หลูซวงวิตกกังวลในใจ
กระทั่งสายตาที่มองมายังเล่อเหยาเหยา ยังดูเป็นกังวลอย่างมาก ดูแล้วทั้งน่าสงสารและเห็นใจ
ไม่แค่ชายหนุ่มที่เห็นแล้วต่างปวดใจ แม้เล่อเหยาเหยาที่เห็นยังปวดใจ จนรีบเอ่ยขึ้นว่า
“ไม่ ข้าจะรังเกียจเจ้าได้อย่างไร เจ้าอย่าดูถูกตนเองเช่นนี้!”
“จริงหรือ!”
“จริง!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา นัยน์ตางดงามที่เดิมทีเต็มไปด้วยความเศร้าของหลูซวงพลันเปล่งระกายขึ้นมา
คล้ายเทียนไขที่เพิ่งถูกจุดขึ้นยามค่ำคืน แวววาวมันขลับ
ใบหน้าพลันเบิกบานทันที เมื่อรวมกับน้ำตาบนใบหน้า ต้องเอ่ยว่างดงามยิ่งนัก
เห็นใบหน้าเบิกบานใจของหลูซวง เล่อเหยาเหยาก็ยิ้มมุมปากขึ้น
คนหนึ่งคือหญิงสาวรูปโฉมดุจเทพธิดา คนหนึ่งคือ‘หนุ่มน้อย’ดั่งหยกแกะสลัก ทั้งสองจ้องหน้าและยิ้มให้กัน ภาพนั้นงดงามราวกับภาพวาด
แต่ภาพนี้ ในสายตาของบางคนกลับคล้ายไม่พอใจ
และคนผู้นั้น คือหนานกงจวิ้นซี
เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยายิ้มกว้างดุจบุปผาให้กับหลูซวง หนานกงจวิ้นซีอดก่นด่าอยู่ในใจไม่ได้
วันนี้ เขาคล้ายมาที่นี่เพื่อมาหาหญิงสาว! เหตุใดเวลานี้ คล้ายมีคนทำหน้าที่แทนเขา!
ช่างน่าหดหูเสียจริง!
ไม่เพียงหนานกงจวิ้นซีที่ไม่พอใจ กระทั่งเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาหัวเราะต่อกระซิกกับหลูซวง ดวงตาเย็นชาอดวาบขึ้นไม่ได้
แต่เขากลับไม่พูดอันใด เพียงยกสุราดื่มจอกแล้วจอกเล่า
เวลานี้เล่อเหยาเหยากำลังพูดบางอย่างกับหลูซวง จึงไม่รับรู้ถึงสายตาของสองชายหนุ่มด้านหลัง เพราะเธอเพียงมองหลูซวงที่ทั้งร้องไห้ทั้งยิ้มอยู่อย่างปวดใจ
เพราะเธออยากช่วยเหลือหลูซวง แต่เธอจะช่วยอย่างไรถึงจะดี!
เล่อเหลาเหยารู้สึกทุกข์ใจ ทันใดนั้น ภายในสมองก็มีความคิดแวบขึ้นมา ได้แล้ว!
“ข้าคิดออกแล้ว!”
เล่อเหยาเหยาพลันร้องออกมาอย่างดีใจ ทำให้ห้องพลันเงียบสนิท และสร้างความตกใจให้กับทุกคน ทุกคนยังไม่ได้สติ ก็เห็นเล่อเหยาเหยากระโดดตัวขึ้นมาจากที่นั่ง ก่อนหมุนตัวตรงไปที่หนานกงจวิ้นซี
ใบหน้าดูยิ้มแย้มดีใจ
เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยายิ้มแย้มเดินมาที่ตน หนานกงจวิ้นซีรู้สึกเพียงหนังศีรษะชาวาบ เพราะไม่รู้เหตุใด เมื่อเขาเห็นรอยยิ้มเช่นนี้ของเล่อเหยาเหยา มักรู้สึกว่า‘เขา’มีแผนร้าย ดังคาด…
“องค์ชายเจ็ด ท่านเป็นคนรักษาคำพูดใช่หรือไม่”
“หือ เจ้าบ่าวนี้ เจ้าพูดถึงเรื่องใด เจ้าสงสัยในตัวข้าหรือ ข้าพูดคำไหนก็คำนั้น!”
