พ่อครัวเจ้ามั่นใจเป็นอันมาก เขาเชื่อว่าไม่มีใครสู้เขาได้ในเรื่องการใช้มีด เหตุผลก็ไม่มีอะไรอื่นนอกจากการที่เขาใช้เวลามากกว่าสิบปีในการฝึกฝนวิธีการใช้มีด เขาใช้เวลาทุกวันตั้งแต่สมัยยังเป็นพ่อครัวฝึกหัดสะบัดมีดในมือไปมาเพื่อเตรียมวัตถุดิบประกอบอาหาร
เขายังพอทนได้หากมีคนมาบอกว่าอาหารที่เขาทำรสชาติแย่ แต่จะทนไม่ได้เด็ดขาดหากมีคนปรามาสว่าทักษะการใช้มีดของเขาไม่เอาอ่าว เนื่องจากแปลว่าเวลาหลายสิบปีที่เขาสูญเสียไปกับการฝึกซ้อมนั้นสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง
ความมั่นใจนี้บวกกับความสามารถในการใช้มีดที่ยอดเยี่ยมคงเส้นคงวา ทำให้พ่อครัวเจ้าโดดเด่นจากพ่อครัวแม่ครัวคนอื่นๆ ในร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ และเป็นเหตุผลที่ทำให้เฉียนเป่าเลือกเขามาชนกับปู้ฟาง
พ่อครัวเจ้ามองปู้ฟางด้วยสีหน้าโอหัง เขาไม่คิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะเก่งกาจกว่าเขาไปได้ในแง่ของทักษะการใช้มีด การใช้มีดให้ช่ำชองนั้นแน่นอนว่าต้องใช้ทั้งพรสวรรค์และความพยายามอันสม่ำเสมอ พ่อครัวเจ้าคิดว่าตนเองเป็นชายผู้ซึ่งมีทั้งพรสวรรค์และความพยายามฝึกฝนเพื่อสิ่งที่ดีที่สุด
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง โอวหยางเสี่ยวอี้และหยางเฉินก็กินอาหารที่ตนเองสั่งเสร็จพอดี และกำลังมองฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความสงสัยใคร่รู้ โอวหยางเสี่ยวอี้ตื่นเต้นมากขณะคิด “คราวที่แล้วนายท่านตัวเหม็นไปฉีกหน้าร้านปักษาเพลิงนิรันดร์เสียย่อยยับ จนพวกนี้ต้องมาแก้แค้นเสียให้รู้ดำรู้แดง!”
เด็กหญิงมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฐานะคนนอกอย่างชัดเจน ดวงตากลมโตของนางกะพริบปริบจ้องไปที่ปู้ฟาง นางอยากรู้ว่านายท่านตัวเหม็นจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร
อันที่จริงแล้วปู้ฟางไม่ได้สนใจอะไรหยุมหยิมอย่างการแข่งขันเพื่อเกทับกัน หรือการเรียนรู้จากกันและกันเลยแม้แต่น้อย เขาแค่อยากทำอาหารอย่างสงบสุข เปิดร้านไปเงียบๆ หาผลึกมาเก็บไว้ เพื่อพัฒนาระดับพลังปราณของตนให้สูงขึ้นก็เท่านั้น… ความต้องการของเขาแน่วแน่เรียบง่าย ไม่มีสิ่งอื่นใดเจือปนเลยแม้แต่น้อย
หากก่อนหน้านี้ระบบไม่ได้มอบภารกิจให้เขา เขาคงไม่แม้แต่จะสนใจไปเหยียบร้านปักษาเพลิงนิรันดร์เลยด้วยซ้ำ
“แข่งกันใช้มีดรึ ทำไมข้าต้องแข่งกับเจ้าด้วย ข้าไม่สนใจหรอก” ปู้ฟางเม้มปากด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จากนั้นก็หันหลังกลับเพื่อเดินเข้าครัวไป ชายหนุ่มไม่ได้แยแสเฉียนเป่าและพ่อครัวเจ้าเลยแม้แต่น้อย
เฉียนเป่าชะงักไปครู่หนึ่ง เขาไม่คิดว่าปู้ฟางจะปฏิเสธ แต่ไม่นานดวงตาก็เป็นประกายขึ้นเมื่อคิดได้ “ปฏิเสธรึ นี่ก็แปลว่าหมอนี่ไม่มั่นใจพอจะแข่งสินะ เถ้าแก่ปู้คนนี้มีจุดอ่อนอยู่ที่ทักษะการใช้มีดแน่นอน… มิเช่นนั้นจะปฏิเสธคำท้าของเราไปเพื่อเหตุใดกัน เขาปฏิเสธเพราะรู้ว่าถึงอย่างไรตนเองก็แพ้สินะ!”
