บทที่ 104 กระโจนพุ่งไปข้างหน้า[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 104 กระโจนพุ่งไปข้างหน้า[รีไรท์]

ตึก ตึก ตึก

ใบพัดของเฮลิคอปเตอร์หมุนไปตามลมและคลื่นขนาดใหญ่ พัดจนต้นไม้ด้านล่างรอบทิศส่ายโยกราวกับว่าจะโค่นล้มอยู่ตลอดเวลา

“ลดระดับความสูงลง!” กระต่ายหยกไม่สนใจอะไรมากนัก และกระซิบบอกนักบินให้ลดระดับต่ำลง

“กล้าเหรอ?” ฮาเอ่อร์ตะโกนขึ้น หลังจากนั้นมองไปที่กระจกแล้วพูดกับกล้อง “หมาป่าเลือด พวกเขาบินลดระดับต่ำลง”

หมาป่าเลือดแสยะปากพูด “ถ้าลดลง ทุก 10 เมตร ฉันก็จะฆ่าตัวประกัน 1 คน”

กระต่ายหยกแค้นจนแทบจะกัดฟันแตก เธอจ้องฮาเอ่อร์เขม็ง

“หมาป่า ช่วยฉันอีกสักข้อได้ไหม?” ฮาเอ่อร์จ้องมองกระต่ายหยก แววตามีเลศนัย

ใบหน้ากระต่ายหยกเต็มไปด้วยความสะอิดสะเอียน สังหรณ์ใจไม่ดี

“พูดมา” หมาป่าเลือดพูด

“ฉันต้องการผู้หญิงคนนี้ ไม่มีปัญหาใช่ไหม?” ฮาเอ่อร์เลียริมฝีปากที่แตกแห้งเล็กน้อย และหัวเราะ

หมาป่าเลือดตอบอย่างไม่ได้สนใจ ”แน่นอนว่าได้อยู่แล้ว เพียงแค่ผู้หญิงคนเดียว ฉันคิดว่าเพื่อนจีนของเราน่าจะสามารถตอบรับได้”

ทันใดนั้นก็เกิดการพูดกระทบกระเทียบขึ้นบนโลกอินเทอร์เน็ตและตามมาด้วย ความไม่พอใจ

“ฉันจะฆ่าไอ้หน้าด้านนี่” ลิงทองคำกัดฟันพูด

“ถ้ามีโอกาส ฉันจะฆ่าขยะอย่างมันทิ้งซะ” งูเขียวพูดด้วยความอำมหิต

คนอื่น ๆ เงียบกริบแต่ภายในตามองอย่างเย็นยะเยือกจนหนาวไปถึงกระดูก

“จำคำพูดฉันไว้” ฉู่ชวิ๋นจ้องมองกระต่ายหยกและพูดเบา ๆ

“รีบกระโดดซะ อย่าพล่าม! ผู้หญิงคนนี้กลับไปไม่ได้แล้ว เธอตกเป็นของฉันแล้ว” ฮาเอ่อร์แสดงความภาคภูมิใจ

กระต่ายหยกนั้นวิตกจนสมองหยุดทำงานไป เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ในเวลานี้ ใบพัดเฮลิคอปเตอร์บินไม่สูง แต่มองด้วยตาก็สูงมากกว่า 100 เมตรแล้ว ไม่ว่าสิ่งใดที่ตกลงมาจากที่สูง ความเร็วจะเป็น 2 เท่าในทุก ๆ 10.8 เมตร

ถึงตอนนี้จะอยู่ห่างจากพื้นดินระยะ 100 เมตร แต่ฉู่ชวิ๋นก็หนัก 75 กิโลกรัม ดังนั้นหากเขากระโดดลงไปก็เท่ากับว่า 750 กิโลกรัมตกลงพื้นเร็วขึ้น 10 เท่า

แรงกระแทกแบบนี้ อย่าพูดถึงว่าคนเลย ถึงเป็นก้อนเหล็กหล่นกระทบลงมาก็เปลี่ยนรูปร่างได้เช่นกัน

“ผู้อาวุโส….”

