ตอนที่ 185 ประตูอยู่ทางนั้น

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

ตอนที่ 185 ประตูอยู่ทางนั้น

จิ่งเป่ยเฉินเดินลงมาจากชั้นบน แน่นอนว่าเขาได้ยินคำพูดของหลินจือเซี๋ยวอย่างชัดเจน แต่ภายในห้องนั่งเล่นตอนนี้มีเพียงโหรวโหรวที่ถือแก้วน้ำยืนรอเขาอยู่

“จำเป็นไหมที่ต้องออกไปส่ง? ฉันคิดว่ามันไม่น่าจำเป็นเท่าไรนะ” เธอชี้ไปที่ประตูและพูดว่า “ประตูอยู่ทางนั้น!”

จิ่งเป่ยเฉินมองดูท่าทางของเธอที่ไม่สนใจไยดีและคิดจะให้เขาออกไป ก่อนจะเดินไปตรงหน้าเธอราวกับไม่ได้ฟังสิ่งที่เธอพูด “ไม่อยากไป หรือว่าเธอคิดจะไปกับฉัน?”

คิดจะให้เขาแยกทางในค่ำคืนแต่งงานแบบนี้ ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็คงเป็นเจ้าบ่าวที่น่าสังเวชที่สุดในโลก

“พรุ่งนี้ตอนเช้าถ้าหากว่าฉันไม่ได้เจอหน้าหน่วนหน่วนละก็ เธอคงร้องไห้แน่ ๆ” เธอพูดโดยไม่คิดจะใช้ตัวเอง แต่ใช้ลูกสาวของเขาเพื่อลองดูว่าเขาจะยอมไหม

“ที่แท้เธอก็กังวลเรื่องนี้นี่เอง จัดการได้ง่าย ๆ!” จิ่งเป่ยเฉินยื่นมือไปแย่งแก้วน้ำในมือของเธอ ก่อนจะอุ้มเธอและเดินออกไปข้างนอก

“นี่ นี่ นี่! จิ่งเป่ยเฉิน นายคิดจะทำอะไร? ปล่อยฉันลงไปนะ!” เธอตะโกนเสียงดัง ก่อนจะคิดได้ว่าพูดไปก็โน้มน้าวเขาไม่ได้อยู่ดี จึงกระซิบบอกไปว่า “หยางหยางยังไม่นอน ถ้าเขารู้ว่าฉันออกไป ความประทับใจในตัวนายของลูกยังจะมีอีกเหรอ?”

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปแบบเงียบ ๆ พรุ่งนี้เช้าจะได้มาส่งเธอให้ไว” เสียงฝีเท้าของเขาเบาลงมาก พอมองดูไปที่ใบหน้าของเธอที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อในสายตา ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็เอ่ยคำพูดที่เย็นเฉียบขึ้นว่า “เธอจะทนปล่อยให้เจ้าบ่าวอยู่คนเดียวในห้องที่ว่างเปล่าอย่างนั้นเหรอ?”

“ฉันทนได้ ถึงยังไงนายก็ไม่ได้อยู่คนเดียวอยู่แล้ว ฉันเองก็อยู่คนเดียว ฉันก็อยู่เป็นเพื่อนคนเดียวนายไง นายไม่ใช่คนเดียวแล้วนะ” เธอมองไปที่ประตูที่ค่อย ๆ ถูกเปิดออก

“งั้นพวกเราก็คิดเหมือนกัน พวกเราถือว่าเป็นคู่หูที่ใช้ได้” เขาอุ้มเธอออกจากประตู หลังจากนั้นก็ใช้เท้าขวาดันไปที่ประตูเพื่อให้มันปิดลง

“ออกกำลังกายก็พอประมาณนะ รู้ใช่ไหม? นี่ฉันคิดเพื่อร่างกายนายเลยนะ!” ถึงแม้ว่าเธอจะออกจากประตูแล้ว แต่เธอก็ยังคงดิ้นรนจนถึงที่สุด

เสี่ยวหยางเปิดประตูรถ ทั้งสองคนก็ได้เข้าไปนั่งข้างในอย่างรวดเร็ว เธอมองภาพที่อยู่ด้านนอก หัวใจก็ค่อย ๆ สงบนิ่งลง เหมือนว่าใจเธอไม่อยากออกไปเลยจริง ๆ

จิ่งเป่ยเฉินมองเธอนิ่ง ๆ ทันใดนั้นก็ดึงมือของเธอมากุมไว้และพูดว่า “พวกเราไปเดินเล่นที่ริมทะเลละกัน เดี๋ยวจะมาส่งเธอกลับ”

อันโหรวมองไปที่มือที่กุมอยู่บนมือของตัวเอง ก่อนจะค่อย ๆ วางใจลงและบอกไปว่า “นั่นสิ ตั้งแต่ที่ฉันกลับมาก็ไม่เคยไปดูทะเลเลย ไม่รู้ว่ามันจะสวยหรือเปล่า?”

