ตอนที่ 225 แผนสกปรก ทุ่มลูกไม้ที่มีทั้งหมดลงไป / ตอนที่ 226 นัดบอดไปทั่วทุกหนทุกแห่ง

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 225 แผนสกปรก ทุ่มลูกไม้ที่มีทั้งหมดลงไป

 

 

ซูจิ่วซานที่มีแผนอยู่ในใจแล้วรีบเดินตามผู้จัดการหลี่ว์ไป เมื่อเห็นว่าผู้จัดการหลี่ว์มีสีหน้าที่ตึงเครียด จึงทำทีเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง “ผู้จัดการหลี่ว์เป็นอะไรไปคะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

 

 

ผู้จัดการหลี่ว์คลี่ยิ้ม “มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ คุณหมอซูพอมีเวลาว่างไหม ช่วยผมตรวจคนไข้คนหนึ่งได้หรือเปล่า”

 

 

ในเมื่อเชิญผู้อาวุโสหวงไม่สำเร็จ เขาก็จำใจต้องหาคนอื่น ในปักกิ่งหมอซูก็ถือว่าพอมีชื่อเสียงเรียงนามอยู่บ้าง แต่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะยินยอมไหม

 

 

ซูจิ่วซ่านคลี่ยิ้มบางๆ “ต้องโทษผู้จัดการหลี่ว์ด้วยนะคะ วันนี้พอดีฉันมีธุระ เดี๋ยวก็ต้องกลับโรงพยาบาลแล้วน่ะค่ะ…”

 

 

ผู้จัดการหลี่ว์หัวเราะแหะๆ สองที หนังยิ้มเนื้อไม่ยิ้ม คิดอยู่ในหัว ติดธุระอะไร คงได้ยินชื่อเสียงของเยี่ยซีมาบ้างแล้วก็เลยไม่ยอมไปน่ะสิไม่ว่า หลายวันนี้มานี้เขาเจอคำปฏิเสธแนวนี้มาเยอะแล้ว

 

 

ซูจิ่วซานมองหน้าผู้จัดการหลี่ว์แล้วกล่าว “แต่ว่า ฉันสามารถแนะนำคนคนหนึ่งให้ผู้จัดการหลี่ว์ได้นะคะ เธอคนนั้นต้องว่างไปช่วยแน่นอนค่ะ”

 

 

ผู้จัดการหลี่ว์ถามกลับทันที “ใคร”

 

 

“ก็ต้องเป็นหมออวี๋ของพวกเราอยู่แล้วน่ะสิคะ คลิบที่กำลังโด่งดังอยู่ในอินเทอร์เน็ตผู้จัดการหลี่ว์ยังไม่ได้ดูเหรอคะ คุณหมออวี๋ของพวกเราน่ะ วิชาแพทย์ล้ำเลิศ ไม่เป็นสองรองใครในงานสัมมนา” ซูจิ่วซานพูดยกยอปอปั้นอวี๋กานกานรัวเป็นชุด เนื่องจากกลัวว่าผู้จัดการหลี่ว์จะไม่เชื่อ

 

 

ผู้จัดการหลี่ว์เป็นพนักงานสายงานด้านบริหาร ไม่มีความรู้เรื่องแพทย์ เขาต้องการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลเยี่ย จึงพยายามออกหน้าแนะนำแพทย์ให้ แต่เขาก็คาดคิดไม่ถึงว่าจะต้องมาเจอกับปีศาจอย่างเยี่ยซี เขาเชิญแพทย์มาหลายต่อหลายคน แต่สุดท้ายก็โดนเยี่ยซีไล่ตะเพิดออกมาหมดทุกราย  แม้แต่แพทย์อาวุโสก็ยังจนปัญญา หมออวี๋จะมีวิธีหรือ

 

 

ซูจิ่วซานพูดเสริม “คุณหมออวี๋ทั้งสาวทั้งสวย ปกติเด็กผู้ชายมักจะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าเด็กผู้หญิงอยู่แล้ว ฉะนั้นย่อมคุยกันได้ง่ายขึ้น ไม่ยุ่งยากแล้วล่ะค่ะ”

