ตอนที่ 223 เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ / ตอนที่ 224 หัวโจกของกลุ่มสามวีรบุรุษ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 223 เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

 

 

หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่อวี๋กานกานได้ช่วยชีวิตคนไว้ถูกโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ต มีสำนักข่าวหลากหลายแห่งเอาไปทำข่าว ไม่เพียงแค่อวี๋กานกานโด่งดังเป็นที่รู้จัก แพทย์แผนจีนและการฝังเข็มก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเช่นกัน

 

 

เมื่อเหล่าผู้บริหารสมาคมรับรู้เรื่องนี้ พวกเขาโทรศัพท์หาผู้อาวุโสหวง ชมผู้อาวุโสหวงว่ามีสายตาเฉียบแหลม เลือกคนได้เหมาะสมที่สุด อีกอย่างพวกเขายังอยากให้อวี๋กานกานเข้าร่วมรายการแพทย์ทางโทรทัศน์ ต้องการให้อวี๋กานกานเป็นผู้นำแพทย์แผนจีนยุคใหม่ เป็นผู้สืบทอดและส่งเสริมวัฒนธรรมชาติ รวมทั้งเป็นโฆษกแพทย์แผนจีนโบราณ

 

 

ปกติแล้วผู้อาวุโสหวงไม่เล่นอินเทอร์เน็ต เขาอุส่าใช้โทรศัพท์ของลูกสาว เข้าไปดูในเว่ยปั๋วถึงได้ทราบว่ามีข่าวนี้อยู่ ก่อนที่งานสัมมนาช่วงบ่ายจะเริ่ม ผู้อาวุโสหวงเข้าไปพูดกับอวี๋กานกานเรื่องรายการโทรทัศน์

 

 

อวี๋กานกานปฏิเสธพร้อมกับยิ้มขอบคุณ แค่เธอตอบตกลงถ่ายโฆษณาก็รู้สึกพลาดมากแล้ว ไปออกรายการโทรทัศน์ยิ่งไม่ต้องถามถึง

 

 

เธอจะใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีมาพัฒนาวงการแพทย์แผนจีนอย่างแน่นอน แต่เรื่องตำแหน่งผู้นำแพทย์แผนจีนยุคใหม่อะไรนั้นเธอคงไม่รับไว้

 

 

เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน ศาสตร์แพทย์แผนจีนทั้งกว้างขวาง ลึกล้ำ สลับซับซ้อน สำหรับเธอที่ยังฝึกฝนอยู่ควรจะอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้

 

 

ผู้อาวุโสหวงเองก็ไม่ตื๊อต่อ ทำเพียงลูบเครา กล่าว “น่าเสียดาย” แต่ในใจของเขากลับรู้สึกปลิ้มปิติเป็นอย่างยิ่ง การจะเป็นแพทย์แผนจีนที่ยอดเยี่ยมได้นั้น อาศัยเพียงแค่ความมุ่งมานะตั้งใจศึกษาน่ะไม่เพียงพอหรอก การจะได้มาซึ่งวิชาแพทย์ที่ล้ำเลิศจำเป็นต้องทลายขีดจำกัดขึ้นไปอีกขั้น และเชาวน์ปัญญาก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ซึ่งคนประเภทนี้มีน้อยมาก

 

 

ทว่าคนที่ทั้งสนใจในแพทย์แผนจีน ตั้งใจศึกษาอย่างหนัก และมีเชาว์ปัญญาที่ดีเลิศนั้นหาได้ยากยิ่งกว่า กว่าจะได้เจอคนประเภทนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แถมอวี๋กานกานยังมีความหนักแน่นมั่นคง ย่อมทำให้ผู้อาวุโสหวงรู้สึกอดดีใจไม่ได้

 

 

แพทย์แผนจีนและยาจีนเป็นศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ กว้างขวางและลึกล้ำ จำเป็นต้องศึกษาและวิจัยอย่างจริงจัง จึงจะเป็นแพทย์แผนจีนที่ดีได้

 