จิ่งเป่ยเฉินมองหน้าเธอเงียบ ๆ และบอกไปว่า “แน่นอนเธอต้องสวยอยู่แล้ว”

“ฉันหมายถึงทะเล!”

“หรือว่าที่ฉันพูดไปไม่เทียบเท่าทะเลอย่างนั้นเหรอ?”

อันโหรวอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มและบอกไปว่า “ดูเหมือนคำตอบของนายจะไม่ใช่สิ่งที่ถามเลยนะ”

“ไม่น่ารักสักนิดเลยจริง ๆ” แต่เขาก็จับมือของเธอแน่นขึ้น “ตอนนี้เธอบอกกับฉันได้หรือยังว่าทำไมเธอถึงให้ร้ายฉันต่อหน้าลูกชายแบบนั้น?”

“นายกับลูซี่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันแบบนั้น เขาก็ต้องเห็นด้วยตาตัวเองสิ อีกอย่างข่าวเจ้าชู้ของนายก็มีอยู่เต็มไปหมด หรือว่านายจะไม่รู้เรื่องเลย?” อันโหรวมองเขาด้วยท่าทางที่รังเกียจ เพื่อหวังให้เขารับรู้ในสิ่งที่ตนเองทำ

“ฉันแน่ใจได้ว่าคืนนั้นลูซี่ไม่ได้แตะต้องแม้กระทั่งนิ้วของฉันเลยสักนิ้วหนึ่ง พวกเธอน่าจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ผิดไปนะ ไม่ก็มองผิด เพียงแต่ว่า……” เขาเขยิบเข้าไปหาเธอและก้มหน้าลงกระซิบที่ข้างหู “มีเรื่องหนึ่งที่แม่ของฉันจัดแจงนัดบอดกับผู้หญิงที่เป็นใครก็ไม่รู้ ฉันเองก็ไม่รู้เลยสักนิดเดียว เธอจะปล่อยให้ฉันรู้สึกผิดจนตายอย่างนั้นเหรอ แบบนี้ไม่ยุติธรรมกับฉันเลยนะ”

“ฉันจะไปรู้ได้ไงว่ามันเป็นเรื่องที่ผิด!” เธอเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน จึงไม่ได้สนใจเรื่องข่าวของเขาเป็นพิเศษ รวมถึงไม่ได้มีเวลามานั่งดูว่าอันไหนข่าวปลอม อันไหนข่าวจริง

เธอเอ่ยออกมาด้วยท่าทีที่แข็งกร้าว! เรื่องพวกนี้เขาก็มีส่วนผิดจริง ๆ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องพวกนี้กับเธอ

เขาเขยิบออกจากเธอ ก่อนจะยิ้มและพูดไปว่า “จำไว้ด้วยว่าอยู่ต่อหน้าลูกชาย ช่วยกู้ชื่อให้ฉันบ้าง”

เธอพยายามเบี่ยงตัวไปทางด้านข้าง เพื่อให้ห่างจากเขาสักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “ไม่รับผิดชอบเอาซะเลย ตัวเองสร้างปัญหาแท้ ๆ แต่กลับไม่รู้วิธีแก้ไขจนต้องพึ่งคนอื่น เรื่องนี้ต่อให้ฉันพูดจนปากฉีกปากยังไงก็ไม่ได้ผลหรอก!”

ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อเขา เพราะหลังจากทำงานด้วยกันมาสักพักหนึ่งแล้ว นอกจากลูซี่ที่เคยเผชิญหน้ากันมาก่อน เธอก็ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนอื่นอีกเลย

เพียงแต่นอกจากนี้แล้ว เขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงที่มาอยู่ตรงหน้าเขานั้นเป็นใคร เรื่องนี้ก็พอคาดเดาได้!

จิ่งเป่ยเฉินใช้แรงเล็กน้อยดึงเธอให้เอนตัวเข้าใกล้ ๆ ก่อนจะประคองหยกหอมที่งดงามให้ซบลงตรงอกและพูดขึ้นว่า “ได้ ฉันจะจัดการเอง”

แต่เดิมเธอเป็นคนที่แข็งขืนได้ง่ายอยู่แล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแบบนั้น เธอเองก็รู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย

เธอหาตำแหน่งบนตัวเขาเพื่อพิงให้สบาย ๆ ก่อนจะพูดไปว่า “หยางหยางยอมรับเหตุผลเหมือนกับนาย ก่อนหน้านี้ฉันเผลอบอกไปว่านายเป็นพวกไม่ชอบเด็ก ชอบมีนิสัยตีเด็กด้วย”

“อะ…..” เธอเงยหน้าถลึงตาใส่เขา ทันทีที่เธอพูดแบบนั้นก็ถูกฝ่ามือของเขาตีลงบนต้นขาของเธอ “นายตีฉันทำไม?”

