หลังจากเสียงร้องโอดโอยแล้ว ตามมาด้วยเสียงเยือกเย็นแสดงความไม่พอใจของอวี๋หมิงหลาง
“บุกรุกที่อยู่อาศัย จับคนเป็นตัวประกัน ข่มขู่โดยผิดกฎหมาย เจตนาทำร้าย และที่ไม่อาจอภัยให้ได้ที่สุดก็คือ ใช้สายตาลามกมองผู้หญิงของฉัน”
แต่ละประโยคที่เขาพูดจะตามมาด้วยเสียงร้องโอดโอย ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรไปด้วย
ประโยคสุดท้ายที่อวี๋หมิงหลางพูด คนที่ถูกอัดร้องได้น่าเวทนาที่สุด เสี่ยวเชี่ยนฟังออก คนสุดท้ายที่อวี๋หมิงหลางอัดคือผู้ชายที่ชื่อเสียวจิ่ว
เจี่ยซิ่วฟางตกใจจนลืมเรื่องร้องไห้ เธออ้าปากค้างมองประตูที่ปิดสนิท ไม่รู้ว่าอวี๋หมิงหลางที่อยู่ด้านนอกทำอะไรลงไปบ้าง
ทำได้แค่วิเคราะห์จากเสียงร้อง อวี๋หมิงหลางจะต้องเป็นฝ่ายกระทำคนเลวพวกนั้นอยู่ฝ่ายเดียวแน่นอน
ตอนแรกยังกลัวว่าอวี๋หมิงหลางจะเสียเปรียบ ตอนนี้กลับกลายเป็นกลัวอวี๋หมิงหลางจะทำคนพวกนั้นพิการ
“เชี่ยนเอ๋อ…แกไม่ออกไปดูหน่อยเหรอ หมิงหลางคงไม่ทำถึงขั้นพิการหรอกนะ? อย่าทำให้เขาซวยเพราะเรื่องนี้ไปด้วยนะ”
เสี่ยวเชี่ยนหน้านิ่ง “ไม่ต้องหรอก เขารู้ดีว่าต้องทำขนาดไหน”
เสี่ยวเชี่ยนไม่อยากให้เขาต้องคอยระแวงเลยเข้าห้องมา สงครามด้านนอกจบไวกว่าที่เธอคิด อวี๋หมิงหลางจัดการนักเลงพวกนั้นง่ายเสียยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก
เสี่ยวเชี่ยนกับเจี่ยซิ่วฟางที่อยู่ในห้องไม่รู้เหตุการณ์ด้านนอก แต่เฉินจื่อหลงเห็นทุกอย่างแบบเรียลไทม์ นี่ถ้าไม่ติดว่ามีอะไรอุดปากอยู่ เขาคงได้ตกใจอ้าปากค้างจนหุบไม่ลง
นี่มัน…คะ คะ คะ โคตรเท่ห์เลย
เฉินจื่อหลงไม่มีทางลืมว่าอวี๋หมิงหลางจัดการคนพวกนี้ได้อย่างไรภายในหนึ่งนาที
หนึ่งต่อแปด ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เหตุการณ์แบบนี้ถ้าเป็นเมื่อก่อนเฉินจื่อหลงคิดว่ามีแค่ในหนังฮ่องกง
แต่ว่าที่พี่เขยใช้วิธีขั้นสุดยอดเปลี่ยนความคิดของเขาโดยสิ้นเชิง
หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนกับเจี่ยซิ่วฟางเข้าห้องไปแล้ว อวี๋หมิงหลางก็หยิบไม้กระบองออกมาจากเอว ไม้กระบองนั้นเหมือนได้กลายร่างเป็นสายฟ้าฟาดเข้าไปที่เหล่านักเลงแต่ละคนภายในหนึ่งนาที ภาพเหตุการณ์สุดเท่ห์จึงได้บังเกิดขึ้น อวี๋หมิงหลางไล่เรียงโทษของผู้บุกรุกออกมาพลางจัดการล้มทุกคนอย่างรวดเร็ว
เขาพูดโทษออกมาหนึ่งกระทงก็ล้มได้หนึ่งคน สุดท้ายขี้เกียจใช้ไม้กระบองอีกต่อไป ใช้หมัดสดๆ คนที่โดนหมัดหรือขาของเขาหวดเข้าไปต่างล้มจนลุกไม่ขึ้น
