ตอนที่ 257 นักกินย่อมเข้าใจนักกิน / ตอนที่ 258 คุณน่าสนใจมาก!

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 257 นักกินย่อมเข้าใจนักกิน 

 

 

“ล่ามหวาง?” เหนียนเสี่ยวมู่ยืนขึ้นและเดินไปข้างหน้าสองก้าว ก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อย มองไปยังหวางเมี่ยวเมี่ยวที่ยังตะลึงอยู่หน้าโต๊ะอาหาร 

 

 

“…” หวางเมี่ยวเมี่ยวกัดฟัน ถึงจะกล้ำกลืนลุกขึ้นตาม 

 

 

เธอเดินตามเหนียนเสี่ยวมู่ไปข้างหน้ามิสเตอร์ลอมบาร์ดี 

 

 

ตอนนี้เธอเป็นล่ามของเหนียนเสี่ยวมู่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องฟังเหนียนเสี่ยวมู่ 

 

 

ไม่อย่างนั้น หากเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน เธอก็รับผิดชอบไม่ไหวเช่นกัน 

 

 

แต่ถ้ามิสเตอร์ลอมบาร์ดีปฏิเสธเหนียนเสี่ยวมู่ด้วยตนเอง… 

 

 

หวางเมี่ยวเมี่ยวพลันหรี่ตาลง นัยน์ตาปรากฏความเจ้าเล่ห์ 

 

 

จากนั้นเธอก็เดินไปข้างๆ เหนียนเสี่ยวมู่โดยไม่พูดอะไร 

 

 

อีกด้านหนึ่ง ประตูร้านอาหาร 

 

 

มิสเตอร์ลอมบาร์ดีและทีมเหมือนจะหิวมากแล้ว เพิ่งเดินเข้ามาในร้านอาหาร ก็เตรียมจะหาที่นั่งลงแล้ว 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่สบโอกาส จึงให้หวางเมี่ยวเมี่ยวเข้าไปทักทาย 

 

 

“มิสเตอร์ลอมบาร์ดี ขอโทษระคะที่รบกวน ฉันขอเวลาคุณสักสองสามนาทีได้ไหมคะ” หวางเมี่ยวเมี่ยวพูดภาษาอิตาลีอย่างคล่องปาก พลางเดินไปข้างหน้า 

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งห้าคนที่เพิ่งเข้ามาในร้านอาหารก็หยุดลงอย่างพร้อมเพรียง 

 

 

คนที่เดินอยู่ข้างหน้าสุด เป็นคนมีอายุรูปร่างไม่สูงนัก 

 

 

ดวงตาของเขามีสีน้ำตาล สันจมูกโด่ง หนวดเคราทั่วหน้าเป็นสีขาว ดูแล้วเหมือนคุณปู่ข้างบ้าน เข้าถึงง่าย และมีอารมณ์ขันเหมือนซานตาคลอสอยู่หลายส่วน 

 

 

กลับเป็นหลายคนที่ตามอยู่ข้างหลังเขา ที่ตัวสูงมาก แลดูเคร่งขรึมอย่างยิ่ง 

 

 

หลังจากจำได้ว่าหวางเมี่ยวเมี่ยวเป็นล่ามของบริษัทตระกูลอวี๋ หลายคนที่มีรอยยิ้มเปื้อนหน้าเมื่อครู่พลันทำหน้าบึ้งในทันใด 

 

 

พวกเขาหันไปมองคนมีอายุที่เดินอยู่ข้างหน้าสุดอย่างไม่ได้นัดหมาย 

 

 

คนรับผิดชอบทีม มิสเตอร์ลอมบาร์ดี 

 

 

เมื่อได้ยินหวางเมี่ยวเมี่ยวพูด ปฏิกิริยาของเขานับว่าสงบนิ่งทีเดียว 

 

 

เขาเงยหน้าเหลือบมองเธออย่างเย็นชา ก่อนจะยิ้มเยือกเย็น 

 

 

“พวกเราไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว พวกคุณไปเถอะ” 

 

 

เขาพูดจบก็พาคนในทีมของตนเอง เตรียมจะเดินผ่านเหนียนเสี่ยวมู่ไป 

 

 

ครั้นเห็นดังนั้น เหนียนเสี่ยวมู่เข้าใจว่าตนเองถูกปฏิเสธโดยไม่ต้องการล่ามด้วยซ้ำ เธอรีบยื่นมือไปขวางมิสเตอร์ลอมบาร์ดีไป 

 

 

จากนั้นก็หันไปมองหวางเมี่ยวเมี่ยว ให้เธอเป็นล่ามให้ตนเอง 

 

 

นอกจากแสดงความขอโทษที่ไปรับสายเมื่อเช้าแล้ว เธอยังอธิบายอีกว่า เธอแค่อยากเลี้ยงข้าวมิสเตอร์ลอมบาร์ดีและเพื่อนร่วมงานของเขาเท่านั้น ขอทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้าน ไม่ได้ขอร้องให้ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมงานกันอีกครั้ง 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่รอให้หวางเมี่ยวเมี่ยวแปลไปด้วย และยื่นมือไปยังโต๊ะอาหารที่อยู่ไม่ไกลไปด้วย 

