เตียงใหญ่ให้กลิ่นอายโบราณ เสื้อผ้าเกลื่อนกลาดบนพื้น ภายในผ้าโปร่งสีแดง ผ้าม่านที่ตกลงสู่พื้น เผยให้เห็นภาพชายหญิงที่กำลังพัวพันกันอยู่บนเตียง
หญิงสาวกดทับอยู่บนตัวชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาจำได้ว่าคือหญิงสาวชุดแดงที่นั่งอยู่ข้างกายพญายมเมื่อครู่
เห็นเพียงหญิงชุดแดงนั้น ปลดเปลื้องเสื้อผ้าทั้งหมดออก เหลือเพียงตู้โตว (เสื้อชั้นใน) หลวมโพรกติดกาย เผยผิวขาวดุจหิมะ สองมือเรียวยาว ต้นขาเรียวยาวของเธอออกมา
และหญิงสาวผู้นั้น เวลานี้คล้ายกำลังขี่ม้า นั่งอยู่บนตัวของชายหนุ่มผู้หนึ่ง และชายหนุ่มผู้นั้นคือ…
พญายม!
เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น เล่อเหยาเหยาตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง!
ไม่นานจึงรู้ว่าตอนนี้ เธอปรากฏตัวอย่างถูกที่ถูกเวลา เธอเข้ามารบกวนความสนุกของคนบางคนหรือไม่
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาใจเต้นแรง สมองขาวโพลน อาจเพราะเป็นครั้งแรกที่พบเห็นเรื่องประเภทนี้ ทำให้เธอตกใจอย่างสุดขีด ดังนั้นสองขาจึงก้าวถอยออกมา กำลังจะออกจากที่นี่ไป
คิดไม่ถึง เพิ่งหมุนตัว ด้านหลังพลันมีเสียงตกใจของหญิงสาวดังขึ้นมา เธอยังไม่ทันตั้งตัว รู้สึกเพียงแน่นที่เอว คล้ายมีมือใหญ่ที่แข็งแกร่งและทรงพลังรวบเอวเธอเอาไว้แน่น
จากนั้น เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงร่างกายถูกดึงเข้าไป หลังวิงเวียนอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ถูกกดทับอยู่บนเตียงใหญ่ที่อ่อนนุ่มนั้นแล้ว
“เอ่อ”
แม้เตียงใหญ่จะถูกปูด้วยผ้านวมที่อ่อนนุ่ม แต่เมื่อถูกคนลากอย่างรุนแรงเช่นนี้ ก็ทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกเจ็บเล็กน้อย
แต่ว่าเธอยังไม่ทันได้กรีดร้องออกมา ก็ได้ยินเพียงเสียงอดกลั้นและโมโหดังขึ้นมาเหนือศีรษะ
“ไสหัวไป!”
ไสหัวไปหรือ!
ไล่เธอออกไปหรือ!
บิดามันเถอะ เห็นชัดว่าเขาลากเธอเข้ามา เมื่อครู่เธอคิดจะออกไปอยู่แล้ว!
อาจเพราะเวลานี้พญายมเมาสุราแล้ว เธอจึงไม่คิดถือสาคนเมา
เมื่อเขาให้เธอออกไป เธอจะมัวรีรออยู่ได้เช่นไร!
เล่อเหยาเหยาจึงลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้าๆ
การถูกคนโยนราวกับถุงทรายลงบนเตียงเมื่อครู่ ทำให้เธอยังรู้สึกวิงเวียนอยู่เล็กน้อย
แต่พอเล่อเหยาเหยาเพิ่งลุกขึ้นจากเตียง เท้าเล็กยังไม่ทันได้แตะพื้น ร่างกายก็พลันถูกคนลากกลับไปอีกครั้ง ก่อนหูจะได้ยินเสียงแหบพร่ามีเสน่ห์ของพญายมดังขึ้นมาอีกรอบ
“ข้าให้นางไสหัวไป ไม่ใช่เจ้า!”