ยิ่งเฉียนเป่าคิดเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงยอมปล่อยให้ปู้ฟางเดินจากไปไม่ได้โดยเด็ดขาด เนื่องจากจับจุดบอดของชายหนุ่มตรงหน้าได้แล้ว
“เถ้าแก่ปู้… เช่นนี้ไม่ไร้เหตุผลไปหน่อยหรือ ท่านมาหาเรื่องพวกข้าถึงร้าน แล้วข้าได้ปฏิเสธไล่ท่านออกจากร้านหรือไม่ ข้าก็ให้ท่านชิมอาหารจนครบทุกจานไม่ใช่หรือ วันนี้ข้ามาเพื่อที่เราจะได้เรียนรู้จากกันและกันเพิ่ม แต่ท่านกลับปฏิเสธข้อเสนอของข้า บ่ายเบี่ยงเช่นนี้ไม่ยุติธรรมเลยนะขอรับ หรือว่าท่านไม่มั่นใจ เพราะคิดว่าทักษะการใช้มีดของท่านด้อยกว่าพ่อครัวร้านข้ากันแน่” เฉียนเป่ากัดไม่ปล่อยด้วยรอยยิ้ม เขายิ้มกว้างเสียจนกล้ามเนื้อบนใบหน้ายู่เข้าหากัน
น้ำเสียงของเขายียวนหาเรื่องเต็มที่ จนทำให้คนฟังถึงกับหงุดหงิดไม่พอใจได้เลยทีเดียว หรืออย่างน้อยโอวหยางเสี่ยวอี้ที่ตอนแรกกำลังดูอยู่ด้วยความสนุกสนานในฐานะผู้ชม ก็เริ่มหงุดหงิดจนคันปากอยากด่าแล้ว นางคิด “หมายความว่าอย่างไรที่ว่าบ่ายเบี่ยงไม่ยุติธรรม มาว่านายท่านตัวเหม็นกลัวแพ้เนี่ยนะ เถ้าแก่ปู้น่ะหรือจะไม่มั่นใจในความสามารถของตนเอง”
“ข้าไม่ได้ไม่มั่นใจและไม่ได้บ่ายเบี่ยง แต่หากเราจะแข่งทักษะการใช้มีดกัน พ่อครัวเจ้าก็มีความสามารถไม่พอจะมาแข่งกับข้า ถ้าเขามีความสามารถไม่พอ แล้วข้าจะแข่งไปเพื่ออะไร อย่างไรก็ชนะอยู่ดี” ปู้ฟางหยุดเดินแล้วหันหน้ากลับมาประกาศด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ น้ำเสียงของเขาฟังดูไม่ได้มีอารมณ์โกรธเลยแม้แต่น้อย เหมือนแค่ประกาศความจริงให้โลกรู้เพียงเท่านั้น
พ่อครัวเจ้าบันดาลโทสะทันที เขาคิด “ข้าเนี่ยนะความสามารถไม่พอ ข้านี่เก่งที่สุดในร้านปักษาเพลิงนิรันดร์แล้วเรื่องทักษะการใช้มีด แต่ไอ้เด็กบ้านี่กลับบอกว่าข้าดีไม่พอจะแข่งกับมันเช่นนั้นรึ”
จากนั้นพ่อครัวเจ้าก็เปิดปากกวนประสาททันที “ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม น่าเสียดายที่เรื่องทักษะการใช้มีดนี้อวดเบ่งไปก็ไม่ได้ช่วยให้เก่งขึ้น เดี๋ยวแข่งกันแล้วก็รู้เองว่าข้ามีความสามารถพอจะสู้กับเจ้าได้หรือไม่ นี่ยังไม่ทันได้แข่งกันเลยแต่กลับมาบอกว่าข้าดีไม่พอ คิดว่าตัวเองสูงส่งดีเด่มาจากไหนกัน!”
