บทที่ 118 พยานพร้อมสรรพ

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 118

พยานพร้อมสรรพ

“ถ้าไม่ใช่เจ้า แล้วทำไมตอนที่ข้าตื่นมา….” ซูอวิ๋นโยวนั้นยังไม่พูดไม่จบ แต่ผู้คนต่างก็สามารถเข้าใจได้ทันที

“แม่นางซูนั่นไม่ใช่ข้าจริงๆ ตัวข้านั้นได้ถูกช่วยเอาไว้แล้วถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลหุยชุน” เยี่ยจุนเจี๋ยกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจังมาก

เยี่ยจุนเจี๋ยนั้นไม่สามารถบอกได้ว่าใครที่ช่วยเขา เพราะเขากลัวว่าจะนำพาปัญหามาให้แก่ลูกพี่ลูกน้องของเขา คนที่เขาไม่เคยติดต่อเลยได้

“ไม่มีทาง เจ้าโกหกข้า” ซูอวิ๋นโยวนั้นยังไม่เชื่อและไม่อยากที่จะเชื่อด้วย

ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่เยี่ยจุนเจี๋ยแล้วจะเป็นใครไปได้? นางไม่อยากยอมรับว่าจะมีคนอื่นอีก

หลินซีเหยียนยืนด้านข้าง ด้วยแววตาที่ไม่พอใจในดวงตาของนาง นางนั้นสามารถดูออกได้ว่าผู้หญิงที่อยู่นางนั้นต้องการเยี่ยจุนเจี๋ยเสียให้ได้

นางจึงได้ยืนขึ้นมาแล้วกล่าว “แม่นางซู พี่เยี่ยนั้นพูดความจริง เพราะข้าเป็นคนช่วยเขาเอง

“พวกเจ้าเป็นพวกเดียวกัน ก็อาจจะช่วยกันโกหกข้าก็ได้” คำกล่าวที่เสียดแทงจิตใจของหญิงสาวคนนี้นั้นทำให้ผู้คนรู้สึกแย่ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

แต่หลินซีเหยียนเองก็ไม่คิดว่า ซูอวิ๋นโยวนั้นจะมาถึงจุดนี้แล้ว ซึ่งพูดได้ว่าในเวลานี้นางกำลังผูกมัดตัวนางเองอยู่ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจนัก

“ข้าไม่ได้โกหก ถ้าท่านราชครูไม่เชื่อ ก็ส่งคนไปที่โรงหมอหุยชุนเพื่อถามไถ่ได้” เยี่ยจุนเจี๋ยกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ในเวลานี้ราชครูนั้นเริ่มที่จะเชื่อเรื่องนี้ขึ้นมา และเรื่องนี้เกี่ยวพันกับชื่อเสียงของลูกสาวเขา ดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่อย่างการตรวจสอบ เขาจึงได้คิดที่จะออกจากจวนท่านแม่ทัพไป

“ท่านแม่ทัพเจิ้นกว๋อ ข้าหวังว่าท่านจะเก็บเรื่องนี้ในวันนี้เอาไว้เป็นความลับ” หลังจากที่ราชครูกล่าวจบ เขาก็ได้พาซูอวิ๋นโยวที่ขัดขืนกลับออกไปด้วยก้าวเท้ายาวๆ

ซูอวิ๋นโยวก็ได้มองไปที่เยี่ยจุนเจี๋ย ผู้ที่ห่างไกลจากนางไป ด้วยสายตาที่สิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆ นางนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ได้ ทั้งๆที่นางน่าจะได้แต่งกับพี่เยี่ยของนางทันทีแท้ๆ

ดวงตาของนางนั้นได้ดำมืดมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของหลินอวิ๋นเซวียน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเรื่องก็คงไม่เป็นเช่นนี้

หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่สายตาที่ชิงชังของซูอวิ๋นโยว และลูบจมูกของนางอย่างช่วยไม่ได้ นางถูกเกลียดงั้นเหรอ? ทั้งๆที่นางไม่ได้ทำอะไรผิดแท้ๆ!

หลังจากที่ซูอวิ๋นโยวไป ชายชราก็ได้โล่งอกขึ้นมา

“โชคดีที่ข้ายังไม่ได้ตอบตกลงไป ไม่อย่างนั้นจวนแม่ทัพของเราคงได้เสียชื่อเสียงแน่” ชายชราถอนหายใจ ถึงแม้เขาจะคิดว่าได้ลูกสาวของราชครูนั้นเป็นเด็กดีมากก็เถอะ

เยี่ยจุนเจี๋ยแล้วก็ลุกขึ้นมาแล้วมองไปที่หลินอวิ๋นเซวียนด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ในวันนั้นเจ้าช่วยข้าไว้จริงๆเหรอ?”

