บทที่ 107 หัตถ์ยักษ์ซวีคง

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

“หน้าตาแบบนี้ ยังโปะแป้งเสียเหมือนก้นลิง ไม่รู้สึกขายหน้า” เห็นเยาเหริน[1]คนนั้น จินเฟยเหยาใช้ฝ่าเท้าตรองดูยังเดาออก คนผู้นี้คงเป็นชายบำเรอเสียแปดส่วน เทียบกับสยงเทียนคุนแล้วหน้าตายังกับอาจม

เยาเหรินเดินอย่างเชื่องช้า ไม่ค่อยยินยอมมารับเด็กหนุ่มหล่อเหลาที่นี่ ครุ่นคิดดูก็เข้าใจได้ นี่คือมารับชายบำเรอกที่จะแย่งชิงบุรุษและชามข้าวของตนเองกิน ไม่ว่าเพื่อตำแหน่งหรือเพื่อความรู้สึก ล้วนทำให้คนทนรับไม่ได้

ทว่าผู้อื่นไม่คิดเช่นนี้ ผู้บำเพ็ญเซียนคนนั้นติดตามอยู่ด้านหลังมาตลอด คิดจะกระตุ้นให้เขาเดินเร็วหน่อย หากช้าจะถูกท่านเซียนหยวนหยางกินหมดก่อน ทว่าถึงแม้ผู้อื่นจะเป็นเยาเหรินที่น่าสะอิดสะเอียน ทว่าก็มีพลังการบำเพ็ญเพียรขั้นหลอมรวม เขามีโทสะแต่ไม่กล้าเอ่ย เดินตามก้นไปในใจก่นด่าบรรพบุรุษของเยาเหรินหลายร้อยรอบ

สถานการณ์ทางด้านจินเฟยเหยานั้นยังดีหน่อย ต่อให้ท่านเซียนหยวนหยางจะกินคน ก็ต้องเลือกคนที่มีพลังการบำเพ็ญเพียรสูง พลังชีวิตแข็งแกร่ง คนที่มีลมหายใจออกแต่ไม่มีลมหายใจเข้าอย่างสยงเทียนคุน ย่อมต้องถูกจัดไว้ท้ายสุด กินคนที่สภาพจิตใจดีเหล่านั้นก่อน

เยาเหรินกำลังถ่วงเวลา ส่วนผู้บำเพ็ญเซียนทางด้านนี้ก็หายไปคราวเดียวสองคน เมื่อวานจินเฟยเหยาบอกว่าจะส่งสยงเทียนคุนไปเป็นชายบำเรอ เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อป้อนยาให้เขา จะได้ไม่ตายทันที ถ้าถูกนำไปเป็นชายบำเรอให้กับคนที่มีพลังการบำเพ็ญเพียรสูงจริงๆ การแย่งชิงคนบนเตียงนั้นยากกว่าบนโต๊ะอาหารมากนัก

นางรอคอยโอกาสอยู่ตลอด รอจนสามารถแบกสยงเทียนคุนขึ้นและหาโอกาสหนีก่อนที่ทุกคนลงมือได้

ในขณะที่ทุกคนมองท่านเซียนหยวนหยางกินคนอย่างสงบนิ่ง ในหมู่ผู้บำเพ็ญเซียนโลกหนานซานพลันมีคนยืนขึ้น ไม่รอให้ทุกคนลงมือ ทั่วร่างของเขาก็โป่งพองอย่างบ้าคลั่ง ระเบิดตนเองเสียงดังตูม โลหิตสดแฝงพลังวิญญาณพุ่งไปรอบด้าน ทำให้ผู้บำเพ็ญเซียนโลกหนานซานหลายสิบคนรอบด้านระเบิดตายคาที่ ส่วนผู้บำเพ็ญเซียนโลกเซียวไท่ที่ยืนอยู่โดยรอบเหล่านั้น ก็ถูกเลือดเนื้อกระเซ็นเปื้อนทั่วร่าง

ไม่รอให้พวกเขาเช็ดโลหิตออกจากใบหน้า เวทมนตร์สะเปะสะปะกลุ่มหนึ่งก็โจมตีเข้าใส่ใบหน้าและศีรษะ ทั้งหมดเป็นเวทมนตร์ขั้นหนึ่งขั้นสองจำพวกเวทอัคคี เวทธนูน้ำแข็ง และเวทม้วนวายุ โจมตีทุกคนจนรับมือไม่ทัน ยามนี้ในสมองของผู้บำเพ็ญเซียนโลกเซียวไท่มีเพียงความคิดเดียว ผู้บำเพ็ญเซียนโลกหนานซานโจมตีกลับ