เสียงพูดของกระต่ายหยกหยุดลงกะทันหัน ดวงตาอันกลมโตเบิกกว้างขึ้นทันทีทันใด อ้าปากกว้างและใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ

วินาทีนี้ไม่เพียงแต่กระต่ายหยกที่หยุดชะงัก แม้กระทั่งบนอินเทอร์เน็ตก็นิ่งเงียบ ทุกคนแข็งเป็นหินโดยสมบูรณ์ เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างจนสูญเสียสติไป

ฉู่ชวิ๋นทำอะไรลงไป? ไม่มีใครอยากจะเชื่อเลยว่าในท้ายที่สุดนี้เขาจะใช้เท้าถีบฮาเอ่อร์ตกลงไป สายตาของทุกคนได้จ้องมองไปที่ใบหน้าอันตกใจและซีดเผือดของฮาเอ่อร์ และไม่น่าเชื่อกับการส่งเสียงร้องโหยหวนน่าอนาถราวกับเสียงร้องของผี

น่าเสียดาย เสียงร้องโหยหวนกลับโดนเสียงใบพัดกลบลงอย่างรวดเร็ว สถานการณ์ถัดไปของฮาเอ่อร์ไม่ยากที่จะคาดการณ์ จากความสูงร้อยกว่าเมตร คาดได้ว่าแม้กระทั่งเนื้อไว้ใช้ทำไส้ซาลาเปาก็คงหาไม่เจอ

……

ในสนามหญ้าในเมืองหลวง ถ้วยชาในมือของชายชราผู้ใจดีร่วงลงสู่พื้นด้วยความตกใจและแตกเป็นชิ้น ๆ

หลงอ๋าวจ้องมองแก้วชาที่กลายเป็นเศษขยะเซรามิก อย่างไม่พอใจ เพราะไม่มีใครรู้ว่าของสิ่งนี้เขาใช้มาเป็นเวลาถึง 150 ปีแล้ว มันคือของดีจริง ๆ!

“เขา…” ชายชราผู้ใจดีมีความรู้มากและไม่นานก็หายจากอาการตกใจ เขากำลังจะพูดเมื่อเห็นว่าหลงอ๋าวกำลังหยิบกระเบื้องสีขาวที่พื้น แต่เขาก็ไม่สามารถพูดได้ในขณะที่ใบหน้าของเขารู้สึกอับอาย

อย่างแรกถ้วยน้ำชาหยกสีขาวนี้เขาเห็นหลงอ๋าวใช้มาตั้งแต่เขายังเด็ก ตอนนี้เขาเผลอทำมันแตก ประการที่สองเขาอยู่ในตำแหน่งที่สูงมาหลายปีแล้ว ดังนั้นนี้มันจึงเหมือนเป็นการเสียมารยาท

เพราะฉะนั้นเขารู้สึกละอายใจ

“ท่านหลงอ๋าว…ผมขอโทษครับ!” ชายชราท่าทางใจดีกล่าวออกมา

ชายชราเก็บเศษแก้วขึ้นมาวางไว้ข้าง ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร เมื่อกี้นายจะถามอะไรนะ?”

ชายชราผู้ใจดีนั่งตัวตรงขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “ถ้าเขาทำแบบนี้จะทำให้กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าทองคำตอบโต้ ตัวประกันมากมายจะ…”

หลงอ๋าวโบกมือเพื่อขัดจังหวะเขาและพูดด้วยรอยยิ้ม “นายโตมาพร้อมกับฉัน ถามสิ่งที่อยากถามมาเลยเถอะ”

ใบหน้าของชายชราผู้ใจดีนั้นแดงระเรื่อโดยรู้ตัว ไม่มีสิ่งใดหลุดรอดจากสายตาของหลงอ๋าวไปได้ เขาไม่ได้ปิดบังอะไรและกล่าวอย่างไม่เห็นแก่ตัว “ชายคนนั้นเป็นใครเหรอครับท่านหลงอ๋าว? เหตุใดท่านจึงมองเขาในแง่ดีเช่นนั้น?”

หลงอ๋าวหัวเราะเบา ๆ หยิบแก้วใบใหม่ขึ้นมาเทชายื่นให้ด้านหน้าของชายชราและกระซิบบอก “ไม่ใช่ฉันที่มองเขาแง่ดี แต่เป็นท่านบรรพบุรุษมังกรต่างหาก”

“อะไรนะ?”

