หลังจากออกจากประตูสถานีตำรวจมา ฮ่อหยุนเฉิงก็เข้าไปในรถของหลินเหียนเฟิง
หลินเหยียนเฟิงสตาร์ทรถและขับไปทางบริษัท
ใบหน้าที่หล่อเหลาของฮ่อหยุนเฉิงเต็มไปด้วยความเยือกเย็น และดวงตาอันเย็นชาของเขาก็จ้องมองไปที่รถที่อยู่ข้างหน้าเขา
นั่นก็คือรถของเฉินจุนเหยียน
และซูฉิงก็กำลังนั่งอยู่ในที่นั่งผู้โดยสารในขณะนี้ด้วย
“ตามพวกเขาไป” ฮ่อหยุนเฉิงพูดเสียงเข้ม
หลินเหยียนเฟิงตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง และเตือนฮ่อหยุนเฉิงอย่างระมัดระวังว่า “ประธานฮ่อครับ เราจะไม่กลับไปที่บริษัทแล้วหรือครับ? ตอนเย็นยังมีการประชุมระดับสูงอีกนะครับ”
ฮ่อหยุนเฉิงมองเขาอย่างเย็นชา “ช่วยยกเลิกการประชุมให้ฉันด้วย”
“โอเคครับ” เมื่อมองไปที่ใบหน้าอันเยือกเย็นของประธานแล้ว หลินเหยียนเฟิงก็พยักหน้า และรีบตามรถของเฉินจุนเหยียนไป
เฉินจุนเหยียนพาซูฉิงมาที่ร้านอาหารตะวันตกอันหรูหรา
ก่อนหน้านี้เขาได้ให้ผู้ช่วยของเขาจองร้านนี้ไว้แล้ว
แฟนคลับในประเทศ โดยเฉพาะแฟนคลับผู้หญิงบ้าไปแล้ว
ตอนอยู่กับซูฉิง เฉินเหยียนเฟิงไม่ต้องการให้ใครมารบกวนพวกเขา
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ล่าสุดอีก เฉินจุนเหยียนกำชับกับเจ้าของร้านอาหารเป็นพิเศษเลยว่าไม่ให้ใครเข้ามา
“ซูฉิง คุณอยากกินอะไร? สเต็กที่นี่ก็อร่อยนะ” เฉินจุนเหยียนยื่นเมนูให้ซูฉิงและพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
ซูฉิงรับเมนูไปเปิด และพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “งั้นก็เอาเสต็กก็แล้วกัน”
“ซูฉิงคุณเป็นอะไรหรือเปล่า? คุณยังไม่พอใจเรื่องเซี่ยซิงซิงใช่ไหม?” เฉินจุนเหยียนถามด้วยความกังวลเมื่อเขาเห็นว่าซูฉิงดูอารมณ์ไม่ดี
ซูฉิงยิ้มเบา ๆ “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ฉันไม่เอามาใส่ใจหรอก”
“แล้วทำไมคุณถึงดูอารมณ์ไม่ดีล่ะ?” เฉินจุนเหยียนถามต่อ
เฉินจุนเหยียนเจอซูฉิงเมื่อเช้า เขาก็รู้สึกได้ว่าเธออารมณ์ไม่ดี
ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ที่ทะเลสาบคู่รัก แล้วมันเป็นเพราะอะไรกันล่ะ?
หรือว่ามันเกี่ยวข้องกับฮ่อหยุนเฉิง?
เมื่อเห็นเฉินจุนเหยียนเป็นห่วง ซูฉิงจึงเปลี่ยนเรื่อง “อ้อใช่ คุณบอกว่าแผนพัฒนาของบริษัทในอนาคตเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ? เอามาดูตอนนี้เลยสิ”
“โอเคครับ” เฉินจุนเหยียนหยิบไอแพดออกมาเปิดแผน และเริ่มอธิบายให้ซูฉิงฟัง
ซูฉิงมานั่งข้างๆ เฉินจุนเหยียน และทั้งสองก็ร่วมกันหารือเกี่ยวกับการพัฒนาบริษัทในอนาคต
เมื่อฮ่อหยุนเฉิงมาถึง สิ่งที่เขาเห็นคือฉากที่บาดตาบาดใจเขา
ซูฉิงและเฉินจุนเหยียนนั่งใกล้กันมาก ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังกระซิบกระซาบอะไรกัน
บนใบหน้าของซูฉิงยังมีรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฎอยู่
สายตาอันเยือกเย็นของฮ่อหยุนเฉิงจ้องไปที่ซูฉิงสักพัก
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฉินจุนเหยียนคืออะไรกันแน่?