 

แพทย์หนุ่มสาวรุ่นหลังมีหน้าอันยิ่งใหญ่ที่มาพร้อมกับระยะทางอันยาวไกลที่ต้องรับผิดชอบ

 

 

 

 

งานสัมมนาวันนี้ อวี๋กานกานนั่งกับหวังไอ้เจิน ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นซย่าเฉิงโจวก็เดินมานั่งลงข้างหวังไอ้เจิน ทั้งยังส่งยิ้มน้อยๆ มาให้อวี๋กานกานโดยผ่านหวังไอ้เจินที่คั่นอยู่ตรงกลาง

 

 

อวี๋กานกานค่อนข้างแปลกใจและงงงวย ยิ้มแล้วพยักหน้าทักทายกลับ

 

 

ซูจิ่วซานเดินเข้ามายังห้องประชุม สายตาควานหาซย่าเฉิงโจวอย่างอัตโนมัติ เมื่อเห็นว่าซย่าเฉิงโจวนั่งอยู่กลับหวังไอ้เจินและอวี๋กานกาน เธอช็อกถึงขีดสุด

 

 

เซียวเสียวอิงที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดด้วยน้ำเสียงอึ้งทึ่งขึ้น “รุ่นพี่ซย่าแค่ไปถ่ายโฆษณาแผ่นผับแปปเดียวก็สนิทกับอวี๋กานกานถึงขนาดนี้แล้ว…”

 

 

ซูจิ่วซานไม่ได้พูดอะไร ทว่าสีหน้าอมทุกข์ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตลอดทั้งงานสัมมนา ใครบรรยายอะไร แลกเปลี่ยนเรื่องอะไร ไม่มีแม้แต่ประโยคเดียวที่เข้าหัวเธอ

 

 

วันต่อมายังคงเป็นเช่นเดิม ซย่าเฉิงโจวนั่งอยู่กับอวี๋กานกานและหวังไอ้เจิน

 

 

หลังงานสัมมนาจบ ซูจิ่วซานเห็นว่าหวังไอ้เจินและอวี๋กานกานเดินออกไปก่อนแล้ว จึงรีบตะโกนเรียกซย่าเฉิงโจว “รุ่นพี่ซย่า พอดีว่าฉันมีเคสหนึ่งที่อยากจะปรึกษาพี่หน่อยน่ะค่ะ เอ่อ ตอนนี้พี่สะดวกไหมคะ”

 

 

ซย่าเฉิงโจวชำเลืองมองซูจิ่วซานด้วยสายตาเฉยชา ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ไม่ว่าง มีนัดกับเพื่อน”

 

 

คำปฏิเสธของเขา ถึงกับทำให้ซูจิ่วซานกำเอกสารที่อยู่ในมือแน่นจนเส้นเอ็นขึ้นปูดโปน เธอแทบอยากจะฉีกเอกสารให้กระจุยเป็นผุยผง

 

 

ไม่มีเวลา มีนัดกับเพื่อนอะไรกัน แค่ได้ยินก็รู้แล้วว่าโกหก ซย่าเฉิงโจวกำลังหลบหน้าเธอ

 

 

ตอนถ่ายโฆษณา ยัยอวี๋กานกานใช้กลอุบายอะไรกันแน่ ทำไมปฏิกิริยาที่ซย่าเฉิงโจวมีต่ออวี๋กานกานถึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้ หรือว่าจะเป็นเพราะคลิบวิดีโอที่อวี๋กานกานช่วยชีวิตคนคลิบนั้น

 

 

ทำไมรุ่นพี่ซย่าก็หลงกลเหมือนคนอื่น คลิบวิดีโอนั้นดูอย่างไรก็ปลอมเหตุการณ์ขึ้นมา มีการจัดเตรียมกันมาล่วงหน้า จงใจสร้างภาพ ทำไมคนในโลกอินเทอร์เน็ตถึงไม่มีใครเอะใจว่าอวี๋กานกานกำลังสร้างกระแส สร้างสถานการณ์ตบตา!