หากโกหกไปครั้งหนึ่งแล้วก็จำต้องโกหกไปอีกเรื่อยๆ ดังนั้นหลินซีเหยียนจึงได้ผงกหัว “เป็นข้าเอง หลังจากที่ช่วยเจ้าเสร็จข้าก็ออกไปทำธุระที่อื่นต่อ แล้วก็โรงหมอหุยชุนนั้น หลินซีเหยียนเป็นคนเปิดเอง”

“เด็กน้อยคนนั้น ไปเรียนวิชาแพทย์มาตั้งแต่เมื่อไร?” ชายชราผู้ใจกว้าง ก็ได้หันหน้ามาและลืมเรื่องเมื่อสักครู่ทิ้งไป

หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มและกล่าว “วิชาแพทย์ของแม่นางหลินนั้น ข้าเป็นคนสอนเอง”

ชายชราตกใจ แต่เขาก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมหมอผีผู้มีชื่อเสียงนั้น ถึงได้ช่วยเหลือหลานสาวของเขาขนาดนั้น แม้แต่วิชาแพทย์ก็ยังสอนให้

ซึ่งคำถามนี้ชายชรานั้นคิดว่าไม่เป็นเรื่องฉลาดนักที่จะถามออกไป เพราะในสายตาของเขานั้นหากว่าเด็กคนนั้นได้แต่งกับชายที่อยู่ตรงหน้าเขา หลินอวิ๋นเซวียนผู้ที่ตัวเขาพึงพอใจแล้วล่ะก็ มันคงจะเป็นตัวเลือกที่ดีเลย

เมื่อหลินซีเหยียนพบว่ากำลังจะค่ำแล้ว เขาจึงได้เตรียมที่จะกลับ แต่ทันทีที่เขากำลังจะออกประตู เขาก็ชนเข้ากับคนคนหนึ่ง

“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?” หลินซีเหยียนจับมือของคนคนนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่นางนั้นจะหล่นลงไปกองกับพื้น

เยี่ยชีหว่านก็หน้าแดงและกล่าว “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”

จากนั้นเมื่อนางมองไปที่หลินซีเหยียนด้วยใบหน้าที่แดงแล้ว นางนั้นไม่คาดคิดว่าตัวนางกับคุณชายที่อยู่ตรงหน้านางนี้จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันในวันนี้ถึงสองครั้ง

บางทีสายตาของนางนั้นชัดเจนมากเกินไป หลินซีเหยียนจึงได้รีบปล่อยมือจากนางโดยไม่รู้ตัว

“คุณชาย ท่านคือคนที่ท่านปู่ยกให้เป็นหลานทูนหัวอย่างนั้นเหรอ?” แล้วเยี่ยชีหว่านก็นึกหัวข้อสนทนาขึ้นมาได้

หลินซีเหยียนก็ได้ผงะเล็กน้อยและเว้นระยะกับตัวนางเอาไว้ แล้วบอกด้วยเสียงราวกระซิบกระซาบ “แม่นาง ข้ายังมีธุระต้องไปทำ ข้าขอตัวก่อน”

“คุณชายนี่ยังไม่ค่ำเลย ทำไมท่านไม่อยู่ที่นี่แล้วรับประทานอาหารร่วมกันสักมื้อก่อนล่ะเจ้าคะ?” หลังจากที่ในที่สุดก็ได้พบกันและมีโอกาสที่จะได้พูดคุยกันทั้งที นางจะปล่อยให้หลินซีเหยียนไปง่ายๆได้อย่างไร

ในขณะที่นางกำลังจะเอื้อมมือไปจับหลินซีเหยียนนั้นเอง เสียงของชายชราก็ได้ดังขึ้นมา “ชีหว่าน เจ้าอย่าวุ่นวายให้มากนัก”

เยี่ยชีหว่านก็ได้บิดริมฝีปากแล้วยืนอยู่กับที่อย่างสงบ

สุดท้ายหลินซีเหยียนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากเมินนางและออกจากจวนไป

ระหว่างทางหลินซีเหยียนก็ได้นึกไตร่ตรองตัวนางเอง เป็นเพราะเสน่ห์ของนางนั้นมีมากเกินเสียจนมีคนมาชอบทั้งผู้ชายและผู้หญิงเลยงั้นเหรอ? แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ

ระหว่างทางเดินไปยังจวนมหาเสนาบดี หลินซีเหยียนนั้นกำลังใจลอยเพราะกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ทำให้นางไม่ทันได้รู้สึกตัวว่ามีคนกำลังสะกดรอยตามนางมาอยู่

แล้วในตอนนั้นเองก็ได้มีผ้าเช็ดหน้าที่มีกลิ่นยาได้มาปิดปากและจมูกของนาง นางนั้นดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นเชี่ยวชาญด้านวรยุทธเช่นกัน นางจึงได้หมดสติไปในที่สุด

ในชั่วขณะที่นางหมดสติไปนั้นเอง นางก็ได้คิดว่าใครกันที่มาลักพาตัวนาง? ฮูหยินอวี้? หลินหัวเยว่?