เวทมนตร์เหล่านี้ล้วนเป็นยันต์ที่จินเฟยเหยาโยนออกไป ผู้บำเพ็ญเซียนที่ระเบิดตนเองคนนั้นมอบโอกาสให้นาง หลังจากโยนยันต์ออกไปแล้ว ฉวยโอกาสที่ทุกคนสับสนลนลานในสิบกว่าอึดใจนี้ นางพุ่งเข้าไปในกลุ่มผู้บำเพ็ญเซียนโลกหนานซาน ใช้มือยกสยงเทียนคุนขึ้นแบกไว้บนไหล่ แหวกนภาหนีไปทันที แม้แต่พรมบินก็ไม่ทันนำออกมา

ผู้บำเพ็ญเซียนโลกหนานซานคนอื่นๆ ก็พยายามอย่างสุดชีวิต ที่หนีได้ก็หนี ที่หนีไม่ได้ก็เสี่ยงชีวิต พุ่งเข้าใส่ผู้บำเพ็ญเซียนโลกเซียวไท่เหล่านั้น ต่อให้กำจัดได้ไม่กี่คนก็ต้องกัดพวกเขาสักหลายเขี้ยว ตายแล้วก็ไม่ให้เจ้าหมอนั่นเสริมพลังวิญญาณ ณ ที่นั้นสับสนวุ่นวายในพริบตา ผู้บำเพ็ญเซียนโลกหนานซานจับคนได้ก็ทั้งกัดและทุบตี ไม่มีกระบวนท่าเลยสักนิด ทำให้ผู้บำเพ็ญเซียนโลกเซียวไท่มือเท้าสับสนไปชั่วขณะ ผู้บำเพ็ญเซียนบางคนที่ยังมีพลังวิญญาณและร่างกายยังดีก็หลบหนีออกไปราวกับผึ้งแตกรัง ไม่มีใครยอมถูกกิน

“กล้าแย่งอาหารต่อหน้าข้า หยวนหยาง มีความกล้าไม่เบา” ความวุ่นวายเล็กน้อยเหล่านี้ ไม่ได้ผลเลยสักนิดกับท่านเซียนหยวนหยางที่มีพลังการบำเพ็ญเพียรขั้นกำเนิดใหม่ช่วงต้น ยันต์หลายร้อยใบที่จินเฟยเหยาโยนออกมา ในสายตาของเขาก็เหมือนกับจุดพลุ เห็นจินเฟยเหยาแบกคนใกล้ตายคนหนึ่งพุ่งไปในอากาศ ด้านหลังยังมีผู้บำเพ็ญเซียนโลกหนานซานสองสามคนนำอาวุธเวทแก่นชีวิตออกมาแหวกนภาไป เขาหัวเราะเสียงเย็น

ท่านเซียนหยวนหยางลุกขึ้น เอ่ยกับผู้บำเพ็ญเซียนด้านหลังที่กำลังจะไล่ตามไปโจมตี “พวกเจ้าถอยไป ไม่จำเป็นต้องไปกันมากมาย ทำให้อาหารเบื้องหน้าเหล่านี้สงบก่อน เอะอะโวยวายส่งผลกระทบต่อความอยากอาหารของข้า”

จากนั้น เขาก็ยื่นมือออกมาคว้าผู้บำเพ็ญเซียนที่หนีกระจัดกระจายไปรอบด้าน มือว่างเปล่าขนาดยักษ์สีเหลืองกว้างหลายจั้งข้างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศทันที กวาดขวางกลางอากาศ ก็คว้าตัวผู้บำเพ็ญเซียนที่หลบหนีออกไปทั้งหมดได้ ส่วนจินเฟยเหยาก็หนีไม่รอดแบกสยงเทียนคุนถูกกักขังอยู่ในหัตถ์ซวีคง ไม่ไกลจากนางนัก อี้จือที่เพิ่งนำกระสวยบินที่พกติดตัวออกมาฉวยโอกาสตอนวุ่นวายหลบหนีถึงกลางอากาศ ถูกมืออันว่างเปล่ากักขังไว้เช่นเดียวกัน ดิ้นรนอย่างสุดชีวิตด้วยความร้อนใจยิ่ง

