่นนี้
กู่ฉิงซานลืมตาขึ้นและหันไปมองรอบๆ
ทหารนับไม่ถ้วนรายล้อมอยู่รอบช้างยักษ์ คอยอารักขาเขา
ขณะที่เบื้องหน้า คือเมืองเทวะของอาณาจักรสวรรค์
แต่แล้วช้างยักษ์ก็หยุดฝีเท้าลงอย่างกระทันหัน
พร้อมกับการปรากฏกายของสี่อาชูร่ามาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าช้างยักษ์
พวกเขาขวางทางช้างยักษ์เอาไว้
ทันใดนั้นกองทัพอาชูร่าทั้งหมดก็หยุดลง
นายพลแห่งกองทัพที่คอยอารักขากษัตริย์ชูร่าได้เดินแหวกฝูงชนออกไป
แต่เมื่อเขาและทุกคนพบว่าเป็นสี่อาชูร่าที่กำลังขวางทางอยู่ การแสดงออกของพวกเขาก็ดูผ่อนคลายลง
สีหน้าลึกล้ำปรากฏขึ้นเด่นชัดบนใบหน้าของนายพล
คนเหล่านี้คือกลุ่มราชาเผ่าทั้งสี่ของอาชูร่า และสถานะของพวกเขาเป็นรองเพียงกษัตริย์อาชูร่าเท่านั้น!
“ราชาเผ่าโปซือ ,ราชาเผ่าลั่วเฉียนทั่ว , ราชาเผ่าปิโม่ซือ ,ราชาเผ่าลั่วซุ่ย พวกเจ้ามีเรื่องอะไรอย่างงั้นหรือ?”
กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“เจ้าได้พ่ายแพ้ต่อราชาภูติจากนรก สร้างความอับอายแก่เผ่าอาชูร่า ดังนั้นเจ้าจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นำของเราอีกต่อไป” ราชาเผ่าลั่วซุ่ย กล่าว
“เผ่าอาชูร่าถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงกษัตริย์แล้ว!” ราชาเผ่าลั่วเฉียนทั่วเอ่ยเสริม
“ถูกต้อง ดังนั้นพวกเราจึงต้องการที่จะท้าสู้กับเจ้าในตอนนี้!” ราชาเผ่าปิโม่ซือกล่าว
กู่ฉิงซานมองไปยังอาชูร่าตนสุดท้ายที่ยังเงียบอยู่ ปากเอ่ยถาม “ ราชาเผ่าโปซือ เล่าเจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?”
ราชาเผ่าโปซือ “เจ้าสมควรตาย”
กายของกู่ฉิงซานเกือบจะผุดลุกขึ้นด้วยตนเอง
นี่คือสัญชาตญาณการต่อสู้ของอาชูร่า!
กู่ฉิงซานย้อนคิดไปถึงกระทั่งเทคนิคลับของอาชูร่า ที่จะต้องอาศัยร่างของกษัตริย์ชูร่าเพื่อแสดงออกมา
เทคนิคลับนี้จะช่วยให้เขาสามารถเรียกคืนพละกำลังฟื้นคืนได้ทันที เว้นเพียงแต่ว่าการใช้งานมันจะต้องถูกหักอายุขัยก็เท่านั้นเอง
แต่ตราบใดที่พละกำลังกายของเขาฟื้นฟูกลับมา กู่ฉิงซานรู้สึกว่าเขาจะสามารถสังหารสี่ราชาเผ่าเบื้องหน้าที่บังอาจมาท้าทายได้อย่างแน่นอน!
