บทที่ 98

“ถูกต้อง” ถังหยินไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้แสดงประหลาดใจถึงขนาดนั้น ดังนั้นจึงมองกลับไปด้วยสายตาแปลก ๆ

“นามของข้าคือ เฉิงจิน ข้าได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของท่านมานานแล้ว” ระหว่างที่พูด เขาได้ก็มองสหายที่อยู่ข้าง ๆ “พวกข้าทั้ง 4 นั้นมาที่แห่งนี้ก็เพื่อรับใช้ท่าน !”

ถังหยินประหลาดใจที่พวกเขามาด้วยจุดมุ่งหมายเช่นนี้

เมื่อเห็นท่าที่สงสัยของชายหนุ่ม เฉินจินจึงรีบอธิบายต่อว่า “พวกเราไม่ได้คิดจะมาก่อปัญหาแต่อย่างใด ที่มาก็เพื่อจะได้ติดตามรับใช้ท่าน ส่วนที่พวกเราก่อเรื่องขึ้นนั้น มันก็เพื่อดึงดูดความสนใจจากท่านก็เท่านั้นเอง ทว่าใครจะคิดกันเล่า ว่าท่านจะบังเอิญมาเห็นเข้าพอดี”

ถังหยินหัวเราะออกมา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงได้เลือกที่จะใช้พลังในการจัดการพวกทหารเหล่านี้ให้หนีกระเจิงไป หากทว่าเขาก็ยังคงสงสัยอยู่อีกหนึ่งเรื่อง นั่นก็คือตัวเขานั้นพึ่งจะมาอยู่ที่ปิงหยวนได้ไม่นานนัก ยังไม่ทันได้สร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่อะไร ดังนั้นแล้วทำไมคนพวกนี้ถึงได้อยากรับใช้เขากันนะ ?

เขาส่ายหัว “ข้าไม่เข้าใจพวกเจ้าเลย”

“เพราะท่านคือผู้ใช้ศาสตร์มืด !”

เมื่อได้ยินเหตุผลของอีกฝ่าย มันก็ทำให้ชายหนุ่มพูดไม่ออกอยู่นาน ก่อนที่เขาจะถามออกไปด้วยท่าทีลังเลว่า “แค่นั้นเองหรือ ?”

“ใช่แล้ว เพียงแค่เท่านี้จริง ๆ” เฉินจินพยักหน้า

ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเจียมตัว ก่อนที่จะพากันปลดเกราะปราณออกและลดหมวกไผ่ลง เพื่อเผยให้เห็นถึงใบหน้าที่แท้จริง

ภายในจักรวรรดิเฮาเทียนนั้น พวกผู้ใช้ศาสตร์มืดยังคงไม่ได้รับการยอมรับ ถึงแม้จะมีการออกกฎเกณฑ์ทหารแบบใหม่ ที่ทำให้พวกเขาสามารถเข้ารับใช้จักรวรรดิได้ หากทว่านั่นก็เป็นแค่ฉากหน้าเท่านั้น เพราะเมื่อพวกเขาเข้าทำงานในกองทัพหรือในงานราชการแล้ว ก็มักจะถูกข่มเหงกดขี่อยู่เสมอ

สำหรับคนทั่วไปแล้ว พวกเขานั้นมองว่าผู้ใช้ศาสตร์มืดเป็นดั่งหัวขโมยสกปรก ต่อให้ทำงานที่สุจริต หากแต่คนส่วนใหญ่ก็ยังคงดูถูกดูแคลน และรังเกียจพวกเขาอยู่ดี

ถังหยินอาจจะนับได้ว่าเป็นคนที่โชคดียิ่งนัก ที่มีตระกูลอู่ชุบเลี้ยงมา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังถูกส่งมาที่นี่เพราะความเป็นผู้ใช้ศาสตร์มืดอยู่ดี ถ้าไม่งั้นแล้วป่านนี้ชายหนุ่มคงได้อยู่ในแวดวงขุนนางระดับสูงไปนานแล้ว

อย่างไรก็ตาม การมาในที่แห่งนี้มันก็มีข้อดีเช่นกัน นั่นคือการไม่มีข้อผูกมัด ที่แห่งนี้นั้นทำให้ถังหยินเป็นอิสระอย่างแท้จริง เขาสามารถทำอะไรก็ได้โดยที่ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องอื่น ๆ

และเพราะความที่ชายหนุ่มนั้นเป็นผู้ใช้ศาสตร์มืด กับการที่เขาได้กลายเป็นผู้ว่าเขตปิงหยวนนี่เอง จึงทำให้ข่าวลือบางอย่างแพร่ไปทั่วในหมู่คนที่ใช้ศาสตร์มืด ก่อนที่พวกเขาเหล่านั้นจะพากันหลั่งไหลเข้ามาในเขตนี้ ด้วยความเชื่อมั่นที่ว่าถ้าได้ทำงานรับใช้ถังหยินละก็ พวกเขานั้นจะได้รับการปฏิบัติตนอย่างเป็นธรรมแน่นอน

เฉินจินพูดถึงต้นสายปลายเหตุทั้งหมดออกมา ก่อนที่จะหันมองถังหยิน และกล่าวว่า “พวกเราน้อมรับคำสั่งทุกอย่างจากท่าน ขอแค่ท่านยอมรับพวกเรา !”