หัตถ์ซวีคงเป็นเวทมนตร์ขั้นกำเนิดใหม่ของท่านเซียนหยวนหยาง ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานอย่างพวกเขาไม่มีทางหนีรอดเลยสักนิด ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงอี้จือที่เป็นเพียงขั้นฝึกปราณ ยามนี้ต่อให้มีของวิเศษคุ้มครองชีวิตที่หลี่ว์เหนียงเนียงมอบให้นางก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ

หัตถ์ซวีคงกำพวกนางไว้ในมือแน่น และลากมาบนศิลารองรับฟ้าใหม่อีกครั้ง ผู้บำเพ็ญเซียนโลกเซียวไท่ทั้งหมดยืนอยู่ที่เดิม มองเรื่องน่าขำของพวกเขา ผู้บำเพ็ญเซียนโลกหนานซานที่ไม่มีโอกาสหนีถูกโยนลงพื้นทั้งหมดนานแล้ว ตอนนี้รอให้ท่านเซียนหยวนหยางจับคนที่หนีไปกลุ่มนั้นกลับมา

ทว่าในคนเหล่านั้น มีสามคนที่ร้อนใจดุจไฟลนกัดฟันอย่างเคียดแค้นจ้องมองจินเฟยเหยาที่อยู่ในหัตถ์ซวีคง แน่นอนว่าเป็นเจ้าอันกับสหายเซียนหลี่ ยังมีผู้คุ้มกันที่ร่วมมือกับจินเฟยเหยาคิดจะส่งมอบชายงาม โดยเฉพาะเจ้าอัน เขาเป็นคนพาจินเฟยเหยาเข้ามาตลอดทาง ตอนนี้กลับกลายเป็นผู้บำเพ็ญเซียนโลกหนานซาน ความผิดในการชักนำศัตรูเข้ามาเช่นนี้ อีกสักครู่ถ้าถูกสอบสวนถามหาความรับผิดชอบขึ้นมา จุดจบต้องย่ำแย่อย่างยิ่ง

จินเฟยเหยาค้นหาอ่างมายาจิ่งเทียนในกระเป๋าเก็บของอย่างสุดชีวิต คิดจะนำอ่างมายาจิ่งเทียนออกมา ของสิ่งนี้ถึงจะมีพื้นที่กว้างขวาง แต่ที่ยุ่งยากที่สุดคือต้องถือไว้ในมือจึงสามารถบรรจุสิ่งของเข้าไปได้ ถ้าวางไว้ในกระเป๋าเก็บของจะใส่ไม่ได้ นางเสียพลังไปมาก จึงนำอ่างมายาจิ่งเทียนออกมาได้ จากนั้นถ่ายเทพลังลงในนั้น แล้วโยนสยงเทียนคุนเข้าไป การกระทำของนางดึงดูดความสนใจของอี้จือ ในดวงตานางเต็มไปด้วยความสงสัย ทั้งยังมองผู้บำเพ็ญเซียนที่มาช่วยคนด้วยตัวคนเดียวอย่างวาดหวังเล็กน้อย

จินเฟยเหยาไม่สนใจสายตาของนาง อย่าว่าแต่คนทั้งสองไม่ค่อยรู้จักมักคุ้นกัน ต่อให้นางคิดจะใส่อี้จือลงในอ่างมายาจิ่งเทียน นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถึงแม้คนทั้งสองจะอยู่ใกล้กันมาก ทว่าก็ห่างสี่ห้าฉื่อ หยิบอ่างมายาจิ่งเทียนออกมาจากในกระเป๋าเก็บของก็ลำบากแล้ว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าจะไปฉุดลากนางในหัตถ์ซวีคงของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่

ภายในหัตถ์ซวีคงมีพลังกดดันรอบด้านมากเกินไปแม้แต่ขยับนิ้วก็ยังลำบาก ดีที่จินเฟยเหยาร่างกายแข็งแกร่ง ไม่เช่นนั้นคงไม่มีความสามารถหยิบอ่างมายาจิ่งเทียนออกมาแล้วโยนสยงเทียนคุนเข้าไป นางไม่สนใจจะให้คำอธิบายกับต้านิวและพั่งจื่อที่อยู่ข้างใน กัดฟันพยายามใส่อ่างมายาจิ่งเทียนเข้าไปในกระเป๋าเก็บของ

การกระทำเอาออกมาและเก็บเข้าไปสองอย่างนี้ ทำให้นางเสียเวลาไปไม่น้อย หัตถ์ซวีคงมาถึงเหนือศิลารองรับฟ้าแล้ว ถ้ายังไม่หนีจะยิ่งหนีไม่รอด

