หยวนหลงติดคอขวดอยู่ที่ขอบเขตแปรเปลี่ยนมานานมากแล้ว ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณที่สถิตอยู่ในพวกของโบราณมาทะลวงระดับของตัวเองต่อไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนอยู่หลายรอบถึงประเด็นที่ฝั่งตรงข้ามไม่ได้อ่อนแอไปกว่าตัว เขาจึงตัดสินใจที่จะปล่อยกำไลหยกนั่นไปถึงแม้ว่ามันจะสำคัญต่อเขาก็ตามที

“ผู้เชี่ยวชาญระดับนั้นมันจะดีที่สุดหากเราไม่ไปล่วงเกินเขาอีกเป็นครั้งที่สอง เพราะบางทีพวกเราอาจใช้ประโยชน์จากเขาได้ในอนาคต”

“รับทราบ!”

อีกด้านหนึ่ง

หลังจากอวี้ฮ่าวหรานกลับไปถึงคอนโด เขาก็เริ่มบ่มเพาะทันทีด้วยกำไลหยกที่เพิ่งซื้อมาหมาด ๆ

หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมง…

ร่างกายของอวี้ฮ่าวหรานตอนนี้แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด และพลังวิญญาณในร่างของเขาก็เพิ่มพูนขึ้นไปอีกระดับ

เขามองดูที่กำไลหยกในมือด้วยความสงสัย

กำไลหยกนี้เมื่อไม่มีพลังวิญญาณสถิตอยู่แล้วมันก็คือกำไลหยกธรรมดา ๆ ที่ไม่มีอะไรพิเศษเลย ทำไมมันถึงมีพลังวิญญาณสถิตอยู่ข้างในได้แบบนี้?

และปัญหาใหญ่อีกอย่างที่เขาเพิ่งสังเกตเห็นตอนนี้… ก็คือกำไลหยกนี้มีพลังวิญญาณสถิตอยู่น้อยกว่ายิ่งกว่าสร้อยคอจี้หยกที่หลี่ชงซานมอบให้เขาหลายเท่า

ถ้าเทียบกันแล้วสร้อยคอจี้หยกนับได้ว่าเป็นของเกรด A แต่กำไลหยกนี้เทียบได้เป็นเกรด C ซึ่งสรุปได้ว่าหากของเกรดต่ำแบบนี้ยังมีมูลค่าถึง 3.5 ล้านหยวน แล้วในอนาคตหากเขาอยากได้พวกของโบราณที่มีพลังวิญญาณสถิตเกรดสูง ๆ เขาจะต้องใช้เงินมากเท่าไหร่กัน?

อย่างน้อย ๆ สร้อยคอจี้หยกของหลี่ชงซานก็ต้องมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านจริงไหม?

เขาจำเป็นต้องหาเงินให้ได้มากกว่านี้!

สถานะการเงินของเขาในตอนนี้ …ถึงแม้ว่าจะดูร่ำรวย แต่ถ้าเขาจำเป็นต้องซื้อของโบราณแบบนี้เป็นจำนวนมาก ๆ เพื่อเอามาบ่มเพาะ มันก็ไม่มีทางเพียงพอเลย!!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานจึงเริ่มนึกถึงแผนการบริหารบริษัททั้งหลายที่อยู่ในมือของเขาตอนนี้ให้ทำเงินให้เขาได้เร็วและมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่งั้นหากเขาไปเจอพวกของโบราณดี ๆ อีกและไม่มีเงินพอจะซื้อมันเขาคงปวดใจเป็นอย่างมาก

ว่าแต่เขาจะบริหารบริษัทพวกนี้ยังไงดีให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด? เขาไม่เคยเรียนด้านการบริหารธุรกิจมาก่อน หากเขาอัดเงินทุนให้กับบริษัทแบบส่ง ๆ มันคงใช้ไม่ได้ผลจริงไหมถ้าคิดกันตามหลักแบบง่าย ๆ?