ไม่รู้ว่าเล่อเหยาเหยาคิดเช่นไรถึงพูดเช่นนี้ แต่หนานกงจวิ้นซียังเอ่ยอย่างภาคภูมิใจโดยไม่ยั้งคิด
น่าขัน!
เขาคือผู้ใด!
องค์ชายเจ็ดที่สง่างามแห่งต้าเซี่ย หรือจะไม่รักษาคำพูด หากคำพูดนี้เล็ดรอดออกไป คงถูกผู้คนหัวเราะเยาะแน่นอน!
เล่อเหยาเหยาได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซี ใจพลันสงบลง ดังนั้นจึงเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจของตนออกไป
“เมื่อเป็นเช่นนี้ การพนันขององค์ชายเจ็ดและบ่าวเมื่อวันก่อน ก็นับว่ามีค่า!เช่นนั้นองค์ชายเจ็ดได้โปรดช่วยไถ่ตัวหลูซวงด้วย!”
“อะไรนะ!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีจึงตกใจ กระทั่งหลูซวงก็ร้องขึ้นอย่างตกใจ ก่อนเดินเข้ามา
“พี่เหยา”
หลูซวงหมายเอ่ยพูดบางอย่าง แต่กลับถูกเล่อเหยาเหยาขัดขึ้น
“หลูซวง เจ้าขายตัวให้กับหอนางโลม ค่าตัวของเจ้า ต้องเพียงพอให้รักษาท่านแม่เจ้าหายดีได้แน่ ดังนั้นหาก
ตอนนี้เจ้าสามารถไปจากหอนางโลม สำหรับเจ้าถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เจ้าเองก็คงไม่อยากอยู่ที่นี่ตลอดไป ใช่หรือไม่”
“ข้าอยากจากไป แต่ทำได้จริงหรือเจ้าค่ะ”
คำพูดของเล่อเหยาเหยาทำให้ใจของหลูซวงสั่นคลอน
อันที่จริงหากสถานการณ์ไม่บีบบังคับ เธอก็คงไม่ขายตัวที่หอนางโลม
โดยเฉพาะเวลานี้พี่เหยาปรากฏตัวขึ้น เธอจึงอยากออกไปจากที่นี่
เล่อเหยาเหยาเห็นหลูซวงตื่นเต้นและกังวลเล็กน้อย ทำให้คนรู้สึกน่าสงสาร ดังนั้นอดรีบเอ่ยขึ้นไม่ได้ว่า
“เจ้าไปจากที่นี่ได้แน่ เพราะมีองค์ชายเจ็ดอยู่ ไม่มีเรื่องใดที่องค์ชายเจ็ดทำไม่ได้ มิใช่หรือ!”
เล่อเหยาเหยาตั้งใจยกยอหนานกงจวิ้นซีว่าเก่งกาจเหนือท้องฟ้า เมื่อหนานกงจวิ้นซีได้ยิน ก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้
คำพูดของหลูซวงเมื่อครู่ เขาก็ได้ยินเช่นกัน
แต่บนโลกนี้มีเรื่องที่ไม่ยุติธรรมมากมาย แม้แต่ในหอนางโลมแห่งนี้ มีคนที่เคราะห์ร้ายเช่นหลูซวง หรืออาจน่าเศร้ากว่าเธอนับไม่ถ้วน
แต่เมื่อเล่อเหยาเหยาเอ่ยปาก เขาก็ต้องทำตามสัญญา เรื่องนี้เขาช่วยเหลือได้แน่นอน!
แม้รู้ชัดว่าขันทีตรงหน้าจะชอบประจบประแจง ทว่าเขากลับยอมรับมัน
เฮ้อ เขานับวันยิ่งหมดทางรักษาใช่หรือไม่!
หนานกงจวิ้นซีจนใจ แต่ยังเลิกคิ้วมองเล่อเหยาเหยาแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า
“เรื่องที่ข้าเคยรับปากเจ้า ข้าทำแน่นอน เจ้าไม่ต้องมาประจบข้า!”
“ฮิฮิ บ่าวรู้ว่าองค์ชายเจ็ดมีจิตใจที่ดีงาม!”
คำพูดนี้ กระทั่งเล่อเหยาเหยาที่ได้ยินยังรู้สึกขนลุกขนชัน
แต่ตอนนี้เธอต้องช่วยเหลือคน เมื่อวานองค์ชายเจ็ดแพ้พนันเธอ การช่วยเธอจึงเป็นเรื่องที่สมควรทำ
เธอกลัวว่าเขาจะไม่รับปาก!