ความวุ่นวายเมื่อครู่ ทำให้คนของหอซวีชิงแตกตื่น เดิมทีคนของหอซวีชิงทั้งสามยังยืนมองอยู่บนหัวเรือเหาะ ทว่าการกระทำของท่านเซียนหยวนหยางขัดตาเกินไป คนทั้งสามจึงกลับมาบนเรือเหาะ อย่างไรเสียในอดีตก็เคยเป็นคนของโลกหนานซาน ไม่อยากดูฉากนี้จริงๆ

ต่อมากลับได้ยินความเคลื่อนไหวข้างนอก คิดไม่ถึงว่าจะมีคนมาช่วยเหลือ ทั้งยังมีผู้บำเพ็ญเซียนหนีไปจำนวนมาก คนของหอซวีชิงไม่รู้คิดอะไรอยู่ในใจ จึงลงจากเรือเหาะตรวจสอบสถานการณ์อีกครั้ง และตัดสินใจว่าจะไม่สอดมือเรื่องนี้

เห็นพวกเขาหนีไปแล้วถูกจับกลับมาอีก ในใจคนของหอซวีชิงไม่รู้ว่าเป็นรสชาติใด สั่นศีรษะหันกายเตรียมกลับเรือเหาะ

ไป๋เจี่ยนจู๋ก็ยืนอยู่ในนั้นด้วย เรื่องราวในครั้งนี้ พวกเขาเชื่อฟังคำสั่งการจากสำนัก แค่ทำเรื่องที่อาจารย์มอบหมายได้สำเร็จก็พอ ถึงในใจจะขบคิดไม่เข้าใจ ทว่าก็ยังทำภารกิจครั้งนี้สำเร็จอย่างสมบูรณ์ ไม่รู้ว่ามีผู้บำเพ็ญเซียนโลกหนานซานมากมายเพียงใดตกตายใต้เงื้อมมือของพวกเขา ในจำนวนนั้นย่อมมีผู้บำเพ็ญเซียนที่คุ้นเคยกัน ไป๋เจี่ยนจู๋ไม่รู้ว่าเกิดความคิดอะไรขึ้นมา ยังหวังให้คนเหล่านั้นสามารถหนีรอดไปได้ เห็นพวกเขาเพิ่งบินออกไปก็ถูกจับตัวกลับมา ก็ขมวดคิ้วคิดจะกลับเรือ ไม่อยากดูเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไป

ทันใดนั้น ไป๋เจี่ยนจู๋ก็หยุดนิ่ง เขาเห็นฉากอันคุ้นเคย มีสีหน้าทั้งแตกตื่นทั้งยินดี หัตถ์ซวีคงกำลังเข้าใกล้ศิลารองรับฟ้า ด้านในพลันมีเปลวเพลิงสีฟ้าถูกจุดขึ้น เปลวไฟนี้ไป๋เจี่ยนจู๋คุ้นเคยอย่างที่สุด เป็นไฟนรกของจินเฟยเหยา จินเฟยเหยาเข้าสู่ศิลารองรับฟ้า เขารู้ ในช่วงเวลานั้นเขาก็อยากจะตามหานางอย่างมีเจตนาและไร้เจตนา บุญคุณความแค้นของคนทั้งสองยังไม่สิ้นสุด ทว่าเขาต้องกู้สถานการณ์ที่กำลังจะย่อยยับและไม่พบจินเฟยเหยามาตลอด เขาจึงเดาว่านางน่าจะถูกผู้อื่นสังหารแล้ว หลังจากฆ่าคนทุกคนก็เผาศพด้วยความเคยชิน ดังนั้นแม้แต่ซากก็ไม่เหลือ

คิดไม่ถึงว่านางจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่ จินเฟยเหยาเปลี่ยนโฉมหน้าหลอกคนในดินแดนลึกลับลั่วเซียนหลายครั้ง ครั้งนี้ถึงเปลี่ยนโฉมหน้าไป๋เจี่ยนจู่ก็ไม่รู้สึกแปลกใจ สิ่งที่ทำให้ไป๋เจี่ยนจู๋รู้สึกประหลาดใจคืออาศัยความเข้าใจที่ตนเองมีต่อยายนี่ คิดไม่ถึงว่านางจะเปลี่ยนโฉมหน้ามาช่วยคน มหัศจรรย์จริงๆ

“หรือว่าโลกผู้บำเพ็ญเซียนจะเกิดภัยพิบัติจากสวรรค์? แม้แต่คนแบบนี้ยังทำความดี ลางร้ายชัดๆ” เขาอดพึมพำเบาๆ ไม่ได้

