บทที่ 117 ไม่ต้องหวาดกลัวอีก

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

หยดน้ำที่ไหลผ่านผิวของเซียวเยี่ยนราวกับมันนำพาความอบอุ่นจากร่างกายของเขามาด้วย ท่ามกลางสติสัมปชัญญะอันสะลึมสะลือของหลินชิงเวยนางรับรู้ได้ถึงกระแสความอบอุ่นนั้น

หลินชิงเวยอาเจียนน้ำออกมาหลายคำ เซียวเยี่ยนจึงกดอีกหลายครั้ง กดหลายครั้งพร้อมกับเป่าลมหายใจเข้าไปในปาก

ความรู้สึกและสติสัมปชัญญะที่หลุดลอยออกจากร่างราวกับรับรู้ได้ถึงน้ำหนัก เมื่อกลับเข้ามาสู่ร่างกายของหลินชิงเวยอีกครั้ง นางรับรู้ได้ว่าร่างกายของตนเหน็บหนาวยิ่งยวด และรับรู้ได้ว่าลมหายใจของเซียวเยี่ยนอบอุ่นยิ่ง ลมหายใจอันอบอุ่นนั้นไหลผ่านเข้ามาในปากของตน ผ่านอวัยวะภายในตันทั้งห้าและอวัยวะกลวงทั้งหก ปลอบประโลมความหวาดกลัวและความเหน็บหนาวของตน

เมื่อนางลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาคู่นั้นหรี่ปรือเหลือเพียงเส้นด้ายสองเส้น ดวงตาคู่นั้นราวกับเต็มไปด้วยดวงดาว ระยิบระยับแทบจะเอ่อล้นออกมาจากดวงตาคู่นั้น

ทั้งที่เป็นเช่นนี้ก็มิอาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นสีหน้าท่าทางเซียวเยี่ยนของนาง

คิ้วคู่นั้นราวกับถูกย้อมด้วยหมึกสีดำ สายลมยังไม่ได้พัดให้หยดน้ำที่เกาะอยู่เหือดแห้งไป

เส้นผมเปียกชุ่มของเขาตกลงมาบนหัวไหล่ ปลายเส้นผมแนบติดไปกับลำคอของนาง

หัวใจดวงหนึ่งเต้นตุบๆ อยู่ในทรวงอก เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง หลินชิงเวยรับรู้ได้ว่านางเกรงว่านางคงหนีไม่รอดแล้ว

เซียวเยี่ยนพบว่าหลินชิงเวยได้สติแล้ว จึงช้อนตาขึ้นประสานสายตางงงงันคู่นั้นของนาง

หลินชิงเวยย่นคิ้วเดิมทีคิดจะยิ้มให้เขาแต่กลับหันหน้าไปด้านข้างอาเจียนน้ำออกมาคำใหญ่ มิน่าเล่าจึงรู้สึกว่าหนักท้องเหลือเกิน ในท้องเต็มไปด้วยน้ำ ดูท่าแล้วนางกินน้ำเข้าไปไม่น้อย

หลินชิงเวยหอบหายใจ ผมหน้าม้าของนางเป๋ไปด้านข้าง ปรากฏให้เห็นใบหน้าเรียวเล็กน่ารักสะอาดสะอ้าน นางกล่าวขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า “เกือบจะตายเสียแล้ว”

พูดออกไปแล้วกลับไม่ได้ผ่อนคลายอย่างที่คิด นางหลุบเปลือกตาลง ริมฝีปากยังคงมีรอยยิ้มบางๆ ที่ปนเปไปด้วยความรู้สึกขมขื่นเล็กน้อย

“ยังดีที่ท่านมา ทุกครั้งที่นางเอกมีอันตราย พระเอกล้วนต้องมาปรากฏอย่างทันท่วงทีใช่หรือไม่ หาไม่แล้วนิทานเรื่องนี้ก็ต้องจบลง” นางพูดอย่างอ่อนโยน ทว่ากลับรู้สึกได้ถึงความรู้สึกสมเพชเวทนาจางๆ ในนั้นได้

สายลมโชยมา หลินชิงเวยพูดเสียงแหบพร่า “เซียวเยี่ยน ข้าหนาวเหลือเกิน”