 

 

ผู้จัดการหลี่ว์ขบคิด ก็ถูกอย่างที่ซูจิ่วซานกล่าวมา แต่ว่าเยี่ยซีคนนี้มีข่าวลือว่าเขาเป็นเสือผู้หญิง มักมากในกาม ถ้าหากคุณหมออวี๋ถูกคุกคามขึ้นมาจะทำอย่างไร แต่คุณหมอวี๋ก็ไม่ได้ไปคนเดียวนี่นา มีเขาเป็นคนนำอยู่ทั้งคน

 

 

เมื่อเห็นว่าผู้จัดการหลี่ว์เริ่มเทใจมาทางนี้แล้ว ซูจิ่วซานจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอหมุนตัวแล้วเดินออกมา หันหลังให้ผู้จัดการหลี่ว์ ฉีกยิ้มโหดเ**้ยม

 

 

ไม่ว่ายัยอวี๋กานกานจะมีความสามารถหรือไม่มี การที่ต้องไปเผชิญหน้ากับเยี่ยซี ย่อมไม่มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ว่ามันจะรักษาย่าเยี่ยได้หรือไม่ คนอสุจิขึ้นสมอง[1]อย่างเยี่ยซี ต้องถูกใจหน้าตายัยอวี๋กานกานแน่

 

 

รอยัยอวี๋กานกานกลายเป็นบุปผามีตำหนิ[2] ดูสิว่ามันจะยั่วยวนรุ่นพี่ซย่าอยู่อีกไหม

 

 

ผู้จัดการหลี่ว์คิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็ตัดสินใจไปหาอวี๋กานกานเพื่อเชิญไปตระกูลเยี่ย

 

 

อวี๋กานกานค่อนข้างประหลาดใจที่ผู้จัดการหลี่ว์จู่ๆ ก็มาตามเธออย่างกะทันหัน เธอหยุดฝีเท้าแล้วกล่าว “สวัสดีค่ะ ผู้จัดการหลี่ว์”

 

 

สายตาของอวี๋กานกานมองผู้จัดการหลี่ว์ด้วยความแปลกประหลาดใจ ราวกับกำลังถามว่าเขามีธุระอะไรหรือเปล่า

 

 

ผู้จัดการหลี่ว์กลั้วหัวเราะ กล่าว “คุณหมออวี๋ แผ่นผับโฆษณาที่คุณถ่ายกับหมอซย่าผมได้ดูรูปที่ยังไม่แต่งแล้วนะ นางแบบสวย รูปก็งาม”

 

 

“เสร็จเร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ” อวี๋กานกานนึกว่าคงต้องรออีกหลายวัน

 

 

ทีแรกเธอคิดว่าผู้จัดการหลี่ว์คงมาหาเธอเพื่อบอกเรื่องนี้ แต่หลังจากพูดจบแล้วเขาก็ยังไม่เดินไปไหน ทั้งยังชวนเธอคุยเรื่องอื่นต่อ “คุณหมออวี๋เป็นคนไป๋หยางสินะ มาปักกิ่งก็คงไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไร ปักกิ่งหนาวกว่าไป๋หยางเยอะ”

 

 

“ก็ยังพอไหวค่ะ เมื่อก่อนฉันตามอาจารย์มาศึกษาวิชาที่ปังกิ่งเป็นบางครั้งน่ะค่ะ ก็เลยพอทนหนาวได้อยู่ ขอบคุณผู้จัดการหลี่ว์ที่อุส่าเป็นห่วงนะคะ”

 

 

“ไม่ต้องพิธีรีตองขนาดนั้นหรอก ผมก็แค่ถามๆ ดูน่ะ” ผู้จัดการหลี่ว์หัวเราะชอบใจ เขารู้สึกว่าอวี๋กานกานคุยง่ายกว่าพวกแพทย์อาวุโสเยอะ

 

 