หลังจากคิดอยู่หลายตลบ อวี้ฮ่าวหรานก็ไม่ได้คำตอบสักที

เมื่อคิดไม่ออกเขาจึงออกไปข้างนอกและไปซื้อหนังสือเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจมาหลายเล่มเพื่อมาอ่านดู

หลังจากผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง อวี้ฮ่าวหรานใช้เนตรเทวะจดจำเนื้อหาของหนังสือทั้งหมดเข้ามาในสมองเรียบร้อย

อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่ได้มันคือเขาแค่เพียงเข้าใจหลักการพื้นฐานเบื้องต้นในการบริหารธุรกิจเท่านั้น เพราะไอ้พวกคนเขียนหนังสือพวกนี้ต่างก็ไม่ได้มีบริษัทใหญ่เป็นของตัวเอง ดังนั้นรายละเอียดที่อยู่ในหนังสือจึงมีแต่ทฤษฎีพื้นฐานที่คนส่วนใหญ่พอจะนึกออกกันหมด หรือบางเล่มยิ่งเลวร้ายไปว่าคือมีแต่เนื้อหาที่เขียนแผนการทำธุรกิจแบบสุดโต่งซึ่งมันเอามาใช้ไม่ได้กับโลกแห่งความเป็นจริง

หลังจากรู้สึกจนใจอยู่สักพัก อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะนึกถึงหน้าของเฉิงกัวอันขึ้นมาในหัว

เฉิงกัวอันคือหนึ่งในนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จที่สุดในเมืองฮ่วยอัน ดังนั้นหากเขาไปขอคำแนะนำ มันคงจะดีกว่าการอ่านหนังสือที่ไร้สาระพวกนี้สักพันเล่มจริงไหม?

เมื่อตัดสินใจได้ อวี้ฮ่าวหรานพลันขับรถตรงไปหาเฉิงกัวอันที่บริษัททันที

ในออฟฟิศของเฉิงกัวอัน

“ฮ่าฮ่า น้องฮ่าวหราน วันนี้มาหาพี่มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ? ถ้ามีเรื่องอะไรหนักใจพูดออกมาได้เลย เฉิงกัวอันคนนี้จะแก้ไขให้น้องอย่างสุดความสามารถแน่นอน!”

จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างเฉิงกัวอัน รู้ดีว่าเขาจำเป็นต้องสุภาพกับอวี้ฮ่าวหรานให้มาก ๆ เพื่อให้ฝั่งตรงข้ามไม่ทิ้งเขาไปไหน ดังนั้นเขาจึงยอมแม้กระทั่งเรียกตัวเองเป็นพี่น้องทั้ง ๆ ที่อายุของพวกเขามันต่างกันถึงรุ่นลูก

อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานกลับรู้สึกแปลก ๆ เพราะอันที่จริงแล้วตัวเขาเองนั้นไม่ใช่คนอายุน้อย ๆ เลย เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าปีนี้เขามีอายุแบบเป๊ะ ๆ เท่าไหร่ แต่ไม่ว่ายังไงเขามีอายุไม่น้อยกว่า 3 หมื่นปีแน่นอน

ดังนั้นเมื่อถูกมนุษย์ธรรมดาเรียกว่าเป็นน้องเขาจึงรู้สึกตะขิดตะขวงใจเล็กน้อย แต่ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีที่เฉิงกัวอัน มีต่อเขา เขาจึงไม่ถือสาอะไรและปล่อยเลยตามเลย

“ที่ผมมาวันนี้เพราะผมอยากจะปรึกษาเรื่องการบริหารบริษัท ตอนนี้ผมมีบริษัทอยู่ในมือ 3 บริษัทที่ต้องดูแล ซึ่งผมเองไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนเลย ผมจึงไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นยังไง อ้อ และผมซื้อหนังสือมาอ่านหลายเล่มแล้ว ทว่าพวกมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นถามตรงประเด็นแบบไม่อ้อมค้อม

“ฮ่า! ถ้าเป็นเรื่องนี้ น้องฮ่าวหรานมาถามถูกคนแล้ว!” เฉิงกัวอันหัวเราะทันที

“เรื่องที่น้องฮ่าวหรานอ่านหนังสือพวกนั้นแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไรมันเป็นเรื่องปกติอย่าไปคิดอะไรมาก ไอ้พวกคนเขียนหนังสือพวกนั้นบางคนมันไม่มีบริษัทเป็นของตัวเองด้วยซ้ำพวกมันจะไปรู้อะไรได้ยังไง คนพวกนั้นมันก็ดีแต่โอ้อวดไปวัน ๆ”