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 224 หัวโจกของกลุ่มสามวีรบุรุษ

 

 

ยัยอวี๋กานกานนั่นมีความสามารถอะไรที่ไหนกัน นังนั่นมันไร้ความสามารถตั้งแต่แรกแล้ว ก็แค่อาศัยอำนาจเงิน สร้างกระแส ขายภาพลักษณ์ ใช้เส้นสาย

 

 

การถ่ายแผ่นผับโฆษณาเมื่อวาน ต้องโทษตัวเองเธอที่ไม่สามารถแย่งชิงมาได้ เดิมทีนึกว่าเป็นเพียงแค่โฆษณาเล็กๆ จึงไม่อยู่ในสายตา ผลปรากฏว่าชะล่าใจแค่เดี๋ยวเดียว รุ่นพี่ซย่ากลับถูกนังอวี๋กานกานใช้มารยายั่วยวนจนสำเร็จ

 

 

แค้น แค้นเหลือเกิน!

 

 

ซูจิ่วซานโกรธจนลูกตาแทบตะถลนออกจากเบ้า ขบฟันกรอด ถึงขนาดที่ว่ามีความคิดอยากจะฆ่าอวี๋กานกานทิ้งผุดขึ้นมา ทันใดนั้นเธอได้ยินเสียงคนดังมาจากทางด้านหลัง เป็นเสียงของผู้จัดการสมาคมแพทย์ เขากำลังรั้งผู้อาวุโสหวง เอ่ยเสียงเบา “ผู้อาวุโสหวง คุณไปที่ตระกูลเยี่ยกับผมอีกสักครั้งเถอะนะครับ”

 

 

เมื่อได้ยินคำว่าตระกูลเยี่ย ภายในใจของผู้อาวุโสหวงรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรนัก ทว่าไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมาทางสีหน้า เขาลูบเคราแล้วกล่าว “ผู้จัดการหลี่ว์ การผ่าตัดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาไส้ติ่งอักเสบ”

 

 

“ผมเองก็ทราบดีว่าไส้ติ่งอักเสบแค่ผ่าตัดก็หายดีแล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่แม่เฒ่าของตระกูลเยี่ยดันแพ้ยาชา ไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ จึงจำเป็นต้องรักษาแบบแพทย์แผนจีนเท่านั้น”

 

 

“ความรู้ความสามารถของฉันตื้นเขิน ผู้จัดการหลี่ว์ไปเชิญคนอื่นเถอะ”

 

 

ไม่ใช่ว่าผู้อาวุโสหวงไม่เคยไปดูอาการของแม่เฒ่าตระกูลเยี่ย ความจริงคือหลานชายตระกูลเยี่ยเยี่ยซีมีนิสัยที่ร้ายกาจมาก เหมือนกับปีศาจน้อยไม่มีผิด ไม่เพียงแค่หาเรื่องลำบากใจต่างๆ นานามาให้ ทั้งยังมีเงื่อนไขว่าต้องเห็นผลทันที หากไม่สามารถตั้งเสาเห็นเงา[1]ได้ ก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นหมอกำมะลอ ด่ากราดไม่เลือกหน้า

 

 

อาการไส้ติ่งอักเสบของแม่เฒ่าตระกูลเยี่ยย่ำแย่มาก จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด แต่ดันแพ้ยาชา จำเป็นต้องรักษาด้วยแพทย์แผนจีนเท่านั้น การรักษาแบบแพทย์แผนจีนต้องการเวลา จะเหมือนกับหญ้าวิเศษที่กินปุบหายปับได้อย่างไร

 

 

ผู้อาวุโสหวงอยู่จนมาถึงอายุปูนนี้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอเด็กที่ดื้อรั้นหัวแข็งขนาดนี้

 

 

ผู้จัดการหลี่ว์กลั้วหัวเราะ “ผู้อาวุโสหวง คุณเป็นถึงหมอเทวดาเลื่องชื่อ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแพทยศาสตร์ ไม่ว่าผมจะรู้จักหมอเก่งๆ อีกสักกี่คน ผมก็ยังเชื่อมั่นในตัวผู้อาวุโสที่สุด”