“เอ่อ”
เล่อเหยาเหยาเมื่อได้ยิน สมองมึนงง คล้ายยังไม่ได้สติ หลังจากกวาดนัยน์ตางดงามไปมอง กลับเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจ
เห็นเพียงหญิงสาวที่ทับอยู่บนตัวพญายมเมื่อครู่ ไม่รู้ตกจากเตียงลงมาเมื่อใด เวลานี้กลับไม่สนว่าตนเปลือยกาย บนตัวมีเพียงตู้โตว (เสื้อชั้นใน) ที่หลวมโพรก
หลังได้ยินคำพูดของพญายม ดวงตางดงามเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างที่สุด จ้องมองไปยังพญายม
ก่อนเอ่ยอย่างเศร้าโศกว่า
“นายท่าน ให้ข้าปรนนิบัติท่านเถิด! ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถแน่นอน”
“ไสหัวไป น่าตายนัก เจ้ากล้าวางยาข้า!”
เห็นเพียงขณะฟังคำพูดของหญิงสาวผู้นั้น หน้าผากพญายมปูดโปน ภายในดวงตาเย็นชา นอกจากไฟโทสะที่ลุกโชน ยังมีความปรารถนาอันรุนแรงอีกด้วย
ความร้อนแรงเช่นนี้ คล้ายสามารถทำร้ายผิวหนังของคนได้
เล่อเหยาเหยาเมื่อได้ยินคำพูดของพญายม และเห็นสีหน้าของเขาอีกครั้ง ก็อกสั่นขวัญแขวน
อะไรนะ!
พญายมถูกคนวางยาหรือ!
สวรรค์! ผู้หญิงคนนี้กล้าหาญเกินไปแล้ว หรือเธอไม่รู้ว่าพญายมคือผู้ใด ถึงกล้าวางยาเขา ต้องรู้ว่าเมื่อพญายมเกิดโมโห ผลสุดท้ายต้องร้ายแรงยิ่งแน่
โดยเฉพาะท่าทางโมโหในเวลานี้ของเขา เดิมทีเมื่อครู่เขาเกือบถูกคนข่มเหงแล้ว
พอคิดถึงตรงนี้ สายตาของเล่อเหยาเหยาอดมองตามใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะของพญายมไม่ได้
เห็นเพียงเสื้อผ้าบนตัวของพญายม ไม่รู้ถูกถอดออกเมื่อใด เพราะเวลานี้เผยให้เห็นหน้าอกแข็งแรงกำยำของเขา
ไหล่กว้างเอวคอด ผิวสีน้ำผึ้งดูแข็งแรง องุ่นสีแดงอ่อนนุ่มสองเม็ดนั้น ขยับขึ้นลงอยู่ในระดับสายตาของเล่อเหยาเหยา
นอกจากนี้ด้านล่างหน้าอกแข็งแรงและหน้าท้องที่ไร้ไขมันส่วนเกินของเขานั้น แม้จะยังสวมกางเกงที่แสดงให้เห็นว่าเขายังบริสุทธิ์ แต่ทว่ากางเกงตัวนั้นบางเบาอย่างยิ่ง ทำให้นกใหญ่ขนาดมหึมาที่สูงขึ้นตรงกลางต้นขาของเขา กำลังกำเริบเสิบสาน…
หลังรู้สึกว่าตนมองในส่วนที่ไม่ควรมองอีกแล้ว เล่อเหยาเหยามีใบหน้าเก้อเขิน ทันใดนั้นดวงตางดงามอีกคู่ กลับมองมาที่เธออย่างน้อยเนื้อต่ำใจพอดี
“เอ่อ”
เมื่อได้รับสายตาน้อยเนื้อต่ำใจของหญิงสาวที่ยังนั่งอยู่บนพื้น เล่อเหยาเหยาหนังศีรษะชาวาบชั่วขณะ ในใจรู้สึกคล้ายตนไม่ได้ทำผิดขึ้นมา
เพราะสายตาที่หญิงสาวผู้นั้นมองตน คล้ายภรรยาหลวงที่ถูกมือที่สามแย่งชิงสามีไป ซึ่งเธอก็คือมือที่สามผู้นั้น
การเปรียบเทียบนี้ บิดามันเถอะ!
พี่สาว เธอคือขันที!ขันทีแย่งชิงผู้ชายของท่านเป็นไปได้หรือ!