กู่ฉิงซานพยายามอย่างเต็มที่ ระงับความโกรธในจิตใจลง
ข้างหน้าคือเมืองเทวะ
ตามความทรงจำแล้ว ราชาภูติได้ทำข้อตกลงเป็นสหายกับกษัตริย์เผ่าอาชูร่า
ทั้งสองฝ่ายเป็นคนแปลกหน้าในยามแรกพบ แต่ทว่าเมื่อได้ต่อสู้กัน ในที่สุดก็กลายเป็นสหายที่ดีต่อกัน
ราชาภูติถึงขั้นสอนเทคนิคลับอันน่าสะพรึงให้แก่กษัตริย์ภูติเป็นการส่วนตัวเลยอีกด้วย
ฉะนั้นตอนนี้ กษัตริย์อาชูร่าจึงจะเข้าไปในเมืองเทวะ เพื่อเข้าร่วมกับราชาภูติ
กู่ฉิงซานสูดหายใจลึก และรีบจัดการแยกแยะเบาะแสทุกอย่าง อย่างรวดเร็ว
“ข้ายอมรับการท้าทายของพวกเจ้า” เขากล่าว
สีหน้าของสี่ราชาเผ่าดูจะปิติขึ้นมาทันที
อาชูร่าจะบ้าสงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าคนทั้งเผ่า แล้วกษัตริย์จะไม่กล้ายอมรับการท้าทายได้อย่างไร?
แต่ใครจะรู้ กู่ฉิงซานยังกล่าวต่ออีกว่า “ไปที่เมืองเทวะกันเถิด เมื่ออาการบาดเจ็บของข้าฟื้นคืน เราจะมาสู้กัน”
ราชาเผ่าทั้งสี่เหลือบมองกันวูบหนึ่ง แต่ยังไม่คิดจะเปิดทาง
“นั่นไม่ได้! เพราะตามกฏของเผ่าอาชูร่า พวกเราทั้งสี่มีสิทธิ์ที่จะท้าทายเจ้าได้ตลอดเวลา!” ราชาเผ่าลั่วเฉียนทั่วกล่าว
“ใช่ พวกเราจะโค่นเจ้าลงที่นี่” ราชาเผ่าปิโม่ซือเอ่ยสนับสนุน
ณ จุดนี้ กู่ฉิงซานสามารถปรามอารมณ์ตนได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
บังเกิดร่องรอยแปลกๆขึ้นบนใบหน้าของเขา “พวกเจ้าทราบหรือไม่ว่าข้าได้ไปต่อสู้กับราชาภูติมา?”
“อะไร? อย่าบอกเรานะว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถต่อสู้ได้น่ะ” ราชาเผ่าโปซือยิ้มหยัน
กู่ฉิงซานยกมือขึ้นเกาหัว ทันใดนั้นในจิตใจของเขาก็บังเกิดอุบายขึ้นโดยพลัน
เขายกมือขึ้นและเริ่มเอ่ยสาบาน “สวรรค์และโลกเป็นพยาน ร่างกายของข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงๆ และอาการนี้ส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของข้าอย่างยิ่งยวด หากที่เปล่งวาจามานี้มีโป้ปดแม่แต่น้อย ขอสวรรค์และโลกโปรดฟาดผ่าทัณฑ์สายฟ้าลงมาทันที สังหารให้ข้าสิ้นใจด้วยเถิด”
บังเกิดสายลมที่มองไม่เห็นว่ายวนรอบตัวเขา
สวรรค์และโลกได้รับรู้แล้ว
-นี่คือคำปฏิญาณสาบาน
มันคือปฏิญาณสาบานของกษัตริย์ชูร่า ที่เปล่งออกมาต่อหน้าบรรดาอาชูร่าทั้งหมด แถมยังอยู่ในสภาพแวดล้อมของอาณาจักรสวรรค์!
ตราบใดที่ในคำกล่าวของเขามีโป้ปดเล็กน้อย กษัตริย์ชูร่าจะต้องพบพานกับโชคชะตาอันเลวร้ายทันที!
ฝูงชนเงียบ
ทั้งหมดเฝ้ารออยู่สักพักแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สายฟ้าสวรรค์มิได้ฟาดผ่าลงมา
กู่ฉิงซานผายสองมือของเขาออก กล่าวไปทางคนทั้งหลาย “พวกเจ้าเห็นหรือไม่ วาจากษัตริย์มิได้มดเท็จ”
อาชูร่าทั้งหมดต่างพยักหน้ารับกันอย่างเงียบๆ
การท้าสู้ชิงราชบัลลังก์ของอาชูร่าน่ะเป็นอะไรที่จริงจังและศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง
กษัตริย์ของพวกเขาเห็นได้ชัดว่าตกอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส และการท้าทายชิงบัลลังก์ในสถานการณ์เช่นนี้ จะไม่อาจพิสูจน์ได้ว่ากษัตริย์องค์ใหม่มีความเข้มแข็งและหาญกล้าจริงๆ
–การท้ายทายเช่นนี้จะไม่ได้รับการยอมรับจากเผ่าอาชูร่าทั้งหมด!