เห็นไฟนรกในหัตถ์ซวีคง ไป๋เจี่ยนจู๋ขมวดคิ้ว ถึงแม้เขาจะรู้ว่าอานุภาพไฟนรกของจินเฟยเหยาแข็งแกร่งอย่างยิ่งในหมู่ผู้บำเพ็ญเซียนที่มีพลังการบำเพ็ญเพียรขั้นเดียวกัน ทว่าจะต้านทานเวทมนตร์ของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ นั่นเป็นนิทานอาหรับราตรีชัดๆ ไม่มีทางสำเร็จได้เลย

ไม่อาจสังหารจินเฟยเหยาด้วยมือตนเอง สุดท้ายได้แต่มองนางถูกท่านเซียนวิปริตคนนั้นกินไกลๆ ในใจไป๋เจี่ยนจู๋รู้สึกหงุดหงิดอย่างยิ่ง คนที่มีความแค้นกับตนเองเพียงคนเดียวในโลกนี้ก็คือสตรีผู้นี้ ตอนนี้ตนเองกลับลงมือไม่ได้ ทำให้ไม่พอใจจริงๆ

จินเฟยเหยามิใช่ไม่รู้ว่าตนเองกับผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ต่างชั้นกันอย่างยิ่ง คิดจะทำลายหัตถ์ซวีคงของเขาคือฝันกลางวันโดยสิ้นเชิง แต่นางมิได้คิดจะฆ่าคน เพียงแค่คิดจะเจาะรูหนีออกไปเท่านั้น ไม่อาจรอความตายเช่นนี้

นางใส่สยงเทียนคุนไว้ในอ่างมายาจิ่งเทียนก็เพื่อจะใช้เวทหนีไฟนรก ขณะที่รอให้เวททำงานในเวลาไม่กี่อึดใจ นางก็รู้สึกได้ว่าหัตถ์ซวีคงพลันออกแรงเพิ่มขึ้น แค่บีบเบาๆ ผู้บำเพ็ญเซียนที่ถูกกักขังทั้งหมดก็กระอักโลหิตสด มีบางคนสลบคาที่ จินเฟยเหยาก็ไม่ยกเว้น โลหิตสดคำหนึ่งพุ่งพรวดออกจากปาก ทำให้การรับรู้ของนางปั่นป่วน เกือบจะหยุดเวทหนีไฟนรก

กัดฟันอดทน ในที่สุดจินเฟยเหยาก็กลายร่างเป็นไฟนรกทั้งหมด เผาไหม้หัตถ์ซวีคงรอบกาย

“เอ๋?” ท่านเซียนหยวนหยางอุทานเบาๆ เปลวไฟสีฟ้ามีอานุภาพไม่เบา เพียงแต่ไร้เดียงสาเกินไป เด็กน้อยขั้นสร้างฐานคิดจะอาศัยไฟประหลาดมาทำลายหัตถ์ซวีคงของข้าแล้วหนีออกไป เป็นเด็กน้อยจริงๆ จะให้เจ้าลิ้มรสผลลัพธ์ของการหยิ่งทะนงดู แล้วมอบเปลวไฟสีฟ้าประหลาดนี้ออกมา

พอท่านเซียนหยวนหยางคิดในใจ มือก็ออกแรง หัตถ์ซวีคงเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า จินเฟยเหยาที่อยู่ในนั้นรู้สึกเหมือนร่างถูกภูเขายักษ์กดทับ กระดูกทั่วร่างกำลังจะแตกเป็นชิ้นๆ

“อ๊า!” นางทนรับพลังขนาดนี้ไม่ไหว ร้องคำรามลั่นออกมา เวทหนีไฟนรกบนร่างขยายใหญ่ขึ้นสองเท่า ไฟนรกดำที่เล็กละเอียดดุจเส้นผมพลันรวมตัวเข้าด้วยกันเป็นปลายอันแหลมคมด้านหน้า ไฟนรกดำเปลี่ยนหัตถ์ซวีคงเป็นผลึกใส บนหัตถ์แตกออกเป็นรูขนาดใหญ่ จินเฟยเหยาที่กลายร่างเป็นไฟนรกก็หนีออกไปจากรูนี้ พุ่งวูบสู่ท้องนภา หลบหนีไปไกลลิบ

[1]เยาเหรินปกติจะใช้กับผู้หญิงที่แต่งกายเป็นชาย ส่วนเหรินเยาจะใช้กับผู้ชายที่แต่งกายเป็นผู้หญิง แต่โดยรวมๆ คือคนลักเพศ