ตอนที่ 709-710

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 709 + 710 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 709 แฝงความบ้าคลั่งปานพายุพัดโหมไ

กู้ซีจิ่วพูดต่อไป “ในยุคนั้นของพวกเรา ถ้าต้องการอยู่ด้วยกันไม่จำเป็นต้องแต่งงานก็ได้ ขอเพียงทั้งสองคนรักกันด้วยใจจริง ก็ไม่ต้องใส่ใจพิธีรีตองพวกนั้น สามารถครองรักกันได้ชั่วชีวิต…”

ตี้ฝูอีเอ่ยขึ้นมาอีก “ดังนั้น?”

กู้ซีจิ่วแย้มยิ้ม “ดังนั้นถึงแม้เขาตกลงว่าจะไม่แต่งกับข้าไปชั่วชีวิต แต่ข้าก็สามารถเป็นคนรักของเขาได้ แล้วจะต้องการพิธีนั้นไปไย?”

พอกล่าวจบเธอก็ดูเหมือนจะมีความสุขอยู่บ้าง รอยยิ้มตรงมุมปากกว้างขึ้นกว่าเดิม

ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหัวใจถึงอึดอัดขึ้นมา รอคอยคำตอบจากเขาตามสัญชาตญาณ

ตี้ฝูอีเงียบไปชั่วอึดใจหนึ่งอีกครา เขาหลุบตามองนาง มองรอยยิ้มที่เบ่งบานดั่งบุปผาปีศาจตรงมุมปากของนาง ในที่สุดก็เปิดปากเอ่ย “เจ้าชอบเขาถึงเพียงนี้ ชอบจนสามารถติดตามเขาได้โดยไม่คำนึงถึงชื่อเสียงใดๆ เชียวหรือ?”

“ใช่!” กู้ซีจิ่วตอบทันที ไม่มีหยุดชะงักเลยสักนิด

เธอเกลียดที่เขาถือโอกาสตีชิงตามไฟ เกลียดที่เขายึดตนเป็นที่ตั้ง ดังนั้นจึงต้องการโจมตีเขา

ในเมื่อเขาใช้จุดอ่อนมาบีบบังคับอย่างไร้ยางอายปานนี้ เช่นนั้นเธอก็จะใช้วิธีการไร้ยางอายแบบเดียวกันมาโจมตีเชา…

ภายในห้องเงียบลงอีกครั้ง กู้ซีจิ่วเงยหน้าขึ้นมาจากผ้านวมนิดๆ เหมือนเสือดาวน้อยที่ปรารถนาจะต่อสู้ ถึงแม้จะอ่อนแอ แต่เขี้ยวเล็บก็แหลมคมยิ่ง

เธอรออยู่พักใหญ่ก็ยังไม่ได้คำตอบจากเขา แต่ก็ทราบเช่นกันว่าเขายังไม่ได้จากไป ยังมองเธออยู่ข้างเตียง

เขาคงจะปลดแพรดำบนดวงตาเขาออกนานแล้ว ทว่าน่าชังที่ไม่ถอดให้เธอด้วย เธอสัมผัสได้ว่าสายตาเขากำลังจดจ่ออยู่ที่ร่างเธอ

กลิ่นอายบนร่างคนผู้นี้แกร่งเกินไป ยามที่จ้องมองคนเขาไม่หลบเลี่ยงสายตาเลยสักนิด ทำให้เส้นขนบนร่างผู้อื่นลุกชั้นขึ้นมาด้วยความกระวนกระวาย

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นคิดจะแกะแพรดำบนดวงตาตนออก ทว่าถูกเขากดมือไว้อีกครั้ง “กู้ซีจิ่ว เจ้าพูดจริงหรือ?”

อุณหภูมิของมือเขาค่อนข้างประหลาด ปลายนิ้วเย็นเฉียบ ทว่าฝ่ามือกลับร้อนผ่าว ทาบทับบนหลังมือเธอ ทำให้เธอขยับไม่ได้

กู้ซีจิ่วตอบอย่างทระนง “แน่นอน ข้าชอบเขา ย่อมต้องการอยู่ด้วยกัน”

“กู้ซีจิ่ว ข้าจะบอกเจ้าอีกครั้ง เจ้าไร้วาสนากับเขา! อย่าได้ก้าวจมบ่อโคลน! เพราะท้ายที่สุดแล้วจะเป็นเจ้าที่เสียหาย!” น้ำเสียงตี้ฝูอีเยียบเย็นลงกว่าเดิม

“ข้าเต็มใจ ข้ายินดี!” น้ำเสียงกู้ซีจิ่วก็เย็นยะเยือก เขาไม่ยอมให้เธอได้อยู่สุข เช่นนั้นเธอก็จะไม่ให้เขาได้อยู่สุขเหมือนกัน!

อากาศรอบข้างระอุขึ้น สายลมอ่อนๆ พัดวูบ ทันใดนั้นกลิ่นหอมอ่อนจางก็เข้ามาใกล้!