เฉียนเป่ายิ้มเผล่รับตรงจังหวะพอดิบพอดี “เอาเช่นนี้ไหมเถ้าแก่ปู้ คราวที่แล้วชื่อเสียงของร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ต้องมาเสียไปเพราะท่าน คราวนี้เราก็ย่อมยอมไม่ได้เช่นกัน ถึงอย่างไรก็ต้องกู้ชื่อเสียงของร้านเรากลับมาให้ได้ หากท่านยอมรับว่าท่านด้อยกว่าพ่อครัวร้านข้าเรื่องทักษะการใช้มีดจริง เราก็ถือว่าหายกัน ข้อเสนอนี้เป็นอย่างไรเล่า”
ปู้ฟางมองเฉียนเป่าด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ไอ้หมอนี่สมองตายรึ ก็บอกแล้วอย่างไรว่าพ่อครัวร้านนี้ไม่ดีพอจะมาต่อกรกับเขา แต่ไอ้เฉียนเป่านี่ก็ยังทู่ซี้ยัดเยียดว่าทักษะการใช้มีดของเขาแย่กว่าอยู่ได้ อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงหมดปาก
สีหน้าปู้ฟางเปลี่ยนเป็นเย็นชา ในเมื่ออยากรนหาที่ตายเองก็จงตายชนิดไม่เหลือซากไปเสียเถอะ
“ภารกิจฉุกเฉิน: รับคำท้าการประชันทักษะการใช้มีดจากร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ที่จัดโดยเฉียนเป่า และทำลายคู่ต่อสู้ให้สิ้นซาก (อย่างที่โบราณกล่าวเอาไว้ว่าบัณฑิตย่อมเสียชีพดีกว่าโดนหมิ่นเกียรติ ทักษะการใช้มีดของพ่อครัวนั้นหยามไม่ได้ พ่อหนุ่ม จงใช้ทักษะการใช้มีดสุดแพรวพราวของเจ้าโปรดคนเหล่านี้ให้เป็นคนดีขึ้นเถิด!)”
“รางวัลจากระบบ: ทักษะการใช้มีดฝนดาวตกขั้นต่อไป”
ตอนที่ปู้ฟางกำลังจะตอกกลับนั้นเอง เสียงของระบบก็ดังขึ้นในศีรษะเขา แม้เสียงของระบบจะตายด้านเช่นเดิม แต่อารมณ์โกรธของชายหนุ่มก็ถูกสะกดลงได้ด้วยข้อมูลใหม่เกี่ยวกับภารกิจฉุกเฉินนี้
ใบหน้าตายด้านของเขาเผยความประหลาดใจขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่ปู้ฟางจะหันกลับไปมองเฉียนเป่าและพ่อครัวเจ้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ตามเดิม แม้แต่ระบบยังออกภารกิจให้เขา ถ้าไม่รับคำท้าก็คงไร้เหตุผลสิ้นดี
หากเป็นเช่นนี้… แน่นอนว่าเขาก็ต้องยอมแข่งด้วยเป็นธรรมดา
“ได้ ข้ารับคำท้า แต่ขอให้ถึงเวลาปิดร้านก่อนก็แล้วกัน” ปู้ฟางพูดเสียงเรียบ
รอยยิ้มบนใบหน้าเฉียนเป่าชะงักจากนั้นก็ค่อยๆ จางหายไป เขาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เถ้าแก่ปู้ ท่านรับคำท้าพวกข้าจริงรึ”
ปู้ฟางพยักหน้าอย่างตายด้าน
“ถ้าเช่นนั้นพวกข้าสามารถเลือกสถานที่แข่งได้ใช่หรือไม่” เฉียนเป่าถาม เขายังจำคำสั่งของซงเถาได้ เมื่อนึกถึงพลังกดดันสุดสยองพองขนของซงเถาแล้ว เขาก็ตัดสินใจทำตามที่ได้รับคำสั่งมาทันที
“แล้วแต่” ปู้ฟางไม่ได้สนใจจะพูดอะไรอีก เขาหันหลังกลับแล้วเดินเข้าครัวไป