ฮ่อหยุนเฉิงกำลังจะเดินไปด้วยใบหน้าที่เย็นชา แต่เจ้าของร้านก็ห้ามไว้ก่อน “ขอโทษด้วยครับ ร้านอาหารของเราถูกจองไว้คืนนี้ครับ ไม่รับแขกคนอื่นแล้วครับ”
“หลบไป” ฮ่อหยุนเฉิงเปล่งออร่าเยือกเย็นออกมา และรัศมีนั้นแข็งแกร่งมากจนทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก
เมื่อเขาเห็นท่าทางของฮ่อหยุนเฉิงอย่างชัดเจน เจ้าของร้านก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น “ประธานฮ่อ”
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือฮ่อหยุนเฉิง หัวหน้าตระกูลมหาเศรษฐีอันดับหนึ่ง!
เขาไม่ควรมีเรื่องกับผู้ชายคนนี้!
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าของร้านก็ปล่อยให้ฮ่อหยุนเฉิงเข้าไปในร้าน
เมื่อได้ยินเสียง ซูฉิงก็เงยหน้าขึ้นมามอง จึงเห็นว่าเป็นฮ่อหยุนเฉิงกำลังเดินเข้ามาหาเธอด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
ซูฉิงล็อคหน้าจอ iPad ของเธอ และกำลังจะพูด แต่เห็นคิ้วที่ขมวดกันแน่นของฮ่อหยุนเฉิง และเขาก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ซูฉิงกลับไปกับฉัน”
ซูฉิงทำเป็นไม่ได้ยิน ก้มศีรษะลงและกินสเต็กบนโต๊ะอย่างหรูหราโดยไม่สนใจฮ่อหยุนเฉิง
ฮ่อหยุนเฉิงยื่นมือใหญ่ของเขาออกมาจับมือซูฉิง และพูดอย่างเย็นชา “ไป!”
เฉินจุนเหยียนยืนขึ้นและยืนบังหน้าซูฉิงไว้ “ฮ่อหยุนเฉิง คุณทำเกินไปแล้ว”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ” ฮ่อหยุนเฉิงกล่าวอย่างเย็นชาและเข้มงวด ผลักเฉินจุนเหยียนออกไปด้านข้าง เหยียดมือออกไปดึงซูฉิงอีกครั้ง เธอจึงลุกจากที่นั่งทันที
“ฮ่อหยุนเฉิงพอได้แล้ว นายไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังกินข้าวอยู่?” ซูฉิงสะบัดแขนให้หลุดจากฮ่อหยุนเฉิง
“ที่นี่ไม่อร่อย ฉันจะพาเธอไปกินที่ดีกว่านี้” ฮ่อหยุนเฉิงพยายามระงับความโกรธในใจ
ซูฉิงกลับไม่สนใจ และพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันว่าอาหารที่นี่ก็อร่อยดีนะ ฉันชอบกินที่นี่ ประธานฮ่อคะ ถ้าคุณไม่มีธุระอะไร ได้โปรดออกไปด้วยค่ะ อย่ามารบกวนเวลาทานข้าวของฉันกับเฉินจุนเหยียน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของฮ่อหยุนเฉิงก็ยิ่งบูดเบี้ยวขึ้นไปอีก
“ซูฉิงอย่าสถานะของเธอ!” ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงเต็มไปด้วยความโกรธ
ผู้หญิงคนนี้ชักจะเกินไปแล้ว มาเดทกับเฉินจุนเหยียนต่อหน้าเขาอย่างเปิดเผย?