สัญชาตญาณของกู้ซีจิ่วสัมผัสได้ถึงอันตราย เพียงแต่ไม่รอให้เธอทันมีปฏิกิริยาตอบโต้อะไร ริมฝีปากพลันอุ่นวาบ ถูกผู้อื่นจุมพิต!

เธอทั้งตกตะลึงและเดือดดาลนัก ยกมือขึ้นผลัก จนปัญญาที่ยามนี้เรี่ยวแรงเธอยังสู้แมวไม่ได้ด้วยซ้ำ ซ้ำร่างกายของเขาก็หนักมาก เธอสะเทือนเขาไม่ได้เลยสักนิด กลับถูกเขาจับมือทั้งสองข้างตรึงไว้เหนือศีรษะเธอ

จูบนั้นค่อนข้างดุดันยิ่งนัก ไม่สอดคล้องกับตัวเขาเลย ซ้ำยังแฝงความบ้าคลั่งปานพายุพัดโหม ราวกับถูกบางอย่างกดทับจนอึดอัด

วางอำนาจ เผด็จการ ปานราชา

เธอถูกเขาง้างริมฝีปากออกอย่างง่ายดายยิ่ง ริมฝีปากและเรียวลิ้นพัวพันกัน เธอคิดจะหลบก็หลบไม่พ้น รู้สึกเพียงว่าลิ้นของเขาดุดันแถมยังช่ำชอง ไล่ต้อนลิ้นเธอให้เริงรำร่วมกับเขา

ไม่ทราบว่าเพราะเธอโกรธเคืองหรือว่าร้อนรน จึงคิดจะกัดเขา แต่เขาจูบอย่างช่ำชองยิ่งนัก เธอเลยกัดไม่โดน

ซ้ำยังถูกเขาจูบอย่างล้ำลึกยิ่งกว่าเดิม ดูดดื่มขึ้นเรื่อยๆ กลีบปากของเธอ ปลายลิ้นของเธอ ถูกลิ้นของเขาเคล้าคลอซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เขาควบคุมร่างกายเธอไว้ มือข้างหนึ่งวางอยู่ตรงเอวเธอ รัดไว้แน่นยิ่ง และรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะหลอมเธอเข้าไปในร่างเขา

มีกลิ่นหอมจางๆ อบอวลอยู่ในอากาศ กู้ซีจิ่วหายใจไม่ออกแล้ว สมองค่อนข้างวิงเวียน ในที่สุดก็ไม่ดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์อีกต่อไป แต่ร่างกายกลับแข็งทื่อดั่งไม้ท่อนหนึ่ง

ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดริมฝีปากเขาก็ผละออกไป แต่แขนทั้งสองข้างยังคงกดเธอไว้

————————————————————————————-

บทที่ 710 ตานี้เธอยังต้องหาทางเอาคืน!

เคราะห์ดีว่าถึงแม้เขาจะกักเธอไว้ ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบมิได้แตะต้องบาดแผลเธอเลย ถึงขั้นว่าไม่กระทบกระเทือนตรงนั้นเลย

บนดวงตากู้ซีจิ่วยังคงผูกแพรดำอยู่ เลยมองไม่เห็นว่าเขามีท่าทีอย่างไร รู้เพียงว่าเขาอยู่ใกล้เธอมากเหมือนเดิม และกำลังก้มมองเธออยู่

นี่เป็นท่าทางที่คลุมเครือยิ่งนัก กู้ซีจิ่วโมโหจนทึ่มทื่อแล้ว ในที่สุดก็ร้องด่าออกมา “ตี้ฝูอี เจ้าบ้าไปแล้ว!”

“กู้ซีจิ่ว อย่าท้าทายขีดจำกัดของข้า ข้ามีเป็นหมื่นวิธีที่สามารถแยกพวกเจ้าออกจากกันได้ รวมถึงการครอบครองเจ้าโยตรงหรือไม่ก็สังหารเขาวะ!” น้ำเสียงตี้ฝูอีเยียบเย็น ทว่าปลายนิ้วกลับปัดผ่านริมฝีปากเธอ “เจ้าก็รู้ว่าข้ากระทำการใดล้วนไม่มีขีดจำกัดล่างใดๆ ทั้งนั้น ดังนั้นถ้ายังไม่มีกำลังพอ จงอย่าใช้ถ้อยคำจำพวก ‘เจ้าเต็มใจ’ ‘เจ้ายินดี’ อะไรเหล่านี้ ตอนนี้เจ้ายังมีคุณสมบัติไม่พอ!”

ในที่สุดเขาก็ปล่อยเธอ และเป็นครั้งแรกที่เขาพูดจารุนแรงกับเธอขนาดนี้

กู้ซีจิ่วเงียบงันไร้วาจา เมื่อมือเป็นอิสระเธอก็เริ่มใช้แขนเสื้อเช็ดถูริมฝีปาก…

ภายในห้องเงียบลงไปชั่วขณะ จวบจนกู้ซีจิ่วถูริมฝีปากจนได้รสคาวโลหิตถึงหยุดมือลง หัวเราะหยันคราหนึ่ง “ตี้ฝูอี ไม่ข้าก็เร็วข้าจะมีคุณสมบัติพอ!”