ไม่สิ ในเวลานี้ตัวนางเป็นผู้ชายอยู่ หรือว่าจะเป็นคนของกว๋อกงจิ่งหยางที่ยังแค้นนางไม่ยอมไปรักษาเฮ่อเหวินจาง? หรือว่าจะเป็นคนที่นางสร้างปัญหาไปอย่างราชครู?

อนิจจา มันเป็นเรื่องไม่ดีเลยจริงๆถ้าหากมีศัตรูมากเกินไป ถ้านางถูกลักพาตัวไปจะเดาว่าเป็นฝีมือใครก็ยังเดาไม่ได้เลย นางจึงได้แต่หวังว่าจะยังไม่ตายและมีโอกาสได้เห็นพระอาทิตย์พรุ่งนี้

ส่วนผู้ที่คอยสะกดรอยตามนางอย่างอันซานและอันซื่อนั้น เมื่อพบว่าหลินซีเหยียนนั้นอยู่ในอันตราย ก็ได้รีบที่จะตามไปช่วยนาง แต่ทว่าฝ่ายตรงข้ามเองก็เหมือนจะเตรียมการเอาไว้เป็นอย่างดีและขาดแคลนกำลังคนที่จะจัดการได้

พวกเขานั้นถูกหยุดโดยใครบางคนเสียก่อน ทำให้พวกเขาไม่มีทางที่จะไปช่วยนางได้ในทันที หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้รีบกลับไปรายงานให้เจียงหวายเย่ทราบ

ณ พระราชวังรัตติกาล เจียงหวายเย่ที่ได้ทราบข่าวก็ได้เริ่มลงมือออกตามหานางทันที แต่ทว่าเงื่อนงำที่มีอยู่มันจำกัดนัก พวกเขาจึงไม่สามารถระบุได้เลยว่าใครกันแน่ที่เป็นคนลงมือ

“ยังไม่ตายสินะ?” แล้วเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัยก็ดังขึ้นมา

“ไม่ต้องกังวลไป เจ้ายังไม่ตายหรอก” เสียงของคนที่ตอบกลับมานั้นเย็นชามากราวกับเครื่องจักรที่ไร้อารมณ์

หลินซีเหยียนนั้นมีร่างกายที่ทนทานต่อยาพิษต่างๆ จึงได้ตื่นขึ้นมาก่อนเวลา ตอนแรกนางคิดที่จะทำเป็นหลับต่อแล้วจากนั้นก็วางแผนที่จะหนีในใจของนาง

แต่ก็กลับให้ผลตรงกันข้าม เพราะชายคนนั้นไม่ให้เวลานาง แล้วนางก็ได้ถูกลากไปผูกติดกับเครื่องทรมาน แล้วจากนั้นก็ได้สายน้ำเย็นเฉียบราดใส่นาง

หนาวเย็นเสียจนเหมือนถูกเข็มยาวๆแทงทะลุผ่านผิวหนังอย่างไรความปรานีจนทะลุไปถึงไขกระดูก แล้ว หลินซีเหยียนจึงได้ทำเป็นตื่นขึ้นมา

“เป็นเจ้านี่เอง!”

หลินซีเหยียนมองไปที่ราชครูซูที่อยู่ตรงหน้านางอย่างช่วยไปได้ และถอนหายใจในใจของนางทำสิ่งใดให้ผลสิ่งนั้นจริงๆ?

ไม่นึกเลยว่าผลของมันจะตามมาเร็วโดยที่นางไม่ทันได้ตั้งตัว!

ราชครูนั้นก็เหมือนปิดความมีเหตุมีผลไปแล้ว เขาถือแส้ขึ้นมาในมือของเขาแล้วฟาดหลินซีเหยียนอย่างเงียบๆ

ความเจ็บปวดแสบร้อนที่ตัวของนางก็ได้ทำให้ หลินซีเหยียนถึงกับก่นด่า “นี่เจ้าใส่อะไรลงไปในแส้เนี่ย?”

การตอบสนองของนางได้ให้ราชครูพึงพอใจขึ้นมา แล้วราชครูก็ได้กล่าว “แส้นี้อาบเซียงเหาะเช่าเอาไว้ ข้ารู้ว่าเจ้านั้นเชี่ยวชาญการรักษาคน ดังนั้นข้าคงไม่ต้องอธิบายผลของมันให้มาก!”