ไม่เห็นหัวคู่หมั้นอย่างเขาเลย!
ซูฉิงหัวเราะเยาะ และเม้มริมฝีปากของเธอ “ประธานฮ่อคะ ฉันไม่เคยลืมว่าระหว่างเรามีสัญญากันแค่สามเดือน”
สัญญาสามเดือน?
หลังจากที่เฉินจุนเหยียนที่อยู่ข้างๆ ได้ยินคำเหล่านี้ ความปีติยินดีก็แวบเข้ามาในดวงตาของเขาทันที
หรือกล่าวได้ว่าในความเป็นจริงแล้วซูฉิงและฮ่อหยุนเฉิงไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน?
ดังนั้นเขายังคงมีโอกาสสินะ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เฉินจุนเหยียนก็มีกำลังใจเต็มเปี่ยม เขาก้าวไปข้างหน้าและพยายามดึงฮ่อหยุนเฉิงออกไป “ปล่อยซูฉิงนะ!”
ฮ่อหยุนเฉิงเย้ยหยันที่มุมปากของเขา “เฉินจุนเหยียน ถ้าฉันจำไม่ผิด คุณกำลังตามจีบเจ้านายของคุณไม่ใช่เหรอ? คุณจะเหยียบเรือสองแคมเหรอไง?”
ดวงตาของเฉินจุนเหยียนหม่นแสงลงเล็กน้อย และเขารีบมองไปที่ซูฉิง และพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “เจ้านายของฉันก็คือ…”
เมื่อเห็นว่าเฉินจุนเหยียนกำลังจะพูดคำว่า “ซูฉิง” คิ้วของซูฉิงก็ขมวดแน่นทันที และเธอก็รีบขัดจังหวะเฉินจุนเหยียน “เฉินจุนเหยียนคุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ”
“ไม่ได้ครับ!”เฉินจุนเหยียนจับมือซูฉิง “ถ้าจะไป เราต้องไปด้วยกัน”
เขาไม่สามารถทิ้งซูฉิงให้เผชิญหน้ากับฮ่อหยุนเฉิงชายที่ดูน่ากลัว ราวกับว่ามาจากนรก
ซูฉิงดึงมือของเธอออกอย่างใจเย็นและยิ้ม “เรื่องของฉัน ฉันจะจัดการเอง คุณกลับไปก่อนได้ไหม?”
“ผมไม่กลับ” เฉินจุนเหยียนยืนกรานหนักแน่น ในสถานการณ์อย่างนี้เขาจะกลับไปก่อนได้อย่างไร?
ซูฉิงเริ่มหมดความอดทน และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันบอกให้คุณกลับไป ไม่เข้าใจเหรอไง!”
เมื่อเห็นซูฉิงโกรธ หัวใจของเฉินจุนเหยียนก็กระตุกอย่างรุนแรงทันที
เขาเข้าใจซูฉิงดี ตราบใดที่เป็นสิ่งที่ซูฉิงเชื่อ ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้
เฉินจุนเหยียนมองตาเธออย่างลึกซึ้ง และพูดอย่างช่วยไม่ได้ “งั้นคุณก็ระวังตัวด้วย”
เมื่อพูดจบ เฉินจุนเหยียนก็หันหลังกลับและเดินจากไป
ด้วยดวงตาที่เย็นชาจ้องมองที่แผ่นหลังของเฉินจุนเหยียน ใบหน้าที่หล่อเหลาของฮ่อหยุนเฉิงก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถอนสายตากลับมา หมุนตัว และเหยียดมือออกไปคว้าไหล่ของซูฉิง
“ฮ่อหยุนเฉิง นายกำลังจะทำอะไร?” ซูฉิงก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
ฮ่อหยุนเฉิงก้าวไปข้างหน้าด้วยขายาวของเขา ทีละก้าวๆ
มีความรู้สึกเย็นอยู่ข้างหลังเธอ เธอถอยไปจนถึงกำแพงแล้วจึงตระหนักว่าเธอทางให้หนีอีกแล้ว