ถ้าไม่ใช่เป็นต่อหน้าคนอื่น ถังหยินคงหัวเราะไปแล้ว เพราะต่อให้ไม่ใช่ผู้ใช้ศาสตร์มืด ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน จะมีสังกัดกลุ่มพรรคหรือไม่ ขอแค่มีฝีมือ เขาก็ยินดีรับหมดนั่นแหละ !

ชายหนุ่มมองทั้งสี่และเห็นว่ามีผู้หญิงอยู่ในนั้นด้วย นางดูนิ่งเฉย และเต็มเปี่ยมไปด้วยความห้าวหาญ ดวงตาอันคมกริบของนางอัดแน่นไปด้วยความแข็งกร้าวอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

“ข้าคือ เจียสี”

“ข้าคือเจียงโม”

“ข้าคือโอชิง”

ถังหยินจดจำชื่อของพวกเขาไว้และตบบ่าของเฉินจิน “จากนี้ไปพวกเจ้าคือคนของข้าแล้ว”

ได้ยินแบบนี้ทั้งสี่ก็พากันดีใจ พวกเขามองหน้ากัน ก่อนจะคุกเข่าลง “ขอบคุณมากนายท่าน พวกเราจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”

เมื่อถังหยินมองพวกเขา ดวงตาของชายหนุ่มก็พลันเปล่งประกายแห่งความสุขออกมา ทั้ง 4 คนนี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ดังนั้นพวกเขาย่อมมีประโยชน์ให้ใช้สอยอย่างแน่นอนในอนาคต

ภายภาคหน้าจะมีผู้ใช้ศาสตร์มืดมากมายเข้ามาหาอีกมาก ทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นแหล่งรวมตัวของผู้ใช้ศาสตร์มืด หากแต่นั่นมันก็แลกมากับบางสิ่งบางอย่างเช่นกัน เพราะยิ่งมากคนก็มากความ

ในอนาคต มันอาจมีโอกาสที่จะมีการปะทะกันระหว่างฝ่ายขึ้นได้ แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องในตอนนี้ ดังนั้นจึงยังไม่ต้องไปคิดถึง

ในขณะที่พวกเขากำลังอยู่ข้างใน ก็ได้มีเสียงตะโกนดังมาจากด้านนอก ดึงดูดให้ผู้คนมากมายมามุงตัวกันเต็มท้องถนน ก่อนที่ไฟจะถูกจุดติดขึ้นเพื่อทำให้ดูเหมือนว่าทุกคนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรู

“นั่นเขาอยู่นั่น เขาเป็นสายลับจากพวกมอร์ฟีส !” ทหารที่อยู่รอบ ๆ ค่อย ๆ เข้ามารวมตัวกันปิดล้อม และเมื่อหนึ่งในนั้นเห็นเฉินจิน คนคนนั้นก็พลันชี้นิ้วไปยังกลุ่มคนที่ว่า ซึ่งมันก็รวมไปถึงหยินด้วย….

นายทหารบนหลังม้าคนหนึ่งขยี้ตาและมองใหม่อีกครั้ง

สายตาของเขามองไปที่ถังหยิน ก่อนจะขยี้ตา และมองใหม่ซ้ำอีกรอบ หลังแน่ใจแล้ว เขาคนนั้นก็พลันรีบลงจากหลังม้า และวิ่งเข้ามารายงาน “น่ะ น่ะ น่ะ นายท่านอยู่ที่นี่ด้วยหรือขอรับ?”

ถังหยินเอียงคอและถาม “เจ้าพาทหารมาที่นี่เยอะแยะทำไมกัน ?”

“ข้าได้ยินมาว่ามีสายลับอยู่ที่นี่ ก็เลยพาคนมาจัดการมัน”

“เจ้าจะบอกว่าข้าคือสายลับงั้นหรือ ?”