เวลานี้องครักษ์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้ยินเสียงแล้วจึงมุ่งหน้ามาทางนี้อย่างรีบเร่ง

เซียวเยี่ยนได้สติก้มหน้าลงมองคนในอ้อมกอด เขาอุ้มนางขึ้นมาแล้วเดินออกไปจากศาลา

หลินชิงเวยขดร่างอยู่ในอ้อมกอดของเขา เขาเดินออกจากศาลากลับไปริมฝั่งเมื่อสักครู่ ก้มหน้ามองชิงหลันที่ทุกข์ทรมานอยู่บนพื้น แขนเสื้อยาวๆ นั้นกวาดมันเข้ามาในแขนเสื้อ จากนั้นใช้วิชาตัวเบาส่งนางกลับไปอย่างรวดเร็ว

ความหวาดกลัวก่อนหน้านั้นค่อยๆ บรรเทาเบาบางลง นางไม่เคยรู้สึกปลอดภัยเช่นนี้มาก่อน

หลังจากกลับมาถึงตำหนักฉางเหยี่ยน เซียวเยี่ยนหลีกเลี่ยงสายตาของนางกำนัลตรงเข้าไปยังเรือนด้านในของหลินชิงเวย คิดไม่ถึงว่ากลับพบกับซินหรูที่นอนไม่หลับ นางกำลังยืนอยู่ในลานเรือนภายใต้แสงจันทร์มองเซียวเยี่ยนอุ้มหลินชิงเวยกลับมาตาค้าง

เมื่อวานมีงานเลี้ยงในวังยามกลางคืน หลินชิงเวยไปร่วมงานเลี้ยงจึงสั่งให้ซินหรูไม่ต้องรอนาง คิดไม่ถึงว่าทันทีที่ซินหรูนอนหลับหลินชิงเวยก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว คืนนี้นางไหนเลยจะเข้านอนอย่างวางใจได้

แต่เมื่อนางพบคนทั้งสองกลับมา สัญชาตญาณของซินหรูส่งเสียงบอกนางว่า ไม่สู้นางนอนหลับไปเลยจะดีกว่า คิดเสียว่ามองไม่เห็นอะไร

ขณะที่กะพริบตาเซียวเยี่ยนเดินเข้ามาใกล้แล้ว ซินหรูมองอย่างละเอียดพบว่าอาภรณ์ของคนทั้งสองล้วนเปียกชุ่ม ขณะที่เซียวเยี่ยนเดินผ่านร่างของนางเข้าไปในเรือน เขากล่าวเสียงเย็นว่า “ยังไม่ยกน้ำร้อนเข้ามาอีก”

ซินหรูหันหน้าออกวิ่งทันที

นางทำงานพวกนี้จนคล่องแคล่ว หิ้วน้ำถังหนึ่งคนเดียวอาจจะกินแรงสักหน่อย แต่ยังคงหิ้วไหว นางหิ้วน้ำอยู่สองสามครั้งกระทั่งน้ำร้อนเต็มถังอาบน้ำ ร่างของหลินชิงเวยสั่นสะท้านขณะลงไปในถังอาบน้ำแทบจะเป็นกระโดดลงไป

น้ำร้อนขับไล่ความหนาวเย็นจากร่างกายของนาง ทว่ากลับไม่อาจขับไล่ความหวาดกลัวในจิตใจของนางได้

เรื่องบางเรื่องคิดให้ละเอียดยิ่งน่าประหวั่นพรั่นพรึง

ดูเหมือนนางนั่งเหม่อลอยอยู่ในถังอาบน้ำ กระทั่งร่างกายของนางอบอุ่นขึ้นจึงได้สติคืนมา ทว่ากลับไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเพียงใดแล้ว เมื่อคิดถึงเซียวเยี่ยนขึ้นมาอีกครั้ง หลินชิงเวยจึงรีบลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าอาภรณ์เดินเท้าเปล่าออกมาจากห้องอาบน้ำ

ภายในห้องมีเพียงความว่างเปล่า ไม่เห็นเงาร่างของเซียวเยี่ยนเนิ่นนานแล้ว มีเพียงซินหรูที่นอนไม่หลับด้วยความเป็นห่วงนั่งอยู่ที่นั่นคนเดียว

เห็นหลินชิงเวยออกมาซินหรูกระโดดลงมาทันที นางวิ่งเข้ามาถามอย่างร้อนใจ “พี่สาว ท่านเป็นอะไรหรือไม่ เหตุใดจึงกลับมาทั้งเปียกปอนพร้อมกับเซ่อเจิ้งอ๋องได้เจ้าคะ?”