ถึงแม้คนมีความสามารถมักจะทะนงตน ทว่าความทะนงตนของอวี๋กานกานกลับให้ความรู้สึกที่ไม่อึดอัดกดดัน

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] อสุจิขึ้นสมอง หมายถึง บ้ากาม

 

 

[2] บุปผามีตำหนิ อุปมาถึง หญิงสาวที่ถูกผู้ชายย่ำยีศักดิ์ศรี  

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 226 นัดบอดไปทั่วทุกหนทุกแห่ง

 

 

หลังจากที่ไถ่ถามทุกข์สุขไปได้สองสามประโยค ผู้จัดการหลี่ว์ถูฝ่ามือไปมา กล่าวด้วยท่าทีที่ค่อนข้างเกรงใจ “คุณหมออวี๋ มีเรื่องเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะรบกวนคุณหน่อย ไม่ทราบว่าคุณพอจะช่วยได้ไหม”        

 

 

อวี๋กานกานคลี่ยิ้มให้ผู้จัดการหลี่ว์ ตอบ “ก็ไม่รู้เรื่องอะไรหรอกนะคะ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ฉันช่วยได้ฉันจะช่วยอย่างสุดความสามารถค่ะ”

 

 

ผู้จัดการหลี่ว์กล่าวต่อ “คุณหมอรู้จักตระกูลเยี่ยไหมครับ”

 

 

อวี๋กานกานกระพริบตาปริบๆ เธอไม่รู้จักตระกูลเยี่ย

 

 

“ผมรู้จักกับประธานเยี่ย เขารู้ว่าผมทำงานอยู่ในสมาคมแพทย์แผนจีน ก็เลยให้ผมช่วยเชิญแพทย์แผนจีนที่มีฝีมือมาช่วยรักษาภรรยาของเขา ผมเลยอยากถามว่าคุณหมออวี๋พอจะมีเวลาว่างไหม…”

 

 

อวี๋กานกานรู้สึกไม่ชอบมาพากล ในสมาคมมีแพทย์แผนจีนที่มีฝีมือตั้งมากมาย ทำไมถึงมาเชิญเธอ อวี๋กานกานตอบกลับเสียงเรียบ “ผู้จัดการหลี่ว์ มีแพทย์อาวุโสมากมายที่เข้าร่วมงานสัมมนา คุณควรไปเชิญพวกเขามากกว่านะคะ พวกเขามีประสบการณ์มากกว่าฉันเยอะ”

 

 

“ผมลองเชิญดูแล้ว แต่พวกเขาไม่มีใครว่างเลยน่ะสิ”

 

 

บางคนไม่ว่าง บางคนไปแล้วโดนไล่ออกมา บางคนรู้นิสัยของเยี่ยซีจึงไม่อยากไป เมื่อเห็นว่าอวี๋กานกานมีท่าทีที่ลังเล เหมือนกับจะปฏิเสธ ผู้จัดการหลี่ว์พูดด้วยสีหน้าทนทุกข์ “คุณหมออวี๋ ช่วยผมหน่อยเถอะนะ”

 

 

อวี๋กานกานครุ่นคิด ตอบ “ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะลองไปตรวจดู คุณก็รู้ว่าฉันอายุยังน้อย ฉะนั้นวิชาแพทย์อยู่ในเกณฑ์ธรรมดาเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรฉันจะทำให้สุดความสามารถที่มีค่ะ”

 

 

ผู้จัดการหลี่ว์พยักหน้า “ไม่เป็นไร แค่คุณยินดีไปก็พอแล้ว”

 

 

แค่ยินดีไปเขาก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว ถ้าคุณหมออวี๋โดนไล่ไปอีกคนก็พอกันที เขาจะล้มเลิกความหวังที่จะผูกมิตรกับตระกูลเยี่ยซะ

 

 