พ่อครัวเจ้าและเฉียนเป่าหันมามองหน้ากัน ต่างรับรู้ได้ถึงชัยชนะในแววตา จากนั้นเฉียนเป่าก็ตะโกนไปทางครัว “ถ้าเช่นนั้นเถ้าแก่ปู้ ข้าไปก่อนนะ พอท่านปิดร้านแล้วข้าจะส่งคนมาเชิญ”
“ตามนั้น” เสียงเย็นของปู้ฟางลอยออกมาจากครัว
เฉียนเป่าและพ่อครัวเจ้าจากไปทันทีด้วยความสุขล้นปรี่ พวกเขาต้องไปเตรียมข้าวของเพื่อใช้ในการประลอง
ทันทีที่คนทั้งสองจากไป โอวหยางเสี่ยวอี้ก็รีบวิ่งไปที่หน้าต่างห้องครัวเพื่อถาม “นายท่านตัวเหม็น ท่านตอบตกลงแข่งกับพวกนั้นจริงรึ แล้วทักษะการใช้มีดของท่าน… ใช้ได้ใช่ไหม”
ปู้ฟางเงยหน้าขึ้นมองโอวหยางเสี่ยวอี้แวบหนึ่ง จากนั้นไอสีเขียวก็พุ่งออกจากข้อมือมาโอบล้อมมือของเขาไว้ แล้วมีดทำครัวหน้าตาแสนธรรมดาก็ปรากฏขึ้น นิ้วของปู้ฟางเริ่มควงมีดทำครัวไปมาในมือราวกับมันมีชีวิตจิตใจของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น…
โอวหยางเสี่ยวอี้ไม่เคยเห็นใครจัดการมีดทำครัวได้สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจถึงเพียงนี้มาก่อน ดวงตาของนางแทบถลนออกจากเบ้า รู้สึกทันทีว่าความกังวลของตนเมื่อครู่นั้นช่างน่าขันสิ้นดี… นายท่านตัวเหม็นเป็นอัจฉริยะด้านการทำครัวที่เก่งกาจราวปีศาจ แล้วทักษะการใช้มีดของเขาจะไม่เอาอ่าวได้อย่างไรกัน
เพียงเท่านี้นางก็รู้แล้วว่าผลการแข่งขันจะออกมาเป็นเช่นไร สีหน้าของเจ้าของร้านปักษาเพลิงนิรันดร์จะต้องบูดเบี้ยวน่าเกลียดมากอย่างแน่นอน… นางชอบดูนายท่านตัวเหม็นตีแสกหน้าคนอื่นเป็นที่สุด!
ไม่นานนักเวลาเปิดร้านก็หมดลง โอวหยางเสี่ยวอี้และหยางเฉินไม่ได้รีบออกจากร้านแต่อย่างใด เนื่องจากต้องการรอดูการแข่งขัน
เฉียนเป่าเองก็จัดการสิ่งต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน ไม่นานก็มีคนมาส่งข่าวว่าปู้ฟางจะต้องไปที่ใด จุดที่ต้องไปนั้นทำให้ปู้ฟางชะงักไปสักพัก
“ทางเข้าตรอกรึ” ปู้ฟางถามด้วยความงุนงง
“ขอรับ” คนที่มาแจ้งข่าวยืนยันกับเขาด้วยความมั่นใจ
ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงหยิบเสื้อกันหนาวขนสัตว์เดินไปที่ทางเข้าร้านโดยไม่พูดอะไรอีก
ในตอนนั้นเอง ทางเข้าตรอกจากที่รกร้างเป็นอาจิณก็กลับคลาคล่ำไปด้วยฝูงชนมากมาย มีโต๊ะขนาดใหญ่สองตัวตั้งอยู่ พร้อมด้วยวัตถุดิบที่วางอยู่บนโต๊ะ
พ่อครัวเจ้าอยู่ในชุดพ่อครัวเต็มยศ กำลังยืนจังก้าประจำที่อยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีราวมีดทำครัวขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยมีดหลากหลายประเภท ทุกเล่มคมกริบเป็นประกายระยับ
………………..