“จะตั้งตารอ!” ตี้ฝูอีเอ่ยออกมาเพียงสี่คำ

ภายในห้องเงียบเชียบลงไปอีกครั้ง กู้ซีจิ่วสูดหายใจน้อยๆ ครู่หนึ่ง ยกมือขึ้นแกะแพรดำที่ผูกตาออก พบว่าภายในห้องเหลือตนเพียงลำพัง ไมทราบว่าตี้ฝูอีจากไปยามใด

เธอมองแพรดำในมือแพรดำเส้นนี้เมื่อครู่เธอแกะอย่างไรก็แกะไม่ออก ประหนึ่งงอกออกมาจากตาเธอก็มิปาน แถมหลังจากผูกไปแล้วก็มืดสนิท แม้แต่แสงสว่างสักเสี้ยวก็มองไม่เห็น

บนแพรดำเส้นนี้ดูเหมือนจะแฝงกลิ่นหอมจางๆ บนร่างเขาไว้ ในใจกู้ซีจิ่วสับสนว้าวุ่น ปาแถบแพรเส้นนั้นลงบนพื้น

ในห้องเงียบมาก กำยานในกระถางใบหนึ่งตรงมุมห้องเผาไหม้อยู่เงียบๆ

เธอหลับตาลงเล็กน้อย ภายในห้องยังมีกลิ่นหอมบนร่างเอาอวลอยู่จางๆ หลังจากความขุ่นเคืองผ่านพ้นไปจิตใจเธอก็ว้าวุ่นอย่างบอกไม่ถูก

ประตูถูกเปิดจนเกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดอีกครั้ง กู้ซีจิ่วสะดุ้ง ลืมตาขึ้นมาก็เห็นหลานไว่หูค่อยๆ ย่องเข้ามา

นางมองกู้ซีจิ่วด้วยนัยน์ตาใสกระจ่างคู่นั้น จากนั้นก็มองผ้าปูเตียงที่แทบจะชุ่มโชกไปด้วยเลือดใต้ร่างเธอ นางร้องสะอื้นออกมาคราหนึ่ง “ซีจิ่ว…”

ถลาเข้ามาเบื้องหน้าเธอ คิดจะเลิกผ้าห่มออกดูร่างเธอ…

กู้ซีจิ่วเกรงว่าร่างกายท่อนบนของตนที่ยังเปิดเปลือยอยู่จะดูไม่งามนัก จึงรีบห้ามนางไว้ “อย่าขยับ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”

แต่จิ้งจอกน้อยเคลื่อนไหวว่องไว อีกทั้งกู้ซีจิ่วในยามนี้ไม่มีเรี่ยวแรง สุดท้ายก็ถูกนางเลิกผ้าห่มออก…

ยังนับว่าโชคดี ร่างกายท่อนบนของเธอสวมอาภรณ์แล้ว เพียงแต่ด้านหน้าและด้านหลังล้วนถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผล หลานไว่หูมองกองผ้าพันแผลนั้น หยาดน้ำตาในดวงเนตรเอ่อคลอ “เจ้าเจ็บหรือเปล่า? ล้วนเป็นความผิดของข้า! เจ้ามาขวางกระบี่ให้ข้า…”

การร้องไห้ของจิ้งจอกน้อยมีอานุภาพทำลายล้างยิ่ง กู้ซีจิ่วก็ค่อนข้างหวั่นเกรงน้ำตาของนางอยู่บ้าง “ไม่เป็นไร บาดแผลไม่หนักหนา เจ้าอย่าร้อง…รบกวนเจ้าช่วยเติมกำยานในกระถางใบนั้นอีกสักหน่อยเถิด ข้ารู้สึกว่ากลิ่นหอมนั้นดีต่ออาการบาดเจ็บของข้า”

หลานไว่หูกระวีกระวาดไปเติมกำยานทันที

กลิ่นกำยานอบอวลอยู่ในห้อง ในที่สุดก็กลบกลิ่นอายคนผู้นั้นได้จนสิ้น กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก เอ่ยถามหลานไว่หู “ที่นี่คือที่ไหน?”

“ที่นี่คือหน่วยการแพทย์ของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ที่นี่มีไอวิญญาณเพียงพอ และสะอาดที่สุด เดิมทีมีเพียงบุคคลระดับผู้อาวุโสที่บาดเจ็บสาหัสถึงจะได้พักฟื้นอยู่ที่นี่ ครั้งนี้อาจารย์กู่อนุญาตให้เจ้าพักฟื้นอยู่ที่นี่หนึ่งเดือนเป็นกรณีพิเศษ” หลานไว่หูถามมาหนึ่งตอบไปสิบ

“แล้วอวิ๋นชิงหลัวเป็นยังไงบ้าง?” กู้ซีจิ่วยังพะวงถึงจุดนี้อยู่

ยามที่เธอเข้าขวางกระบี่ให้หลานไว่หูไม่ได้นึกเลยว่ากระบี่ที่อีกฝ่ายใช้จะมีพิษสงร้ายกาจถึงเพียงนี้