 

 

พนักงานทยอยนำอาหารที่เธอสั่งไปเมื่อครู่มาเสิร์ฟแล้ว 

 

 

อาหารมากมายวางอยู่เต็มโต๊ะ ดูท่าทางน่ากินและรสชาติดี ทำให้พวกเขาอยากอาหารอย่างยิ่ง 

 

 

บวกกับที่หญิงสาวพูดไปแล้วว่า อาหารมื้อนี้เพื่อเป็นการขอโทษเท่านั้น ไม่ได้ขอให้มิสเตอร์ลอมบาร์ดีตกลงร่วมงาน 

 

 

คำขอที่เรียบง่ายนี้ ทำให้สายตาของมิสเตอร์ลอมบาร์ดีเปลี่ยนไปเล็กน้อย 

 

 

หลังจากฟังคำแปลจบ เขาก็มองเหนียนเสี่ยวมู่อยู่หลายสิบวินาที แล้วถึงจะหันไปมองคนในทีมของตนเอง เพื่อสอบถามความเห็นของทุกคน 

 

 

พวกเขาบินมาจากประเทศอิตาลี และไม่ได้กินอาหารดีๆ บนเครื่องบิน ท้องว่างจนเหมือนกลวงไปหมดแล้ว 

 

 

คราวนี้เห็นอาหารวางเต็มโต๊ะ เหนียนเสี่ยวมู่ก็อยากจะขอโทษด้วยท่าทางจริงใจอีกต่างหาก 

 

 

ผ่านไปประมาณสิบกว่าวินาที มิสเตอร์ลอมบาร์ก็หันมามองเธอ และพยักหน้าให้เธอเล็กน้อย 

 

 

“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน มิสเตอร์ลอมบาร์ดีตกลงแล้วค่ะ” 

 

 

หวางเมี่ยวเมี่ยวยืนแปลอยู่ข้างๆ เพิ่งจะดึงสติกลับมาได้ หลังจากเห็นมิสเตอร์ลอมบาร์ดีและทีมเดินมาทางโต๊ะของพวกเธอ 

 

 

เธอคาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเหนียนเสี่ยวมู่พูดเพียงไม่กี่คำ มิสเตอร์ลอมบาร์ดีไม่เพียงไม่ไล่ตะเพิดพวกเธอ แถมยังตกลงร่วมโต๊ะกันอีกต่างหาก! 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 258 คุณน่าสนใจมาก! 

 

 

ต่อไปมิสเตอร์ลอมบาร์ดีคงไม่ถูกเหนียนเสี่ยวมู่โน้มน้าว และตกลงร่วมงานอีกครั้งหรอกนะ? 

 

 

แล้วที่เธอทำไปตั้งมากมายก่อนหน้านี้ จะมีความหมายอะไร 

 

 

หวางเมี่ยวเมี่ยวยังคงเหม่อลอย เหนียนเสี่ยวมู่จึงดึงเธอเดินไปยังโต๊ะอาหาร ให้เธอดูแลมิสเตอร์ลอมบาร์ดีเป็นอย่างดี 

 

 

“มิสเตอร์ลอมบาร์ดี นี่เป็นขาหมูขึ้นชื่อค่ะ ส่วนนั่นคือปลาผัดเปรี้ยวหวาน แล้วก็มี…” เหนียนเสี่ยวมู่ยืนอยู่ข้างโต๊ะอาหาร พลางอธิบายอาหารบนโต๊ะให้มิสเตอร์ลอมบาร์ดีพร้อมรอยยิ้ม 

 

 

เธอเป็นคนชอบกิน ต้องรู้ว่าอะไรอร่อยที่สุดอยู่แล้ว 

 

 

อาหารเต็มโต๊ะล้วนเป็นของดีเลิศ 

 

 

บวกกับความเข้าใจในอาหาร เหนียนเสี่ยวมู่ยืนอยู่ตรงนั้น แทบจะกลายเป็นผู้ประกาศรายการอาหารไปแล้ว 

 

 

แถมยังเป็นผู้ประกาศรายการอาหารที่สะสวยน่ามองอีกต่างหาก 

 

 

หวางเมี่ยวเมี่ยวแทบจะแปลไม่ทันความเร็วที่เธอพูด ผ่านไปแค่สองสามนาที ก็เกือบจะพูดไม่ทันแล้ว 

 

 

มิสเตอร์ลอมบาร์เป็นคนที่มีมารยาทมาก ถึงเขาจะหิวมาก แต่ก็ไม่ได้สวาปามอย่างตะกละตะกลาม 

 

 

หลังจากเหนียนเสี่ยวมู่แนะนำเสร็จ เขาก็ยิ้มถาม 

 

 

“คุณศึกษาเรื่องอาหารอย่างดีเลยสินะ” 

 

 

เมื่อหวางเมี่ยวเมี่ยวแปลประโยคนี้แล้ว เหนียนเสี่ยวมู่ก็ยิ้มกว้างทันที ก่อนจะพยักหน้าโดยไม่คิด 

 

 

“การกินเป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุดในโลกนี้ค่ะ” 

 

 

เธอพูดจบ ก็ถือโอกาสให้หวางเมี่ยวเมี่ยวอธิบายให้มิสเตอร์ลอมบาร์ดี ว่าในประเทศจีนเรียกว่านักกิน 

 

 

และเธอก็เป็นสุดยอดนักกินในบรรดานักกิน! 