“ม่ะ ไม่ขอรับ ข้าน้อยมิกล้า”

“ยืนขึ้น ที่นี่ไม่มีสายลับหรอก พาคนของเจ้ากลับไปซะ”

“ขอรับ รับทราบ พวกเราถอยทัพ !” ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นและตะโกนกลับไป

“ช้าก่อน” แต่แล้วไม่ทันไรเขาก็ถูกเรียกตัวกลับมา

“มีอะไรหรือขอรับ ?” นายทหารผู้นั้นเอ่ยถามด้วยความนอบน้อม

ถังหยินมองคน 6 คนที่อยู่ด้านหลังของพลทหารนายนี้ “ทั้ง 6 คนนั่นเป็นลูกน้องของเจ้าหรือ ?”

“ถูกต้องขอรับ”

“งั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่า พวกเขานั้นได้ละทิ้งหน้าที่เพื่อมาดื่มเหล้าในที่แห่งนี้ ?”

“ข้าน้อยไม่รู้ขอรับ”

“การกระทำเช่นนี้ถือว่าผิดกฎทหาร”

ร่างของเขาสั่นและมองไปยังทหารทั้ง 6 นาย “แล้วท่านจะทำอย่างไรหรือขอรับ ?”

“อืมมม เอาเป็นว่าให้โดยโบย 50 ครั้ง !”

ถังหยินมองพวกเขา ก่อนจะชี้ไปยังนายทหารตรงหน้า “โบยเขา 50 ครั้ง !”

นายทหารที่โดนชี้ทำอะไรไม่ถูก ทั้ง ๆ ที่คนที่ทำผิดคือทั้ง 6 คนนั่นแท้ ๆ แต่แล้วทำไมเขาถึงต้องโดนลงโทษด้วย ?

ถังหยินอธิบาย “เหตุที่พวกเขากล้าทำแบบนี้ มันก็เพราะว่าเจ้านั้นดูแลลูกน้องไม่ดี ปล่อยให้พวกเขาทำตามใจ ดังนั้นข้าจึงลงโทษเจ้าด้วยการโบย 50 ครั้งเพื่อเป็นการตักเตือน แต่ถ้ามีครั้งหน้า ข้าจะไม่ลดเว้นให้เจ้าอีก !”

เมื่อลูกน้องทำผิด ผู้บังคับบัญชาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ !

เมื่อเห็นว่าทุกคนตัวสั่น ถังหยินก็มองพวกเขา “อยากจะให้ข้าทำเองหรือว่าเจ้าจะทำด้วยตัวเองกันล่ะ ?”

นายทหารรีบตอบกลับ “ข้าน้อยขอรับโทษนี้ด้วยตัวเองขอรับ” เขาพูดและเรียกให้ทหารคนอื่นมาจัดการให้

การที่ถังหยินอยู่ตรงนี้ มีหรือที่พวกเขาจะกล้าเบามือ ? เสียงไม้ปะทะเข้ากับเนื้อดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเห็นว่าการลงทัณฑ์จบสิ้นแล้ว ถังหยินก็เดินเข้ามาใกล้และพูดด้วยท่าทีจริงจัง “ไม่ต้องห่วงเรื่องร่างกายหรอก ข้าจะเรียกให้เสนารักษ์มาทำการรักษาเจ้าเอง”

“ข้าน้อย น้อมรับบัญชา” นายทหารกัดฟันพูด

ถังหยินทำให้พวกเขาทั้ง 4 ตะลึง ส่วนพี่น้องฉางกวงนั้นกลับนิ่งเฉย ทั้งนี้ก็เป็นเพราะทั้ง 2 พี่น้องนั้นเข้าใจหลักการอันไร้แก่นสารของถังหยินแล้ว

เมื่อกลับไปยังจวนที่พักของตัวเอง ถังหยินก็ได้เรียกลูกน้องใต้บัญชาของเขาทุกคนให้มารวมตัวกัน

ก่อนที่ชายหนุ่มจะทำการแนะนำ เฉินจิน เจียสี เจียงโม และโอชิงให้กับทุกคนได้รู้จัก “ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ข้าจะพาคนไปยังเมืองหวาง ดังนั้นชิวเจิ้นจะเป็นคนรับหน้าที่ดูแลเมืองชายแดนแทนข้า !”

แม้ว่าชิวเจิ้นไม่อยากจะเห็นถังหยินออกไปเสี่ยงแบบนั้น แต่เขาก็ไม่อาจขัดใจได้

ทุกคนรู้แผนการดี แต่เฉินจินและอีก 3 คนต่างก็ไม่เข้าใจว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น

“ข้าได้ยินมาว่าพวกมอร์ฟีสจะเข้าโจมตีเมืองชายแดนเร็ว ๆ นี้ แล้วทำไมท่านถึงยังไปที่นั่นอีกกัน ? มีอะไรสำคัญงั้นหรือขอรับ ?”