เด็กสาวยินดีที่จะช่วยเขา ผู้จัดการหลี่ว์รู้สึกว่าเขาควรจะอธิบายรายละเอียดต่างๆ ให้ชัดเจน “คุณหมออวี๋ ภรรยาตระกูลเยี่ยป่วยเป็นไส้ติ่งอักเสบ แต่ว่าเข้ารับการผ่าตัดไม่ได้เนื่องจากแพ้ยาชาและยาสลบ ทำได้แค่ประคับประครองอาการไปเท่านั้น แพทย์แผนจีนเองก็เคยไปตรวจและเขียนเทียบยาให้ แต่ผลการรักษาก็ไม่ได้ดีเท่าที่ควร ไม่ว่าหมอคนไหนก็บอกว่าต้องใช้เวลา แต่ว่าหลานชายของภรรยายตระกูลเยี่ยมีนิสัยที่ค่อนข้างมุทะลุ เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก ต้องตั้งเสาเห็นเงาเท่านั้น ก็เลย…”

 

 

อวี๋กานกานฟังแล้วพยักศีรษะ “การตรวจคนไข้จำเป็นต้องจับชีพจร ตอนนี้ฉันยังไม่รู้อาการโดยรวม ยังวินิจฉัยอะไรมากไม่ได้”

 

 

ผู้จัดการหลี่ว์คลี่ยิ้ม “งั้นเดี๋ยวผมไปเตรียมรถ”

 

 

อวี๋กานกานหยิบโทรศัพท์ออกมาเหลือบดูเวลา ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ตอนนี้เหรอคะ คือเดี๋ยวฉันต้องไปรับเพื่อนที่สนามบินน่ะค่ะ ขอไปรับเพื่อนก่อนแล้วค่อยตามไปได้ไหมคะ”

 

 

“ไม่มีปัญญา เดี๋ยวผมจัดหารถให้คุณหมอนั่งไปรับเพื่อน จะได้จองโรงแรมให้ด้วยเลย”

 

 

อวี๋กานกานรีบยกมือขึ้นปราม “ไม่เป็นไรค่ะ เพื่อนฉันมีที่พักอยู่ที่ปักกิ่งอยู่แล้ว”

 

 

เพื่อนที่อวี๋กานกานจะไปรับก็คือหลินจยาอวี่ จริงๆ หลินจยาอวี่ปฏิเสธไปแล้ว แต่อวี๋กานกานรู้สึกว่าหลินจยาอวี่ตั้งท้องอยู่ จัดการอะไรคนเดียวคงไม่สะดวกเท่าไรก็เลยตัดสินใจไปรับที่สนามบินดีกว่า

 

 

อวี๋กานกานมาถึงสนามบินตรงกับหลินจยาอวี่กำลังเดินออกมาพอดี ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่วัน เธอพบว่าหลินจยาอวี่อ้วนขึ้น เธอถามหลินจยาอวี่ว่าครั้งนี้มาทำอะไรที่ปักกิ่ง ความจริงในใจของอวี๋กานกานค่อนข้างหวาดกลัว กลัวว่าหลินจยาอวี่จะมาหาแฟนเก่าที่ชื่อหนานเซิงอะไรนั่น

 

 

ใบหน้าที่งดงามของหลินจยาอวี่ยังคงเป็นอัมพาต แสดงอารมณ์ไม่ค่อยได้ ทว่าสายตาที่มองมายังอวี๋กานกานกลับสดใสและอบอุ่น “ฉันมานัดบอดน่ะ”

 

 

อวี๋กานกานตกใจ “เธอว่าไงนะ นัดบอด?”

 

 

หญิงสาวหน้าตาสะสวย ท่วงท่าสง่างาม ชาติตระกูลดีเลิศอย่างหลินจยาอวี่เนี่ยนะ ทำไมถึงมานัดบอดได้ ในขณะเดียวกันอวี๋กานกานพลันนึกถึงลู่เสวี่ยเฉิน รายนั้นก็เหมือนกัน สวยชนิดที่ยากจะแยกว่าเป็นชายหรือหญิง แต่ผลสุดท้ายก็ยังต้องนัดบอด

 

 

ในเมื่อพวกเขาทั้งสองต้องการหาคู่ งั้นเธอก็จัดแจงนัดแนะให้พวกเขามาดูตัวกันและกันก็สิ้นเรื่องแล้วนี่