แต่ว่าสายตาพิฆาตของหญิงสาวผู้นั้นแข็งแกร่งเกินไป รวมทั้งหลังจากได้ยินคำพูดของพญายมเมื่อครู่ ก็รู้ว่าเวลานี้เขาถูกคนวางยา และเธอตอนนี้ก็ยังอยู่ในอ้อมกอดของพญายม
สถานการณ์เช่นนี้ เห็นท่าจะไม่ดีอย่างยิ่งแน่ เพราะพญายมถูกวางยา ต้องหาผู้หญิงเพื่อระบายออก เธอไม่อยากถูกพญายมที่ขาดสติกระทำชำเรา
เล่อเหยาเหยากำลังคิดใช้โอกาสที่พญายมกำลังมองหญิงสาวผู้นั้นอย่างโมโห ค่อยๆ ขยับตัวออกมาจากอ้อมกอดของพญายม ก่อนจะจากไป
คิดไม่ถึง เธอเพียงขยับตัวนิดเดียว มือใหญ่ของพญายม ก็กดตัวเธอกลับเข้าไปอีกครั้ง
น้ำหนักอันหนักหน่วงนั้น ทำให้เล่อเหยาเหยาร้อง ‘โอ๊ย’ออกมาอย่างตกใจ ร่างล้มลงไปบนหน้าอกกว้างหนาล่ำสันของพญายม
หน้าอกกว้างหนาที่ร้อนผ่าวนี้ และกลิ่นจางๆ ของอำพันทะเลผสมกลิ่นสุรา เมื่อรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นกลิ่นอายดุจมนตร์สะกด ทำให้คนที่ได้กลิ่นอดรุ่มร้อนในใจไม่ได้ หัวใจเต้นแรงยิ่งขึ้น
เมื่อถูกพญายมรวบเข้าไปในอ้อมอกอย่างกะทันหัน เล่อเหยาเหยาทั้งแปลกใจ ตกตะลึง และไม่เข้าใจบางส่วน
พญายมคิดทำสิ่งใดกันแน่ เธอเป็นขันทีนะ
“ไสหัวไป หากยังไม่ไป ข้าจะไม่สนใจว่าที่นี่จะมีศพเพิ่มขึ้นมาอีกศพ!”
คำพูดที่แฝงการคุกคามนี้ ในที่สุดทำให้หญิงสาวผู้นั้นหวาดกลัวขึ้นมา จึงเห็นหญิงสาวรีบร้อนลุกขึ้นจากพื้น จากนั้นก็เก็บเสื้อผ้าที่วางอยู่บนพื้น แล้วเปิดประตูร้องไห้ วิ่งออกไป
เพราะการจากไปของหญิงสาว ทำให้ภายในห้องพลันเงียบสนิท
บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นละมุนละไมขึ้นมา
โดยเฉพาะเมื่อเล่อเหยาเหยายังล้มอยู่ในอ้อมกอดของพญายม และเริ่มอึดอัดขึ้นมา เธออยากออกไป แต่กลับไม่กล้าขยับส่งเดช
เพราะเวลานี้ท่อนล่างของเธอ มีแท่งขนาดมหึมาที่ร้อนผ่าวแท่งหนึ่ง กำลังดันอยู่บนก้นของเธอ!
บิดามันเถอะ!
เล่อเหยาเหยาอยากร้องไห้ แต่ไร้น้ำตา วันนี้พญายมจะจัดการเธอหรือ!
ยิ่งคิด เล่อเหยาเหยายิ่งกังวลใจ ภายในสมองก็คิดว่าจะหนีออกไปอย่างไรดี
ยังมีองค์ชายเจ็ดที่น่าตายผู้นั้น ตอนนี้ไปตายอยู่ที่ใด! หรือเขาก็กำลังทำสิ่งนั้นกับหญิงสาวสองคนอยู่ที่อีกห้อง!
หากเป็นเช่นนี้ เธอควรทำเช่นไรดี สวรรค์ ช่วยเธอด้วย!
เล่อเหยาเหยาร้องตะโกนในใจ หัวใจเต้น ‘ตึกตัก’ราวกับมีกวางน้อยตัวหนึ่งกระโดดเข้าไป
ทุกนาทีที่เวลาผ่านไป ภายในห้องต่างไม่มีผู้ใดเอ่ยปาก ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นเงียบสนิท กระทั่งคล้ายได้ยินหัวใจเต้นของอีกฝ่าย
หน้าอกของชายหนุ่มร้อนผ่าวและร้อนระอุ ดุจเตาผิงที่มีเปลวไฟลุกโชนไม่หยุด ทำให้เล่อเหยาเหยากังวลจนหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เล่อเหยาเหยารู้ว่าไม่สามารถเป็นเช่นนี้ได้อีกต่อไป เธอต้องไปจากที่นี่!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาลองขยับตัวออกมาจากอ้อมกอดของพญายมอีกครั้ง คิดไม่ถึง เธอขยับเพียงเบาๆ แขนที่โอบเอวของตน กลับรัดแน่นขึ้นหนึ่งส่วน
จากนั้นเสียงต่ำมีเสน่ห์อันแหบพร่าดูอดกลั้นของพญายมก็ดังขึ้น
“อย่าขยับ”
“เอ่อ”
ห้ามขยับ!