นี่คือเขาออมแรงให้แล้ว ปกติเวลาอยู่ที่ค่ายอวี๋หมิงหลางชอบเอาอิฐมาฟันเล่น พวกเขาเรียนศิลปะการต่อสู้อย่างแท้จริง สำหรับทหารหน่วยรบพิเศษแล้ว ถ้าจัดการศัตรูไม่ได้ในสามกระบวนท่าก็คือแพ้ หากเป็นในสนามรบถ้าในสามท่าล้มข้าศึกไม่ได้ก็หมดทางจะเอาชนะอีกฝ่าย อาจต้องส่งมอบชีวิตแทน
ส่วนนักเลงพวกนี้ปกติฝีมือก็แค่เหมือนเด็กทะเลาะกัน ไม่ได้มีศิลปะต่อสู้เลยสักนิด แล้วจะต่อยชนะอวี๋หมิงหลางได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นต่างคนต่างพุ่งเข้ามา ไม่ได้มีความสามัคคีกันเลยแม้แต่น้อย พอเห็นอวี๋หมิงหลางล้มได้คนหนึ่งคนที่เหลือก็พากันเลิ่กลั่ก
วงแตกอย่างรวดเร็ว ง่ายเสียจนอวี๋หมิงหลางคิดว่าใช้กระบองมาตียังเป็นการดูถูกกระบองเลยด้วยซ้ำ
และที่ดูเหนือความคาดหมายก็คือเสียวจิ่วที่เป็นหัวหน้า พอเห็นอวี๋หมิงหลางจัดการคนของตัวเองได้ เขาเองก็หนีไปไหนไม่รอด—ตรงจุดที่อวี๋หมิงหลางยืนอยู่ใกล้ประตู อยากออกก็ต้องผ่านเขาไปก่อน
ครั้นแล้วเสียวจิ่วจึงใช้สมอง จากนั้นก็ลงไปนอนกับพื้น
ไม่ต้องรอให้แกมาอัดจนล้มหรอก แกล้งตายในสงครามใช้ได้ผลมาตั้งแต่สมัยอดีตแล้ว
อวี๋หมิงหลางจัดการจนราบคาบ กวาดตามองแล้วก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไป จากนั้นก็เหลือบไปเห็นเสียวจิ่วที่อยู่บนพื้นกำลังหรี่ตา
เมื่อกี้ไอ้บ้านี้มันมองเสี่ยวเชี่ยนยังไงเขายังไม่ลืม จึงเดินเข้าไปเตะยังบริเวณที่ไม่อาจบรรยาย จะว่าไปนี่ก็ปราณีมากแล้ว
เมื่อเทียบกับที่เขาอัดพวกลูกน้องเสียวจิ่ว ลูกถีบนี้ประหนึ่งสวรรค์เมตตา อวี๋หมิงหลางจะเอาถึงขั้นทำให้เป็นหมันเลยก็ได้ แต่เขายังพอดึงสติได้อยู่ แค่นี้ก็เพียงพอให้ไอ้บ้านี่เจ็บเจียนตายแล้ว ไม่ถึงกับต้องเอาให้สูญพันธุ์
ตำแหน่งที่ถีบต่างกัน ดังนั้นเสียงร้องของเสียวจิ่วจึงน่าเวทนาที่สุด
เฉินจื่อหลงเห็นแบบนั้นแล้วก็มองตาค้าง นี่มันฮีโร่
ว่าที่พี่เขยของเขาจัดการได้ไวขั้นเทพ
จะว่าไปคนพวกนี้ก็สมองเพี้ยนนะ มิน่าพี่ใหญ่ถึงบอกว่าคนพวกนี้ไม่มีชื่อเรียกในวงการ ก็แค่นักเลงกระจอกหลอกแดกไปวันๆ ถ้าคนมีสมองหน่อยใครจะกล้ามายุ่งกับครอบครัวเสี่ยวเชี่ยน?
สถานะตัวตนของอวี๋หมิงหลางเป็นความลับ แต่ในแวดวงธุรกิจรับซื้อวัสดุก่อสร้างที่เจี่ยซิ่วฟางอยู่ บางคนจะรู้ว่าครอบครัวนี้มีคนใหญ่คอยหนุนหลัง มีบารมีอวี๋หมิงลี่คอยคุ้มครองใครจะกล้ามาหาเรื่อง?