หลินชิงเวยลูบศีรษะของซินหรู พยายามเรียบเรียงเรื่องราว “ไม่มีอะไร เพียงแต่กลางคืนเดินไม่ระวังจึงตกลงไปในน้ำ เซ่อเจิ้งอ๋องมาพบเข้าพอดีจึงช่วยข้าเอาไว้ เขาไปไหนแล้วเล่า?”

ซินหรู “เขากลับไปแล้วเจ้าค่ะ เขาทิ้งชิงหลันเอาไว้” พูดแล้วก็ชี้ไปบนโต๊ะ พบชิงหลันนอนสงบนิ่งอยู่บนนั้น “พี่สาว ไฉนชิงหลันจึงได้รับบาดเจ็บเจ้าคะ?”

ยามนี้บนร่างของชิงหลันยังมีรอยดาบที่ถูกทำร้ายจากมีดสั้นเล่มนั้นแผลหนึ่งกำลังมีหยดเลือดซึมออกมา

“ไปหยิบล่วมยาของข้ามา”

ไม่รู้ว่าชิงหลันเจ็บปวดจนกลัวหรือตกใจกลัว มันขดกายอยู่เช่นนั้นไม่ยอมคลายตัว หลินชิงเวยใส่ยาให้มัน มันยังบิดไปบิดมา หลังจากหลินชิงเวยทายาให้มันแล้วจึงโยนมันออกไปทางหน้าต่างให้มันไปหามุมสงบรักษาบาดแผลของตนเอง

ทางด้านนี้ซิหนรูเริ่มใส่ยาใหม่ให้แขนของหลินชิงเวย บาดแผลล้วนถูกน้ำจนกลายเป็นสีขาว หลินชิงเวยไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว

นางอดคิดถึงเซียวเยี่ยนขึ้นมาไม่ได้ ไม่รู้ว่าบาดแผลของเซียวเยี่ยนเป็นอย่างไรบ้าง เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นซ้ำสองซ้ำสาม เขาล้วนไม่ทันได้รักษาบาดแผลให้ดี บาดผลของเขาจะถูกแช่ในน้ำจนกลายเป็นสีขาวหรือไม่ เขาจะรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่?

เบื้องหน้ามีมือเล็กๆ ข้างหนึ่งโบกไปมา ซินหรูเอ่ยขึ้นว่า “พี่สาว ท่านควรจะนอนหลับพักผ่อนได้แล้วเจ้าค่ะ”

หลังจากซินหรูออกไป หลินชิงเวยข่มตานอนไม่หลับเนิ่นนาน จิตใจของนางวูบโหวง

วันรุ่งขึ้นแสงอุษาเพิ่งจะทอดผ่าน เสียงนกร้องจุ๊บจิ๊บข้างหน้าต่างไม่หยุดหย่อน หลินชิงเวยเหนื่อยล้าทั้งกายใจ กำลังนอนหลับลึก พลันได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างร้อนใจระลอกหนึ่ง เหนียงเหนียง เจาอีเหนียงเหนียง! เกิดเรื่องใหญ่แล้วพะยะค่ะ!”

ผ่านไปอึดใจหนึ่งหลินชิงเวยจึงบีบสันจมูกของตนแล้วลืมตาขึ้นอย่างไม่เต็มใจ นางสวมเสื้อนอนลงจากเตียงไปเปิดประตู พบปี้หลิงยืนอยู่หน้าประตู สีหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น แม้กระทั่งริมฝีปากก็สั่นระริก

“เห็นผีแล้ว?” หลินชิงเวยถาม

“ไม่ ไม่ใช่ ใช่เพคะ…”