บทที่ 119 เซียงเหาะเช่า

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 119

เซียงเหาะเช่า

เซียงเหาะเช่าคือสมุนไพรพิษชนิดหนึ่ง ไม่มีผลในการรักษาใดๆ หากถูกแผลสดก็จะเป็นหนอง เมื่อคิดเช่นนี้ หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่ราชครูด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

นางนั้นไม่นึกฝันเลยว่าราชครูนั้นจะโรคจิตเช่นนี้ ดูเหมือนว่านางคงจะถูกทรมานจนตายแน่

อย่างที่เคยมีคนกล่าวไว้ว่า วีรชนที่ไม่รู้จักความเจ็บปวดย่อมพ่ายแพ้ ดังนั้นหลินซีเหยียนจึงได้กล่าวอย่างไตร่ตรอง “ท่านราชครู ท่านเป็นถึงขุนนางผู้ใหญ่ แต่ทำไมถึงได้ใช้วิธีที่โหดร้ายเช่นนี้? ปล่อยข้าไปเถอะ แล้วมาคุยกันดีๆ”

หลินซีเหยียนพยายามทำตัวสงบเสงี่ยมที่สุด นางนั้นไม่หวังให้ราชครูปล่อยตัวนางไป นางหวังแค่ว่าตัวนางจะเจ็บปวดไม่มากนัก

อย่างไรเสียนางก็เป็นแค่ปุถุชนธรรมดา ย่อมกลัวความลำบากและความเจ็บปวด

ราชครูก็ตกใจกับความไร้ยางอายของหลินซีเหยียน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงแปลกๆ “ปล่อยเจ้าไปงั้นเหรอ? เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปทั้งๆที่เจ้าทำให้อวิ๋นโยวเป็นแบบนั้นงั้นเหรอ?”

หลินซีเหยียนเองก็รู้อยู่แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่นางก็ยังพอจะมีความหวังอยู่

ราชครูซูก็ได้ฟาดแส้ลงไปอีกครั้ง ในคราวนี้หลินซีเหยียนกลับใจแข็งมากและไม่ส่งเสียงออกมาสักแอะ ราวกับว่านางนั้นไม่ได้ถูกทำร้าย

ถ้าไม่ใช่เพราะริมฝีปากที่แสดงถึงความพ่ายแพ้ และเหงื่อที่ไหลออกมาเต็มหน้าผากแล้ว ราชครูซูก็คงคิดว่านางนั้นไม่รู้สึกเจ็บปวด

หลินซีเหยียนได้พยายามใช้นิ้วมือล้วงไปในแขนเสื้อตอนที่ไม่มีใครสนใจ ซึ่งมีมีดซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของนาง นางนั้นจะมานั่งอยู่เฉยๆแล้วรอให้คนมาช่วยไม่ได้

“ท่านราชครู ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ข้าก็แค่พูดความจริงนิดหน่อยเท่านั้น ท่านอย่าทำร้ายข้าเลยปล่อยข้าไปเถอะ!”

เสียงของหลินซีเหยียนนั้นแฝงด้วยความอ่อนแอ แต่จิตวิญญาณของนางยังคงเข้มแข็งดีอยู่ ซึ่งจริงๆแล้วนางทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเท่านั้น

ไม่นานนักนิ้วมือของนางก็ได้ล้วงไปหยิบมีดถึง แต่นางยังคงซ่อนมีดลับนั้นไว้ระหว่างนิ้วของนางและยังคงถือเอาไว้แบบนั้น

“ข้าแนะนำให้เจ้าอย่าคิดทำอะไรแผลงๆจะดีกว่า มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่เจ้าจะหนีไปจากที่นี่ได้ แต่ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปอีกวันสองวันก็ได้” สายตาของราชครูซูนั้นแหลมคมมาก ราวกับว่าเขานั้นสามารถที่จะมองการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของนางได้

ซึ่งทำให้หลินซีเหยียนรู้สึกแย่ขึ้นมา ในขณะที่นางนั้นรอหาจังหวะอยู่นานมากแต่ก็ไม่เห็นราชครูซูทำอะไรเสียที นางจึงได้ถอนหายใจออกมา แล้วดวงตาของราชครูซูก็ได้ทำตาน่ากลัวออกมา

ไม่นานนักราชครูซูก็เริ่มรู้สึกเหนื่อย แต่ในขณะที่ หลินซีเหยียนกำลังรู้สึกโล่งอกอยู่นั้นเองพวกเขาก็ได้เปลี่ยนคนกัน นี่มันแย่เกินไปแล้ว……

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หัวของหลินซีเหยียนก็ได้เริ่มหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการเสียเลือดอย่างมาก และแผลก็เริ่มเปิดเต็มตัว และเพราะพิษของเซียงเหาะเช่าทำให้แผลเริ่มมีอาการคันขึ้นมา นางจึงเดาว่าแผลเหล่านั้นคงจะเริ่มอักเสบแล้ว

นางที่เป็นถึงหมอผีผู้มีชื่อเสียง เป็นผู้นำด้านการแพทย์ กลับจะต้องมาตายเช่นนี้จริงๆเหรอ?