แน่นอนเธอรู้ว่าตัวเองพูดไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องเขาเยอะ ทั้งยังบอกว่าเขาเป็นพวกชอบตีเด็ก ผู้หญิงคนนี้สงสัยไม่ได้ถูกสั่งสอนมาสินะ

จิ่งเป่ยเฉินก้มหน้าลงและมองเธอด้วยรอยยิ้มภายใต้ดวงตาสีดำของเขา “ฉันไม่ตีเด็ก แต่จะตีเธอ”

“จิ่งเป่ยเฉิน นาย……” เธอกำมือแน่น ถลึงตาใส่เขาอย่างดุดัน ก่อนจะตัดสินใจก้มหน้าก้มตาไม่สนใจเขาอีก

เมื่อเห็นว่าเธอไม่พูดไม่จา เขาเองก็ไม่พูดเหมือนกัน รถที่ได้แล่นออกไปอย่างไม่เร่งรีบ ในที่สุดก็ค่อย ๆ ออกจากชานเมืองและมุ่งหน้าไปยังชายหาด

หน้าต่างฝั่งเธอถูกเปิดออกเพื่อรับลมทะเลเค็ม ๆ ที่ใกล้เข้ามา ได้กลิ่นน้ำทะเลที่พัดมาตามสายลม ที่ที่คุ้นเคยก่อนหน้านั้น ตั้งห้าปีแล้วกลับไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป

หลังจากที่รถหยุดลง พวกเขาก็ลงจากรถ เธอเดินไปแค่หนึ่งก้าว จิ่งเป่ยเฉินก็โอบเอวของเธอและเดินไปด้วยกัน ตอนนี้ที่ริมชายหาดมีผู้คนเดินอยู่เป็นจำนวนน้อยมาก เงาคนสองคนภายใต้แสงไฟสลัว ๆ ค่อย ๆ ยื่นยาวออกไป

เมื่อเข้าใกล้ทะเลมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ได้ยินเสียงคลื่นซัดเข้าหาชายฝั่งอย่างชัดเจน

สายลมทะเลที่พัดผ่านมายังตัวเธอ ส่งผลให้เส้นผมของเธอพลิ้วไหว เธอกำลังจะยกมือขึ้นเพื่อทัดหู แต่คนที่อยู่ด้านข้างก็ทัดผมให้เธอแทนด้วยความรวดเร็ว

เธอไม่สนใจหัวใจที่เต้นรัว ๆ ก่อนจะเอ่ยยิ้มและถามไปว่า “นายมักจะมาเดินเล่นที่นี่บ่อยเหรอ?”

“ก็ไม่บ่อยหรอก เดือนละครั้ง” เสียงของเขายังคงแผ่วเบาท่ามกลางคลื่นที่ซัดและสายลมที่พัดผ่านในราตรีที่มืดมิดราวกับว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่มากพอ ๆ กับคลื่นที่ถูกพัดมาจากที่ไกล ๆ

เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังประภาคารที่สว่างไสวในที่ไกล ๆ เธอจากที่นี่ไปห้าปีก่อนหน้านั้น เขาเลยกลับมาเป็นครั้งคราว เพราะหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะได้พบเธอ ณ ที่แห่งนี้

และเขาโชคดีมาก ที่ในที่สุดเธอก็กลับมา

และตอนนี้ก็ยืนอยู่ข้างเขา เป็นภรรยาของเขา…

หัวใจของเขานั้นรู้สึกพองโตมากกว่าเดิม

“คิดว่าตัวเองมีประจำเดือนหรือไง!” ถึงได้มาเดือนละครั้งแบบนี้!

“อันนั้นน่าจะเหมาะกับเธอมากกว่านะ” จิ่งเป่ยเฉินหันไปจับมือเธอ “ไปกันเถอะ ฉันจะไปส่งเธอเอง!”

ระหว่างทางกลับบ้าน แม้เสี่ยวหยางจะขับรถเร็วขึ้น แต่เธอที่ไม่อาจฝืนรั้งไว้ ในที่สุดก็ผล็อยหลับไปบนรถ

หลินจือเซี๋ยวที่สวมชุดนอนอยู่เมื่อจิ่งเป่ยเฉินอุ้มอันโหรวกลับมา เธอก็ไม่รู้จะเอ่ยอะไรดี

บิ๊กบอสคนนี้เปลี่ยนเป็นคนละคนแล้วเหรอ เป็นพวกกินเนื้อเข้าปากและคายออกมาแล้วหรือนี่!

เพียงแต่ว่าจิ่งเป่ยเฉินไม่ได้สนใจเธอเท่าไร เขาวางอันโหรวลงบนเตียง และเดินออกไปราวกับเมฆที่เคลื่อนที่เร็วไปมา

อันโหรวหลับไปโดยไม่คาดคิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็เห็นพวกเขากำลังกินข้าวเช้ากันอยู่

“แม่จ๋า!” หยางหยางและหน่วนหน่วนพร้อมใจกันตะโกนเรียก

“ลูกรัก เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหม?” เธอไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องจิ่งเป่ยเฉินที่อุ้มเธอกลับมา เธอขอเพียงแค่ว่าเมื่อวานเป็นแค่ความฝันก็พอแล้ว