 

 

ผู้จัดการหลี่ว์กล่าวสรรเสริญเยินยออย่างน้ำไหลไฟดับ

 

 

ผู้อาวุโสหวงฟังแล้วก็ยิ่งโมโหตึงตัง กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เรื่องเมื่อวันนั้นคุณก็เห็นแล้วนี่ ผมโดนเด็กปีศาจตระกูลเยี่ยไล่ตะเพิดออกมา อีกอย่างวันนี้ผมยุ่งมาก มีคนไข้ที่ต้องรีบไปตรวจอีกหลายคน คุณไปเชิญคนอื่นที่เก่งกว่าผมเถอะ ขอตัว”

 

 

“ผู้อาวุโสหวง”

 

 

ผู้จัดการหลี่ว์ยังคงเดินตามตื๊อผู้อาวุโสหวง…

 

 

เยี่ยซี? ซูจิ่วซานอ่านทวนชื่อนี้ในใจ ในปักกิ่งเธอก็พอมีหน้ามีตา มีคนรู้จักอยู่ไม่น้อย เคยรักษาให้เหล่าบรรดาเศรษฐี ย่อมรู้จักว่าเยี่ยซีคือใคร ปักกิ่งมีสี่จุฑาเทพสามวีรบุรุษ พวกเขาล้วนมาจากครอบครัวที่มีอำนาจ หากกล่าวว่าสี่จุฑาเทพคือบุคคลอัจฉริยะ งั้นสามวีรบุรุษก็เทียบได้กับลูกหลานผู้ลากมากดีขนานแท้ สี่จุฑาเทพเป็นชื่อเรียกที่คนอื่นตั้งขึ้น แต่สามวีรษุรุษเป็นชื่อที่พวกเขาสามคนตั้งขึ้นมาเอง ว่ากันว่าตั้งขึ้นเพื่อแข่งกับสี่จุฑาเทพ และเยี่ยซีคนนี้ก็คือหัวโจกของกลุ่ม

 

 

ถึงแม้เยี่ยซีจะหน้าตาดี แต่กลับมีชื่อเสียงเหม็นโฉ จีบผู้หญิงไปทั่ว ได้ชื่อว่าเป็นคุณชายเจ้าสำราญ กินไม่เลือกได้ทั้งชายและหญิง หากเขาหมายตาผู้หญิงคนไหนไว้ ไม่ว่าเธอจะแต่งงานแล้วหรือยัง มีแฟนแล้วหรือไม่ เขาจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อเข้าใกล้ผู้หญิงคนนั้น เคยได้ยินมาว่าตอนที่เขาป่วยจนต้องนอนโรงพยาบาล ได้ลวนลามพยาบาลสาวสวยคนหนึ่งกลางห้องพัก ทั้งยังเกือบข่มขืนพยาบาลคนนั้นคาเตียงผู้ป่วย

 

 

ถึงแม้จะเจ้าชู้และร้ายกาจ แต่ก็ยังมีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเข้ามารุมล้อม ช่วยไม่ได้น่ะนะ ใครให้เจ้านั้นเกิดมาทั้งหล่อทั้งรวยล่ะ ต่อให้โดนขืนใจ ว่ากันว่าแค่โยนเช็คธนาคารใบเดียวก็จบเรื่องทั้งหมดได้

 

 

สรุปแล้วก็คือเป็นบุคคลที่ทั้งแสนอันตรายและน่ากลัว ใครหาเรื่องเท่ากับวอนหาที่ตาย

 

 

ทันใดนั้นเองมีความคิดหนึ่งแล่นผ่านเข้ามาในหัวสมองของซูจิ่วซาน ถ้าให้อวี๋กานกานไปตระกูลเยี่ยจะเป็นอย่างไรนะ

 

 

 

 

——

 

 

[1] ตั้งเสาเห็นเงา หมายถึง เห็นผลทันที