 

 

“ถ้าครั้งหน้ามีโอกาส ฉันจะพามิสเตอร์ลอมบาร์ไปลองอาหารอย่างอื่นได้อีกนะคะ คุณจะได้ลิ้มลองรสชาติแห่งความสุขบนลิ้น คุ้มค่าตั๋วแน่นอนค่ะ!” 

 

 

หวางเมี่ยวเมี่ยวแปลคำพูดของเธอแล้ว มิสเตอร์ลอมบาร์ดีพลันหัวเราะร่า 

 

 

หนวดเคราบนใบหน้าก็ยกขึ้นตามรอยยิ้มของเขาด้วย 

 

 

จากนั้นเขาก็ยกแก้วไวน์แดงข้างๆ พยักเพยิดไปทางเหนียนเสี่ยวมู่ 

 

 

ก่อนจะพูดด้วยภาษาอิตาลี “คุณน่าสนใจมาก! เป็นคนที่น่าสนใจที่สุดที่ผมเคยเจอเลย!” 

 

 

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารครึกครื้นขึ้นเรื่อยๆ 

 

 

ไม่เพียงแต่มิสเตอร์ลอบาร์ดี แม้แต่เพื่อนร่วมงานของเขา ก็เหมือนจะถูกดึงดูดด้วยคำพูดจริงใจของเหนียนเสี่ยวมู่เช่นกัน ต่างก็ถามคำถามเกี่ยวกับอาหารจีนจากเธอไม่หยุด 

 

 

ทำเอาหวางเมี่ยวเมี่ยวที่นั่งอยู่ข้างๆ ร้อนใจเหมือนมดบนหม้อร้อนๆ ในทันที 

 

 

เธอทนมองเหนียนเสี่ยวมู่กลายเป็นเพื่อนกับมิสเตอร์ลอมบาร์ดีไม่ได้! 

 

 

แต่ตรงนี้ไม่ได้มีเธอเป็นล่ามแค่คนเดียว 

 

 

ข้างๆ มิสเตอร์ลอมบาร์ดีก็มีล่ามที่พูดภาษาจีนได้อยู่คนหนึ่งด้วย 

 

 

ถ้าเธอจงใจแปลผิด ก็จะถูกจับได้อย่างง่ายดาย 

 

 

หวางเมี่ยวเมี่ยวกำลังกังวล แต่อยู่ๆ ก็เห็นล่ามที่อยู่ข้างๆ มิสเตอร์ลอมบาร์ดีรับโทรศัพท์ จากนั้นก็ขออนุญาตกับทุกคน แล้วถือโทรศัพท์มือถือหมุนตัวเดินออกไป 

 

 

เขาไปรับโทรศัพท์ข้างนอกแล้ว 

 

 

ดีจริงๆ! 

 

 

หวางเมี่ยวเมี่ยวตาเป็นประกาย ก่อนจะหันหน้าไปมองเหนียนเสี่ยวมู่ “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน มิสเตอร์ลอมบาร์ดีดูอารมณ์ดีมากเลยนะคะ พวกเราต้องรีบพูดเรื่องงานสักหน่อยไหม” 

 

 

“ไม่ต้องหรอก ข้าวมื้อนี้ถือเป็นการผูกมิตรเท่านั้น ไม่พูดเรื่องงาน” เหนียนเสี่ยวมู่ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด 

 

 

หวางเมี่ยวเมี่ยวยังไม่ทันเอ่ยปาก เธอก็พูดเสริมอีก “คุณช่วยฉันถามพวกเขาหน่อย ว่ายังมีอะไรที่อยากกินหรือเปล่า ให้สั่งได้เลย” 

 

 

“…” 

 

 

ล่ามสาวไม่คิดว่าเหนียนเสี่ยวมู่จะใจเย็นได้ขนาดนี้ 

 

 

เธอกลอกตา ก่อนจะยกแก้วไวน์แดงมองไปทางมิสเตอร์ลอมบาร์ดี และแปลคำพูดของเหนียนเสี่ยวมู่อีกแบบหนึ่ง 

 

 

“มิสเตอร์ลอมบาร์ดี ที่พวกเราไปสายเมื่อเช้าเป็นอุบัติเหตุค่ะ พวกเราเลยมาแสดงความจริงใจ ในเมื่อคุณคุยกับซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนได้แล้ว อย่างนั้นคุณว่าเรื่องงาน…” 

 

 

หวางเมี่ยวเมี่ยวยังพูดไม่จบ รอยยิ้มบนใบหน้าของมิสเตอร์ลอมบาร์ดีก็เย็นชาขึ้นแล้ว 

 

 

แม้แต่คนอื่นๆ บนโต๊ะอาหารก็พากันวางตะเกียบลงด้วย