เธอไม่ได้บ้า!เห็นชัดว่าเธอรู้สึกถึงนกใหญ่ที่ดันอยู่ใต้ก้นของเธอ และยิ่งเวลาผ่านไปนาน มันยิ่งพร้อมรบ!
เธอกลัว!
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เธอยังจะมีชีวิตอยู่อีกหรือ!
ดังนั้น แม้พญายมจะสั่งไม่ให้เธอขยับตัว แต่เล่อเหยาเหยากลับหวาดกลัว คิดเพียงอยากหนีไป จึงไม่ฟังคำเตือนของพญายม ดิ้นออกมาจากอ้อมกอดของพญายมไม่หยุด
“ท่านอ๋อง ขอร้องท่าน ปล่อยบ่าวไปเถิด”
“ข้าสั่งเจ้าห้ามขยับ!”
เมื่อเล่อเหยาเหยาดิ้นรนไม่หยุด เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่เดิมทีกำลังอดกลั้น รู้สึกเพียงตนเองใกล้ขาดสติแล้ว
เมื่อครู่ เมื่อเห็นขันทีน้อยนี้พูดคุยยิ้มแย้มกับหญิงสาวคนอื่น เขาไม่พอใจอย่างยิ่ง
ดังนั้น เขาจึงดื่มสุราแก้วแล้วแก้วเล่า คิดไม่ถึง เมื่อขาดสติก็ถูกคนวางยา
เวลานั้น เขารู้สึกเพียงทั่วร่างกายร้อนผ่าว และในร่างกายก็เดือดพล่านขึ้นมา
สมองก็มึนงง รู้สึกเพียงมีคนทับอยู่บนตัวเขา และฉีกทึ้งเสื้อผ้าเขาออกไป
และยังลูบคลำตำแหน่งที่ไวต่อความรู้สึกบนร่างกายเขาไม่หยุด เวลานั้นเขาเพียงอยากระบายบางสิ่งออกมา
แต่ขณะที่เขาพยายามรวบรวมสติวินาทีสุดท้ายกลับมา เห็นชัดว่ามีสตรีกำลังคร่อมอยู่บนร่างกายของตน เขากลับรู้สึกรังกียจขึ้นมา
ดังนั้นจึงผลักสตรีน่ารังเกียจนั้นออกไปทันที ประจวบเหมาะกับเห็นคนตัวเล็กคิดจะหมุนตัวหนีไปพอดี
เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้ว่าตนเวลานี้ถูกคนวางยา หากต้องหาคนมาช่วยขจัดยาปลุกกำหนัดบนตัวเขา เขาปรารถนาให้เป็นคนตัวเล็กนี้
แต่เขาก็รู้ว่าความคิดนี้ของตนเหลวไหลสิ้นดี!
แม้ตั้งแต่เด็กเขาจะรังเกียจสตรี แต่เขาก็รู้ว่าตนคือบุรุษปกติ อย่างน้อยตอนที่ไม่ได้เจอคนตัวเล็กนี้ เขาล้วนไม่สนใจเรื่องระหว่างชายหญิงใดๆ ทั้งสิ้น
แต่หลังจากคนตัวเล็กนี้ปรากฏตัว เขารู้สึกว่าตนเองเปลี่ยนแปลงไป
เปลี่ยนเป็นเวลาส่วนใหญ่ ไม่สามารถควบคุมตนเองได้
ส่วนใหญ่สิ่งที่ภายในสมองคิด ในใจยึดมั่น ต่างคือความโศกเศร้าและความสุขของคนตัวเล็กนี้
การตั้งใจประจบสอพลอของ ‘เขา’ รอยยิ้มที่ออกมาจากใจของ ‘เขา’ และสายตาที่สุกใส…