ชายชราผู้ใจดีลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่ตกใจ ถ้วยน้ำชาที่เต็มไปด้วยชาถูกกวาดไปที่มุมเสื้อผ้าของเขาและตกลงไปที่พื้น หลงอ๋าวใช้มือข้างเดียวรับแก้วชาที่ตกลงมากลับไปวางบนที่โต๊ะ

หลงอ๋าวเติมชาลงแก้วอีกครั้ง แล้วมองไปทางชายชราผู้ใจดีด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง ชายชราใจดีไม่รู้ว่าวันนี้เขาเสียมารยาทไปกี่ครั้งแล้ว ที่สำคัญคือท่านบรรพบุรุษมังกร เขาอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งและรู้ความลับมากกว่าคนอื่นโดยธรรมชาติ

ทางตะวันออกที่ลึกลับ ลูกหลานของมังกร สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่ตำนานและบางตำนานไม่ใช่ตำนานแต่อย่างใด

“ท่านหลงอ๋าว เขาทำแบบนี้เพื่อช่วยประเทศเหรอครับ?” ชายชราผู้ใจดีนั่งลงแล้วอารมณ์ก็สงบลงไปมาก

“ใช่ แล้วก็ไม่ใช่” หลงอ๋าวตอบ ใบหน้าของชายชราผู้ใจดีเผยความแปลกใจ

“เขาช่วยประเทศแล้วก็กำลังช่วยตัวเองอยู่” หลงอ๋าวอธิบาย

“ช่วยตัวเอง?” ชายชราผู้ใจดีสงสัยมากยิ่งขึ้น

“ใช่ ช่วยตัวเอง ข่มขวัญคนเลวพวกนั้น” หลงอ๋าวหัวเราะเล็กน้อย สายตาคู่นั้นราวกับว่ามองทะลุทุกสิ่งทุกอย่าง หยุดพูดไปสักครู่แล้วก็เริ่มพูดต่อ “ในเมื่อเขาช่วยเหลือประเทศแล้ว งั้นพวกเราก็มาช่วยทำให้เขาดูน่าเกรงขามกันเถอะ” ชายชราผู้ใจดีเข้าใจทันทีและพูดด้วยรอยยิ้ม “ต้องช่วยให้ดูน่าเกรงขามแล้วล่ะ แต่ความหมายของท่าน ความน่าเกรงขามนี้มากหรือน้อยครับ?”

ชายชราพูดเสียงเข้มทันใดนั้นใบหน้าเผยไม่สบอารมณ์พูด

หลงอ๋าวคร่ำครวญอยู่ครู่หนึ่งและทันใดนั้นก็แสดงสีหน้าซุกซนขึ้นมาและพูดว่า “น้อยหน่อยแล้วกัน และให้มังกรเหล็กผู้พิทักษ์กับเขา”

“ท่านหลงอ๋าวก็ยังคงเป็นท่านหลงอ๋าว ในเวลานี้คิดจะสะบัดให้หลุดก็ไม่หลุดแล้ว” ชายชราผู้ใจดีพูดและยกนิ้วโป้งให้ จิ้งจอกสองตัวมองตากันและหัวเราะ

……

……

ในที่สุดหมาป่าเลือดก็ได้สติจากอาการตกตะลึง ใบหน้าของเขาเริ่มดุร้ายและบิดเบี้ยว

“ฉู่ชวิ๋น!”

หมาป่าเลือดคำราม ไอ้สวะสมควรตายนี้มันกล้าดียังไงเตะฮาเอ่อร์ลงจากเครื่องบิน!?

“มีปัญหาหรือไง?” ฉู่ชวิ๋นมองไปทางกล้องแล้วถาม สายตาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ

“แก…” หมาป่าเลือดกระอักกระอ่วน เขาโกรธเป็นอย่างมาก แค้นแทบอยากที่จะฉีกฉู่ชวิ๋นเป็นหมื่นชิ้น

เขารอโอกาสนี้มานานเพื่อให้คนทั้งโลกจดจำกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าทองคำของเขา พวกมันจะต้องตัวสั่นเมื่อได้ยินชื่อของพวกเขาและหวาดกลัวจนฝันร้าย

ถ้าหากสามารถช่วยฮาเอ่อร์ได้นั้นก็รับประกันได้ว่าพวกเขาเก่งกว่ารัฐบาลจีน แม้แต่ความลับของตะวันออกหรืออำนาจใดก็ไม่ทำอะไรพวกเขาได้ และประเทศอื่นยังจะกล้าแข็งข้อกับพวกเขาเหรอ?