ไม่ได้ นางจะปล่อยให้เทียนเอ๋ออยู่คนเดียวไม่ได้ นางจะต้องหนีออกไปให้ได้

นางนั้นกัดปลายลิ้นเอาไว้อย่างใจเย็น เพื่อจะยังคงรักษาสติของตัวเองเอาไว้ แล้วจากนั้นก็หาเวลาเหมาะหนีออกไป

ณ เมืองหลวงในเวลา เจียงหวายเย่ก็ได้รับแจ้งเบาะแสที่น่าเชื่อถือมาว่าหลินซีเหยียนนั้นถูกราชครูซูจับตัวไป เขาจึงได้แอบไปที่จวนราชครูซูในยามดึก แต่แทนที่เขาจะพบหลินซีเหยียนกลับพบซูอวิ๋นโยวที่กำลังจะแขวนคอตัวเองแทน

เจียงหวายเย่ก็ได้คิ้วขมวดเมื่อเห็นเช่นนั้น แต่ก็ไม่มีแผนที่จะเข้าไปช่วย

“นายท่าน มีคนเป็นพยานได้ว่าเห็นรถม้าของราชครูซูออกไปจากเมืองหลวงในตอนมืดขอรับ” อันอี้ที่นอนราบไปกับชายคาของบ้านก็ได้แอบมารายงานให้เจียงหวายเย่ฟังอย่างระแวดระวัง

“ไปตามคนมาแล้วตามข้าไปที่นอกเมืองเพื่อไปตรวจสอบ ไม่ต้องพาคนของพระราชวังมา แต่ไปพาคนจากหอพันกลมา”

หลังจากนั้นสักพัก เจียงหวายเย่ก็ได้ควบม้าแล้วสวมหน้ากากสีดำน่ากลัวบนใบหน้าของเขา “ออกค้นหาให้ทั่วทุกที่ อย่าให้มีจุดที่น่าสงสัยเล็ดลอดไปได้ หากว่าพบแล้วให้จุดพลุสัญญาณ”

ซึ่งมีคนมามากว่า 20 คนจากหอพันกลที่เรียกตัวมาเป็นการด่วน แล้วแยกย้ายกันออกค้นหาบนหลังม้า

เจียงหวายเย่เองก็ได้เลือกทิศทางหนึ่งแล้วควบม้าท้าสายลมยามค่ำคืนที่หนาวเย็น หูของเขาคอยเงี่ยหูฟังอย่างต่อเนื่อง ดวงตาของเขาก็มองไปรอบๆอย่างตั้งใจ

แล้วหมอพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในร้านชาแห่งหนึ่งก็ได้รับทราบข่าวนี้มาเช่นกัน แล้วหลงเยว่ก็ได้รีบส่งคนไปยืนยันข่าวนี้ แล้วจากนั้นก็เริ่มส่งคนออกไปช่วย

ในค่ำคืนที่เงียบสงบนี้ มีคนมากมายที่เริ่มออกเคลื่อนไหวไปทั่ว

“หวังว่านางจะไม่เป็นไร” เพราะหลงเยว่นั้นต้องการที่จะควบคุมสถานการณ์นี้ทั้งหมด นางจึงไม่สามารถออกไปร่วมค้นหาด้วยได้ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกโทษตัวเองอย่างมาก และหวังว่าหลินซีเหยียนนั้นจะไม่เป็นอะไร

ณ บ้านร้างแห่งหนึ่งนอกเมือง มีเสียงแส้ฟาดดังขึ้นมาเป็นช่วงๆ แล้วจากนั้นก็มีชายวัยกลางคนเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น ซึ่งคนนั้นก็คือราชครูนั่นเอง

ราชครูได้พูดอะไรบางอย่างกับคนที่เดินมาส่งเขา แล้วจากนั้นก็เดินจากไป

ราชครูซูก็ได้หลับตาลงบนรถม้า แล้วเขานั้นก็วางแผนว่าจะใช้ซูอวิ๋นโยวอย่างไรดีเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด

แล้วเหล่าคนที่ออกค้นหาไปทั่วนั้นก็พบรถม้าของราชครูซูเข้า พวกเขาก็ได้แกะรอยไปตามทิศทางที่ราชครูออกมา แล้วจากนั้นก็ได้จุดพลุสัญญาณ

เจียงหวายเย่ที่เห็นพลุก็ได้รีบขี่ม้าไปทางนั้นทันที

ใกล้บริเวณนั้น เจียงหวายเย่กับพรรคพวกก็พบบ้านร้างหลังหนึ่งและแอบลอบเข้าไป ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในนั้นเลย แล้วตัวของเจียงหวายเย่ก็ได้ปล่อยบรรยากาศที่หนักอึ้งออกมา

แล้วในตอนนั้นเองก็ได้มีคนเข้ามารายงาน “เรียนท่านประมุขหอ มีบ้านร้างอีกหลังไม่ไกลจากที่นี่ คนของเราพบคนน่าสงสัยอยู่ที่นั่นด้วยขอรับ”

“พาข้าไปที่นั่น” เจียงหวายเย่ก็ได้กล่าวด้วยเสียงที่แหบแห้ง

เมื่อเจียงหวายเย่ได้ลอบเข้าไปที่บ้านหลังนั้น เมื่อทำการลอบแอบดูก็พบว่าหลินซีเหยียนอยู่ที่นี่จริงๆ เขาจึงได้ส่งสัญญาณให้คนหนึ่งทำการเจาะหน้าต่างเป็นรูเล็กๆแล้วปล่อยเอาควันบางอย่างเข้าไปข้างใน

จากนั้นมีเสียงที่เย็นชาสั่งการดังมาจากในห้องนั้น “ไม่ได้การ ควันนี่มัน”

กว่าพวกเขาจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว ควันนั้นได้ลอยเข้าไปในร่างกายพวกเขาแล้ว ต่อให้พวกเขาพยายามฝืนมากเพียงใดสุดท้ายพวกเขาก็ได้สลบไปอยู่ดี

เจียงหวายเย่ก็ได้รีบผลักประตูเข้าไปอย่างร้อนรน แต่แล้วสภาพที่เขาเห็นในห้องนั้นทำให้ดวงตาของเขาแดงฉาน แล้วบรรยากาศรอบตัวเขานั้นก็น่ากลัวอย่างสุด

แล้วก็สั่งการด้วยเสียงที่เบาและเศร้าใจออกไป “อย่าให้ใครรอดไปได้”

เขาก็ได้ไปแก้เชือกให้หลินซีเหยียนที่ผู้ติดอยู่กับเครื่องทรมาน หลินซีเหยียนก็ได้ลืมตาขึ้นมา แล้วจากนั้นก็พบใบหน้าที่หล่อเหลาของเจียงหวายเย่

“ท่านนี่เอง” หลังจากพูดจบหลินซีเหยียนก็ได้สลบไป แม้แต่มีดที่นางซ่อนเอาไว้ที่นิ้วมือก็ได้ร่วงลงพื้นมาด้วย

เจียงหวายเย่ก็ได้อุ้มหลินซีเหยียนอย่างระมัดระวังด้วยความกลัวว่าจะไปโดนแผลของนาง เขาพาตัวหลินซีเหยียนออกมาแล้วเตรียมที่จะกลับ แต่แล้วเขาก็พบว่าสีหน้าของ หลินซีเหยียนนั้นมีอาการผิดปกติ

เมื่อเขาจับไปที่หน้าผากของนาง ก็พบว่าผู้ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขานั้นเป็นไข้สูงมาก

เจียงหวายเย่จึงได้คิ้วขมวดแล้วปรากฏแววตากระหายเลือดขึ้นมาในดวงตาของเขา

“อันอี้ไปตามรุ่ยเหยียนมา ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ต้องพาเขามาให้ได้”

รุ่ยเหยียนนั้นเป็นหมอพิเศษประจำหอพันกล ถึงแม้ว่าความสามารถของเขานั้นจะไม่ดีเท่าหลินซีเหยียน แต่ความสามารถของเขาก็โดดเด่น เสียแต่ว่าเขานั้นชอบเล่นตัวไม่ยอมรักษาใครง่ายๆ

อันอี้นั้นเกรงว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะพาเขามา แต่ถ้าเพื่อพระชายาและเพื่ออนาคตที่มีความสุขขององค์ชายแล้ว ต่อให้เป็นไปไม่ได้เขาก็จะต้องทำให้ได้