ดังนั้นตอนนี้เพื่อให้หลูซวงหลุดพ้นไปจากขุมนรก เธอจึงต้องเสนอหน้าประจบองค์ชายเจ็ด!
เพราะอย่างไรการประจบประแจงไม่ได้ใช้เงิน มิใช่หรือ!
ขณะที่เล่อเหยาเหยาครุ่นคิดอยู่ในใจ ทางด้านหนานกงจวิ้นซีนั้นก็เรียกหาเถ้าแก่เนี้ยของหออวี๋หง เพื่อหารือเรื่องการไถ่ตัวหลูซวง
เมื่อได้ยินหนานกงจวิ้นซีต้องการไถ่ตัวหลูซวง เถ้าแก่เนี้ยกลับปฏิเสธอย่างตีให้ตายก็ไม่ยินยอม!
เพราะตอนนี้หลูซวงคือดาวแห่งหออวี๋หงของเธอ ตัวเรียกเงินของเธอ! จะปล่อยเธอไปง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไร!
แม้เถ้าแก่เนี้ยจะไม่ยินยอม แต่หนานกงจวิ้นซีไม่เพียงหยิบชื่อพญายมออกมา ยังมีเงินก้อนใหญ่ ใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งพร้อมกัน จนในที่สุดเถ้าแก่เนี่ยก็ตอบตกลง
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาและหลูซวงก็ดีใจจนกระโดดและกอดกัน
หลูซวงที่ต่อหน้าผู้อื่นทำเป็นเย็นชาดุจน้ำค้างแข็งมาตลอด เวลานี้กลับดีใจราวกับเด็ก กุมมือของเล่อเหยาเหยเอาไว้แน่นอย่างตื้นตันใจ
“พี่เหยา ขอบคุณ ขอบคุณท่านมาก ท่านคือดาวนำโชคของข้าจริงๆ หลูซวงติดหนี้ท่าน มากมายยิ่งนัก”
“ฮ่าๆ เด็กโง่ อย่ามัวพูดอีกเลย เมื่อตอนนี้เจ้าได้รับอิสระแล้ว รีบกลับไปเก็บข้าวของกลับบ้านกันเถิด!”
เมื่อเห็นหลูซวงยิ้มที่สุดท้ายก็ได้รับความสุขที่สมควรจะมีในวัยนี้ เล่อเหยาเหยาดูผ่อนคลายลง ก่อนยิ้มอย่างอ่อนโยน
เมื่อเห็นรอยยิ้มนั้นของเล่อเหยาเหยา หลูซวงที่เดิมทียิ้มแย้ม อดขวยเขินไม่ได้ แววตาปรากฏความละอายใจขึ้นมา ทันใดนั้น ค่อยๆ ก้มใบหน้าเรียวเล็กจิ้มลิ้มนั้นลง
…
เมื่อไถ่ถอนตัวหลูซวงได้ เล่อเหยาเหยาดีใจ หนานกงจวิ้นซีจ่ายเงิน มีเพียงเหลิ่งจวิ้นอวี๋ด้านข้าง กลับนั่งดื่มสุราอย่างเงียบๆ มาโดยตลอด และไม่รู้ว่าเขาคิดสิ่งใดอยู่ในใจ
หญิงชุดแดงที่จ้องมองเขาอยู่ด้านข้างตลอดเวลา สังเกตเห็นว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่เดิมทีนิ่งเฉย หลังเห็นหลูซวงกุมมือเล่อเหยาเหยา ดวงตาเย็นชาพลันเคร่งขรึมขึ้นมา
ดังนั้นหญิงชุดแดงจึงทั้งสงสัยและริษยา ก่อนคาดเดาในใจ
หรือคุณชายผู้นี้ชื่นชอบหลูซวง!