ย้อนเวลากลับไป กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าทองคำถือว่าเป็นกลุ่มทหารรับจ้างแนวหน้า พวกเขาสามารถควบคุมประเทศเล็ก ๆ และดิ้นรนอยู่รอดมาได้

เขาวางแผนทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว แต่พอมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ฉู่ชวิ๋นที่สมควรตายคนนี้กลับถีบฮาเอ่อร์ตกจากเครื่องบินเหมือนเขวี้ยงขยะทิ้งไป

เรื่องนี้ได้รับการถ่ายทอดสดและทุกประเทศในโลกจะเข้าใจว่ารัฐบาลจีนไม่ได้เห็นกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าทองคำอยู่ในสายตาของพวกเขาเลย

ศักดิ์ศรีที่พวกเขาสร้างขึ้นในที่สุดก็พังทลายลงทันทีและกลายเป็นเรื่องตลก หมาป่าโลหิตคำรามด้วยความโกรธ ดวงตาของเขาเป็นสีแดงเลือด ปืนชีพจรสายฟ้าในมือของเขาเล็งไปที่ตัวประกันที่อยู่ข้างหลังเขาและคำราม

“ฉู่ชวิ๋น แกทำให้ฉันโกรธเองนะ แกต้องทนความโกรธของฉัน ฉันจะฆ่าซะ! ฆ่าพวกมันให้ตายไปสักครึ่งหนึ่ง!!”

“รอก่อน!” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างใจเย็น

“แกยังมีอะไรจะพูดอีก?” หมาป่าเลือดสายตาโหดเหี้ยม

ฉู่ชวิ๋นส่ายหัวและพูด “ไม่”

หมาป่าเลือดแทบจะวิ่งไปทำลายกล้อง ไม่มีแล้วแกบอกให้ฉันรอทำไม? แกหยอกฉันเล่นหรือไง? ฉู่ชวิ๋นมองไปทางกล้องแล้วโบกมือ หลังจากนั้นก็กระโดดออกจากเฮลิคอปเตอร์

“ผู้อาวุโส…” กระต่ายหยกเบิกตากว้าง

หมาป่าเลือดนิ่งอึ้งไป เขาคิดไม่ถึง คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าฉู่ชวิ๋นจะกล้ากระโดดลงไป

“พี่ฉู่ชวิ๋น…”

ถางโร้วร้องด้วยความโศกเศร้า

ปัง!

พื้นที่ที่อยู่บริเวณใต้เท้าของโม่ซิงเหอระเบิดออก และลมปราณที่น่ากลัวก็แผ่ซ่านเดินออกมาจากร่างของเขา มังกรเขียวและคนอื่น ๆ กระตุก ฟันของพวกเขากัดดังกรอด ๆ

บนโลกอินเทอร์เน็ตมีผู้คนช่วยแชร์ออกไปในหัวข้อวีรบุรุษที่เคารพ ในเมืองหยุนหยาน ห้องโถงใหญ่ของตระกูลบ้านฮวา แก้วน้ำที่สวยงามถูกบีบเป็นผงด้วยมือหยกสีขาวที่สมบูรณ์แบบ

คนของตระกูลฮวาคนอื่น ๆ ไม่กล้าถอนหายใจเสียงดัง

“ถ้าหากนายตายไปแล้ว ฉันสาบานทั้งพื้นฟ้าและปฐพีว่าจะล้างบางกลุ่มทหารรับจ้างนี่ให้ได้”

คำพูดของฮวาชิงหวู่กระจายไปทั่วราวกับน้ำค้างแข็งทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเหน็บ ในเมืองกู่เจียง เฉินฮั่นหลงทุบจอแสดงผลขนาดใหญ่บนผนังและใบหน้าของเขาซีด เจิ้งก่วงอี้และลูกชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามเองก็แลดูกังวล

ณ เมืองกู่เจียงโบราณ ดวงตาของหงหลิงมัวหมองและเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำหยกหล่นไปตอนไหน