ใบหน้าของราชันย์ทั้งสี่แปรเปลี่ยนไป
อีกฝ่ายมิยินยอมรับการท้าทายในทันที นี่นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์
“แต่เจ้าพ่ายแพ้ราชาภูติ! ดังนั้นข้าจะไม่ยอมรับว่าเจ้าคือกษัตริย์ของเราอีกแล้ว!”ราชาเผ่าปิโม่ซือยังไม่ยินยอมง่ายๆ
“ใช่!”
“เจ้าน่ะเป็นกษัตริย์มิได้อีกต่อไปแล้ว”
“จงสละราชบัลลังก์ด้วยตนเองเสีย”
ราชาเผ่าอีกสามคนตะโกนขึ้นพร้อมกัน
กู่ฉิงซานยิ้ม
เขาหยิบคทาแห่งกษัตริย์ชูร่าขึ้นมาในมือแล้วกล่าวว่า “ข้าจะมอบสิ่งนี้ให้แก่พวกเจ้าก็ได้ แต่รู้หรือไม่ ว่ากษัตริย์ชูร่าน่ะมีได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น … ”
สี่ราชาเผ่าชูร่าหันมามองหน้ากันด้วยความลังเล
กู่ฉิงซานกล่าวต่อไป “มันจะดีกว่าไหม หากเราเลือกกษัตริย์องค์ใหม่ในตอนนี้ – หากเป็นเรื่องนี้ ตัวข้าเองก็เห็นด้วยเช่นกัน”
“มาเถอะ ในเมื่อพวกเจ้าทุกคนก็อยู่ที่นี่แล้ว จงสำแดงให้ทุกคนได้เห็นเถอะ ว่าผู้ใดกันที่แข็งแกร่งที่สุด!”
ทันทีที่กล่าวจบ เขาก็โยนคทากษัตริย์ชูร่าออกไป
คทาชูร่าถูกโยนตั้งตรงลงเบื้องหน้าทั้งสี่อย่างมั่นคง
มันคือคทาที่เป็นตัวแทนแสดงถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรชูร่า!
ราชาเผ่าปิโม่ซือ จ้องมองไปที่คทาและตะโกนออกมาว่า “ข้าต้องการที่จะเป็นกษัตริย์ พวกเจ้าทั้งสามจงถอนตัวออกไปซะ”
“เจ้าน่ะหรือ? ด้วยระดับกำลังรบเพียงเท่านั้นของเจ้าเนี่ยนะ? น่าขันนัก!” ราชาเผ่าลั่วเฉียนทั่วถากถาง
“มีข้าอยู่ที่นี่ทั้งคนแล้ว พวกเจ้ายังจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อชิงราชบัลลังก์กันอยู่อีกหรือ?” ราชาเผ่าโปซือกล่าวรำไร
ราชาเผ่าปิโม่ซือตะโกนด้วยความโกรธ “งั้นก็ดี ในเมื่อตัวแทนจากแต่ละชนเผ่าก็อยู่ที่นี่ เช่นนั้นข้าจะแสดงให้ทุกคนได้ให้เห็นเองว่าระหว่างเราทั้งสี่ใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน!”
ราชาเผ่าลั่วซุ่ยจู่ๆก็เอ่ยขัดขึ้นมา “หยุดนะ! พวกเจ้าอย่าตกหลุมพรางของเขาสิ”
เขาเอ่ยต่อ “กษัตริย์ชูร่ากำลังต้องการให้พวกเราฆ่ากันเองนะ!”
ราชาเผ่าทั้งสี่หันศีรษะขวับ! ไปทางกษัตริย์ชูร่า
กู่ฉิงซานหัวเราะออกมา
“คทาก็อยู่ตรงหน้าแล้ว แต่พวกเจ้ากลับไม่มีความกล้าที่จะรับมัน เช่นนั้นยังจะมีหน้ามาอยากได้ตำแหน่งกษัตริย์อาชูร่าอยู่อีกหรือ?”