อวี้ฮ่าวหรานเมื่อได้ยินเช่นนี้เขาก็พยักหน้าตาม เพราะเขารู้สึกแบบเดียวกันกับคำพูดของเฉิงกัวอัน

“หลายวันที่ผ่านมาสถานการณ์ภายในของบริษัทชงซานเป็นยังไงบ้างล่ะ?” เฉิงกัวอันเอ่ยถามขึ้นต่อ

แต่แล้วหลังจากอวี้ฮ่าวหรานอธิบายไปได้เพียงครู่เดียว จู่ ๆ เฉิงชิวอวี้ก็เปิดประตูและวิ่งพรวดเข้ามาในห้อง

สาเหตุที่เธอรีบเข้ามาในห้องไม่ใช่อะไรอื่น เธอเพิ่งได้ยินจากปากพนักงานในบริษัท ว่าอวี้ฮ่าวหรานเพิ่งเข้ามาหาพ่อของเธอ ดังนั้นเธอจึงรีบวิ่งมาหาเขาทันที

“เฮ้! ทำไมนายถึงเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนี้! หลังจากช่วยฉันเอาไว้ครั้งล่าสุดทำไมนายถึงไม่มาเยี่ยมฉันบ้างเลย!”

ในทันทีที่เฉิงชิวอวี้บุกเข้ามาในห้อง เธอก็พลันยิงคำถามเสียงดังใส่อวี้ฮ่าวหรานทันทีด้วยสีหน้าโมโห ราวกับว่าอวี้ฮ่าวหรานเพิ่งทำผิดต่อเธอครั้งใหญ่ยังไงยังงั้น

“หายเร็วดีเหมือนกันนี่”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มให้เธอเล็กน้อย เขารู้สึกโล่งใจอยู่เหมือนกันที่เห็นว่าตอนนี้ฝั่งตรงข้ามแข็งแรงดีแล้ว แถมอารมณ์ทุกอย่างยังกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมได้เรียบร้อย ไม่มีอาการหวาดกลัวจากเหตุการณ์ครั้งนั้นหลงเหลืออยู่

“ใช่ฉันหายดีแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะคุณฉันคงไม่มีวันมายืนอยู่ตรงนี้ได้ แต่ฉันอยากจะรู้ว่าทำไมหลังจากนั้นคุณถึงไม่มาเยี่ยมฉันบ้างเลย รู้ไหมว่าฉันรอที่จะตอบแทนคุณอยู่ตั้งนานสองนาน!”

เฉิงชิวอวี้บ่นขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ พร้อมกับเดินมานั่งลงที่โซฟาตัวเดียวกับที่อวี้ฮ่าวหราน นั่งอยู่ในตำแหน่งข้าง ๆ เขา

“พ่อก็ด้วย! หนูไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมพ่อถึงห้ามหนูไม่ให้ไปหาเขาเพื่อตอบแทนบุญคุณที่เขาช่วยหนูเอาไว้ พ่อไม่รู้รึไงว่าหนูอึดอัดใจ!”

เมื่อบ่นอวี้ฮ่าวหรานเสร็จ เฉิงชิวอวี้ก็หันไปแยกเขี้ยวใส่พ่อของเธอต่อ

“ฮ่าฮ่า ลูกสาวของพ่อคนนี้นี่ดุไม่เปลี่ยนไปเลยจริง ๆ ตั้งแต่เล็กจนโต ดูเหมือนว่าหากจะมีใครที่สามารถกำราบลูกสาวของพ่อได้คงมีแต่… น้องฮ่าวหรานคนเดียวแน่ ๆ!”

เฉิงกัวอันหัวเราะขึ้นพร้อมกับเหล่ตามองไปที่อวี้ฮ่าวหราน ราวกับว่าเขากำลังแนะนำลูกสาวตัวเองให้กับอวี้ฮ่าวหรานอยู่

“จริงสิน้องฮ่าวหราน อันที่จริงอวี้เอ๋อเองก็เป็นนักธุรกิจที่มีความสามารถรอบด้านเช่นกัน ตั้งแต่เด็กแล้วที่เธอคอยมาช่วยบริหารงานบริษัทแห่งนี้…”

หลังจากพูดจบประโยค เฉิงกัวอันก็เหล่ตากลับไปหาลูกสาวของตัวเองด้วยสายตาบอกใบ้อะไรบางอย่าง