ช่วงเวลานี้ราวกับว่าทั่วทั้งโลกเงียบงัน บรรดาผู้ที่รู้จักฉู่ชวิ๋นต่างเป็นห่วง

……

ณ บ้านพักตากอากาศสุดหรูในปักกิ่ง ชายหนุ่มหน้าตาดีจ้องมองไปที่หน้าจอขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนัง ภาพหยุดขณะที่ฉู่ชวิ๋นกระโดดลงจากเฮลิคอปเตอร์

ชายหนุ่มมองไปที่นาฬิการาวกับว่ากำลังคำนวณเวลา และทันใดนั้นได้เปิดปากพูด “เยี่ยม กลายเป็นกองเนื้อบดกองหนึ่งแล้วสินะ ถูกสัตว์ในป่ากัดกินไปซะเถอะ! ซ้ำยังกลายเป็นปุ๋ยที่ช่วยบำรุงดอกไม้ต้นไม้ในป่าได้ด้วย แกตายไปมีแต่ประโยชน์ทั้งนั้น ฮ่าฮ่า…”

ชายหนุ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและยิ่งหัวเราะเสียงยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าได้ยินเรื่องตลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากนั้นไม่นานชายหนุ่มก็หัวเราะพอสมควรอาจจะเหนื่อย เขาลุกขึ้นยืนและจัดท่าทางในกระจก เมื่อเห็นว่าผมไม่ยุ่งเสื้อผ้าไม่ยับก็เดินไปที่หน้าต่างและเริ่มโทรศัพท์

“ฮัลโหล?”

หลังจากที่กดโทรได้ไม่นานอีกฝ่ายก็รับสายและทักออกมา ใบหน้าของชายหนุ่มเคารพ เอวของเขางอเล็กน้อยโดยไม่สมัครใจทันที

“ฉู่ชวิ๋นตายแล้วครับ” ชายหนุ่มพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับอาการสั่นที่ด้านล่างของลำคอเขาเป็นคนที่กลั้นยิ้ม

ดูเหมือนว่าการที่ฉู่ชวิ๋นตายแล้วจะทำให้เขามีความสุขมาก!

“มีชีวิตอยู่ต้องเจอตัว ตายไปแล้วต้องมีศพ นายรีบร้อนเกินไปแล้ว” ฝ่ายตรงข้ามพูดเสียงนิ่งไม่มีสั่น ฟังดูแล้วไม่สามารถรับรู้ถึงอารมณ์ในตอนนี้ได้

ฝ่ายตรงข้ามพูดจบก็วางสายทันที

เมื่อได้ยินเสียงผ่านทางสายโทรศัพท์ดัง “ตู๊ดตู๊ด…” รอยยิ้มที่ยังค้างอยู่บนหน้าของชายหนุ่มถูกแทนที่ด้วยความแค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด

“ฉู่ชวิ๋น แกตายไปแล้วใช่ไหม?” ชายหนุ่มมองลอดไปทางหน้าต่างอย่างไม่พอใจและพึมพำ “ความกังวลตลอด 3 ปีมานี้ ในตอนนี้หมดลงแล้ว ถ้าปล่อยให้แกได้มีชีวิตรอดมาได้ ฉันก็จะสูญเสียความเชื่อใจที่เขามีให้ฉัน นายรู้ไหมว่ามันมีบทลงโทษร้ายแรงแค่ไหน? เพื่อที่ชดใช้ให้ฉันครั้งนี้แกต้องตาย ต้องตายและต้องตายเท่านั้น…”

เขาคำรามด้วยเสียงต่ำเหมือนคนเป็นโรคประสาทและเหมือนสัตว์ร้าย

เพล้ง!

แจกันดอกไม้ราคาแพงที่วางอยู่ขอบหน้าต่างถูกขว้างเข้ากับจอขนาดใหญ่แล้วแตกกระจาย

“แชต..แชต..”

เสียงช็อตดังขึ้นพร้อมควันดำลอยออกมา หน้าจอดับลงและภาพที่หยุดไว้ก็หายไป

“ในที่สุดแกก็ตายแล้ว ไม่ก็หายสาญสูญไปแล้ว ฮ่าฮ่า…”

ชายหนุ่มกรีดร้องด้วยเสียงเหมือนนกฮูกกลางคืนที่หลอนผู้คน