เขาผุดลุกขึ้น และกล่าวกับฝูงชนทั้งหมดว่า “จดจำได้หรือไม่ ในอดีตที่ผ่านมายามข้าได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ ข้าได้มีชัยเหนือผู้ท้าท้ายกว่า 79 คน!”
เกิดความสับสนวุ่นวายขึ้นในหมูอาชูร่า
นี่เป็นเรื่องจริง และแม้จะผ่านมานานปี แต่เหล่าอาชูร่าก็ยังจดจำวันนั้นได้เสมอมา
ครานั้น มันเป็นการต่อสู้เพื่อราชบัลลังก์ที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่ง
“ใครก็ได้ ไหนลองบอกข้ามาซิ ว่าอาชูร่าเคยมีกษัตริย์องค์ใดที่มิกล้าต่อสู้บ้างหรือไม่!?” กู่ฉิงซานยังคงตะโกนต่อ
“ไม่มี!”
“ไม่เลยสักครั้ง!”
“ไม่กล้าที่จะต่อสู้ แล้วจะเป็นกษัตริย์ได้อย่างไร!”
เหล่าอาชูร่าตนแล้วตนเล่าเริ่มโห่ร้องตะโกน
“เป็นเวลาหลายพันปีมาแล้ว ที่จำต้องมีต่อสู้ด้วยเลือดและเนื้ออันเข้มข้นเพื่อราชบัลลังก์ เรื่องนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่?” กู่ฉิงซานเค้นเสียง
“ไม่!”
เหล่าอาชูร่าทั้งหมดระเบิดเสียงตะโกนออกมา
พอปลุกใจจนจบ กู่ฉิงซานก็นั่งลงบนช้างยักษ์อีกครั้ง
เขาจ้องมองไปยังราชาเผ่าลั่วซุ่ยที่อยู่เบื้องล่างและกล่าว่วา “หากมิกล้าสู้ ก็จงถอนตัวการจากการท้าทายชิงราชบัลลังก์เสีย”
ราชาเผ่าลั่วซุ่ยมิได้เอ่ยสิ่งใด
ทุกอย่างที่อีกฝ่ายเปล่งวาจาออกมาล้วนเป็นจริงทั้งสิ้น
นี่ช่างเป็นอุบายพลิกกระดานที่เหนือความคาดหมายนัก!
ขณะเดียวกันพวกเขาทั้งสี่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะโจมตีอีกฝ่าย เพราะอีกฝ่ายได้ยินยอมสละราชบัลลังก์แล้ว
และในเวลานี้ ดันเป็นพวกเขาเองที่มิกล้าต่อสู้เพื่อชิงราชบัลลังก์ เช่นนั้นต่อให้คว้าคทามาได้ สุดท้ายพวกเขาก็จะถูกชูร่าทุกตนปฏิเสธอยู่ดี
เมื่อราชาเผ่าลั่วซุ่ยคิดมาถึงจุดนี้ จิตใจของเขาก็ถูกแผดเผาไปด้วยความโกรธ
เพราะท้ายที่สุดนี้ ไม่ว่าอย่างไรตัวเขาก็คืออาชูร่า!
“เอาล่ะ ในฐานะที่ข้าแข็งแกร่งที่สุด ข้าจะขอรับเอาราชบัลลังก์มาก่อนก็แล้วกัน จากนั้นจึงค่อยมาจัดการกับเจ้าอีกที”
ราชาเผ่าลั่วซุ่ยกล่าวด้วยสีหน้าอึมครึม
แต่ทางฝั่งกู่ฉิงซานกลับยิ้ม เขาแบมือออกเพื่อส่งสัญญาณให้แก่ราชาเผ่าลั่วซุ่ย
ราชาเผ่าลั่วซุ่ยหันหลังกลับไปตามมือที่แบมา
แล้วก็พบว่าราชาเผ่าอีกสามคนกำลังจ้องมองเขาด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยเจตนาสู้!
บนช้างยักษ์ เสียงของกู่ฉิงซานได้ลอยตามลงมาในอากาศ
“จงเริ่มการต่อสู้ระหว่างพวกเจ้าซะ!”