ก็คงมีแค่นักเลงกระจอกที่ไร้ประวัติ สายตาฝ้าฟางพวกนี้ที่มาตามกลิ่นเงิน กลับไม่นึกว่าจะได้มาเจอกับหัวหน้าหน่วยกลางของทหารหน่วยรบพิเศษ อวี๋หมิงหลางจัดการได้ง่ายดายเหมือนเอานิ้วบี้มด
เขากระชากหัวเสียวจิ่วขึ้นมาจากพื้น เสียวจิ่วอยู่ในท่าที่น่าขำ ใบหน้าบูดเบี้ยว ขาหุบสนิท อันที่จริงเขาอยากเอามือไปนวดตรงจุดนั้นดูว่าบุบสลายหรือเปล่า แต่มือกลับถูกอวี๋หมิงหลางกดไว้ เลยทำได้แค่ร้องขอชีวิต
“พี่ชาย พี่มากไปด้วยบารมี เมตตาผมเถอะนะ”
“เมตตา? แล้วตอนที่พวกแกขู่แม่ยายฉัน ทำร้ายน้องเมียฉัน เคยคิดจะเมตตาไหม? พูด ใครส่งพวกแกมา”
อวี๋หมิงหลางตะคอกใส่
“ไม่มี…อ๊าก พี่ชายเบาๆหน่อย ถ้าผมตายพี่จะเป็นนักโทษเอานะ”
สามารถทำให้นักเลงถึงกับต้องยกกฎหมายมาอ้างเพื่อปกป้องตัวเอง เห็นได้ชัดเลยว่าดัชนีความรุนแรงของอวี๋หมิงหลางทะลุปรอทแตกไปแล้ว
อวี๋หมิงหลางยิ้มอย่างเย็นชา “ฉันเรียนกฎหมายมาแกคิดจะคุยเรื่องกฎหมายกับฉันเหรอ? รู้ไหมแบบไหนที่เรียกว่าใช้กฎหมาย? ความผิดแรกของพวกแกคือข่มขู่แม่ยายฉัน ต่อมาก็รุมทำร้ายน้องเมียฉัน อีกทั้งยังลากคนอื่นมาเกี่ยวข้อง เอาแค่นี้พวกแกก็ไม่รอดแล้ว พูด ใครส่งพวกแกมา”
ตอนสอบสวนน้ำเสียงของเขาจะไม่เหมือนเดิม ฟังดูเหมือนข่มขู่ นักเลงพวกนี้เข้าออกโรงพักบ่อยกลัวเสียงแบบนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พออวี๋หมิงหลางขึ้นเสียงก็พากันผวา
“ครับ เถ้าแก่เฉินส่งพวกเรามาครับ”
“เถ้าแก่เฉิน?”
“เขาเปิดร้านขายผลไม้อยู่แถวเดียวกับพวกเรา ปกติพวกเราเล่นไพ่ด้วยกันบ่อย เขาบอกว่าเมียเก่ารวย เลยให้พวกเรามาข่มขู่เอาเงิน—พวกเราไม่ได้คิดจะทำเป็นเรื่องใหญ่เลยนะครับ มากันตั้งหลายคนพวกเราคิดค่าแรงแค่สองพันเอง พี่ชายเห็นแก่พวกเราที่ค่าจ้างน้อยปล่อยพวกเราเถอะนะ”
เสียวจิ่วคนนี้ก็เป็นแค่นักเลงกระจอก พอเจอของแข็งก็หงอสุดตัว
ไม่เหลือท่าทางอวดดีเหมือนตอนที่เพิ่งมาถึงเลยสักนิด คนเลวก็แบบนี้ รังแกคนดีกลัวคนที่เก่งกว่า พอเจอคนจริงก็หงอ
เสี่ยวเชี่ยนกับเจี่ยซิ่วฟางเดินออกมา เสี่ยวเชี่ยนพอได้ยินว่าพ่อเฮงซวยเป็นคนวางแผนก็ไม่ได้มีสีหน้าตกใจเท่าไร ระหว่างทางที่มาเธอก็เดากับอวี๋หมิงหลางไว้อยู่แล้ว ว่ามันจะอาจเป็นละครน้ำเน่าที่พ่อเฮงซวยกำกับ
ตอนนี้ก็แค่รอคำยืนยัน
คนที่โมโหสุดก็คือเจี่ยซิ่วฟาง
“เฉินหลินส่งพวกแกมาเหรอ? ไอ้แก่หน้าไม่อาย ฉันไปทำอะไรผิดต่อมันไว้ที่ไหนกัน มันถึงได้มาทำกับฉันแบบนี้ แล้วยังทำร้ายลูกชายฉันด้วย” เจี่ยซิ่วฟางโกรธจนตัวสั่น เสี่ยวเชี่ยนกลัวความดันแม่จะขึ้นเลยรีบพยุงให้นั่งลง ภายในบ้านที่พื้นที่ไม่มาก มีคนล้มนอนอยู่กับพื้นหลายคน