ไม่ได้ นางต้องชิงลงมือก่อนถึงจะได้เปรียบ ดังนั้นนางต้องหาวิธี
…
เมื่อหลูซวงไปเก็บสัมภาระ ครั้งนี้เล่อเหยาเหยาปวดปัสสาวะขึ้นมาจริง ดังนั้นจึงไปที่ห้องน้ำ
หลังจัดการธุระส่วนตัวเสร็จ เล่อเหยาเหยาออกมาจากห้องน้ำ เดินบนเส้นทางเล็กๆ นั้น
ในใจก็รู้สึกปลื้มปริ่มและมีความสุข
เพราะแม้จะรู้จักหลูซวงได้ไม่นาน แต่จากการพูดคุยทำความรู้จักเธอทำให้เธอรู้สึกสบายใจ
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงเดินบนถนน พลางฮึมฮัมเพลงเบาๆ ออกมาอย่างอดไม่อยู่
คืนนี้พระจันทร์ส่องแสง ดวงดาวเป็นประกายดุจเพชร อยู่กลางท้องฟ้าอันมืดมิด ช่างงดงามอะไรเช่นนี้
สายลมเย็นพัดโชยมา ทำให้คนเบินบานใจ
ส่วนหออวี๋หง เวลานี้คึกคักไม่ขาดสาย แม้จะอยู่ในทางเดินเล็กๆ ด้านหลัง แต่สามารถได้ยินหัวเราะเฮฮาดังออกมาจากด้านใน อย่างละมุนละไม
เล่อเหยาเหยาทั้งเดิน ทั้งมองบรรยากาศรอบด้าน
คิดไปแล้ว หออวี๋หงสมแล้วที่เป็นหอนางโลมที่ดีที่สุดในเมืองหลวง กระทั่งด้านหลังหอ ยังสร้างอย่างตระการตา ประดับตกแต่งอย่างหรูหรา ทุกที่ล้วนแขวนโคมไฟแดงขนาดใหญ่ ทำให้บรรยากาศรอบด้านดูหยาบโลนขึ้นมา
ขณะที่เล่อเหยาเหยาสำรวจไปรอบด้าน ทันใดนั้น หางตาก็เห็นเงาร่างสูงชุดสีขาวผ่านหน้าไป
ที่นี่คือหอนางโลม ผู้คนมากมายพลุ่งพล่าน เธอจึงไม่ได้สังเกต แต่เมื่อเห็นเงาร่างชายชุดขาวนั้น กลับพลันรู้สึกคุ้นตาบางอย่าง เงาร่างนั้นคล้ายรู้จักมาก่อน
เธอคล้ายเคยเห็นเขาที่ใดมาก่อน!
ชายชุดขาวหรือ!
ชุดขาว
“นึกออกแล้ว ชายผู้นี้คือชายชุดขาวที่เคยช่วยเธอกลางตลาดครั้งก่อนมิใช่หรือ!”
เล่อเหยาเหยาร้องขึ้นอย่างประหลาดใจ พลันนึกถึงชายหนุ่มผู้นี้ขึ้นมาได้
วันนั้น เธอเกือบถูกรถม้าคันนั้นชนตัวปลิว แต่ชายผู้นี้ช่วยเหลือเธอไว้
ขณะนั้นเธอยังไม่ได้กล่าวขอบคุณเขาเลย เขาก็รีบร้อนจากไป ทำให้เธอยังรู้สึกเสียใจ
วันนั้นเธอยังคิดว่าชาตินี้คงไม่เจอชายหนุ่มผู้นี้อีกเป็นแน่ คิดไม่ถึงเธอยังสามารถเจอเขา!
แต่ว่าเมื่อเห็นสถานที่ที่เจอเขา กลับเป็นหออวี๋หง!
เฮ้อ…
นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก!ผู้ชายเจ้าชู้จนเป็นนิสัย มีความต้องการทางเพศจึงถือว่าเป็นเรื่องปกติ!
เล่อเหยาเหยาคิดไปมาจนเข้าใจ เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้นั้นกำลังจะหายไปจากสายตาของตนอีกครั้ง เธอร้อนใจขึ้น ก่อนรีบพุ่งเข้าไปทันทีโดยไม่คิดสิ่งใด
เพราะเธอต้องการกล่าวขอบคุณเขาอย่างจริงจังสักรอบ!
“คุณชาย รอก่อน”
ชายหนุ่มตรงหน้าเดินอย่างรวดเร็วคล้ายกับสายลม เล่อเหยาเหยาพยายามอย่างสุดความสามารถ ก็ตามไม่ทัน เมื่อเห็นชายหนุ่งชุดขาวกำลังจะเลี้ยวจากไป เล่อเหยาเหยาร้อนใจ จึงตะโกนออกมาเสียงดังอย่างไม่สนใจรอบด้าน
อาจเพราะรู้สึกว่ามีคนตะโกนเรียกจากด้านหลัง ชายหนุ่มชุดขาวผู้นั้นจึงหยุดฝีเท้าลง ก่อนหมุนตัวกลับมา