ตอนที่ 711-712

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 711 + 712 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 711 นำทางข้าไป

ยามที่เธอเข้าขวางกระบี่ให้หลานไว่หูไม่ได้นึกเลยว่ากระบี่ที่อีกฝ่ายใช้จะมีพิษสงร้ายกาจถึงเพียงนี้ ดังนั้นฝ่ามือนั้นที่เธอซัดใส่หลานไว่หูจึงมิใช่การซัดเพื่อทำอันตราย และไม่ได้ใส่แรงเต็มที่ เพียงอยากให้อีกฝ่ายกระอักเลือด ลงแข่งในรอบต่อไปไม่ได้อีกก็เท่านั้น

ตอนนี้เธอเสียเปรียบมากถึงเพียงนี้แล้ส หวิดจะกลายเป็นสวะไร้พลัง! ก็รู้สึกว่าการลงมืออย่างไว้ไมตรีของตนค่อนข้างโง่เง่าอยู่บ้าง ตานี้เธอยังต้องหาทางเอาคืน!

“ซี่โครงนางหักสี่ซี่ ไม่บาดเจ็บหนักเท่าเจ้า หมอของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เราไปดูอาการให้นาง และจัดกระดูกให้นางแล้วด้วย ตอนนี้นางพักฟื้นอยู่ในเรือนของตัวเอง” หลานไว่หูบอกเธอ

มารดามันเถอะ ซี่โครงหักแค่สี่ซี่เองเหรอ!

หากฝ่ามือนั้นเธอใส่แรงมากพอ คงสามารถทำลายม้ามของอีกฝ่ายได้ ต่อให้บนร่างอีกฝ่ายมีพลังวิญญาณคุ้มกาย ฝ่ามือนี้เล่นงานนางไม่ถึงตาย แต่ก็คงทำให้ปางตายได้แน่นอน

เฮ้อ เสียดายเหลือเกิน!

“เช่นนั้นการประลองรอบนี้พวกเราแพ้หรือว่าชนะเล่า?” กู้ซีจิ่วยังไม่ลืมเลือนผลลัพธ์

“อาจารย์ใหญ่กู่บอกว่าพวกเราชนะแล้ว เพราะนางที่เป็นคนของฝ่ายตกจากเวทีไปก่อน” หลานไว่หูกล่าว พลางเปลี่ยนผ้าปูเตียงเป็นผืนที่สะอาดกว่าให้เธออย่างระมัดระวังยิ่ง

กู้ซีจิ่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่ว่าอย่างไร เป้าหมายของเธอก็นับว่าลุล่วงแล้ว ไม่ถึงกับเสียฮูหยินซ้ำยังสิ้นไพร่พล[1]

ตราบจนยามนี้เธอถึงได้ทราบว่าผ้าปูที่นอนใต้ร่างตนเปรอะคราบเลือดเป็นวงใหญ่

ประหลาดนัก คนผู้นั้นย้ำคิดย้ำทำรักความสะอาด ทว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนผ้าปูเปื้อนเลือดเหล่านี้ทิ้งให้เธอ…ต้องทราบก่อนว่าเรื่องเหล่านี้สำหรับเขาแล้วเป็นเพียงการสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่งเท่านั้น

การที่เขาบังคับจูบเธอในเวลาเช่นนี้เป็นการคุกคามเธอ บีบให้เธอต้องเลิกรากับหลงซือเย่…

พอนึกถึงจูบเมื่อครู่ขึ้นมา เธอก็กำมือแน่น สั่งการจิ้งจอกน้อย “ข้าอยากบ้วนปาก…”

มือไม้จิ้งจอกน้อยคล่องแคล่วนัก ยกน้ำมาให้เธอบ้วนปากอย่างรวดเร็ว กู้ซีจิ่วใช้น้ำบ้วนปากอยู่หลายถ้วยถึงจะหยุด

ตี้ฝูอี เจ้าไม่อาจขวางข้าได้ทั้งชีวิต ฉันอยากชอบใครก็จะชอบคนนั้น ไม่ช้าก็เร็วข้าจะมีกำลังมากพอจะพูดคำว่าไม่ต่อหน้าเจ้า!

ถึงอย่างไรเธอก็บาดเจ็บสาหัส ซ้ำยังเจ็บอยู่เนิ่นนานปานนั้น ยามนี้จึงอ่อนล้าอย่างหนัก พริ้มตาลงนิดๆ

บนร่างเธอยังสวมอาภรณ์ที่เคยชุ่มเหงื่ออยู่ แต่เธอไม่มีแรงลุกขึ้นมาเปลี่ยนแล้ว จิ้งจอกหยิบเสื้อผ้าสะอาดชุดหนึ่งมา นางคิดจะช่วยเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดให้เธอ กู้ซีจิ่วไม่ชินกับการมีคนมาปรนนิบัติเธอเช่นนี้ เลยปฏิเสธไป

เธอจะนอนพักก่อน เมื่อตื่นมามีเรี่ยวมีแรงค่อยชำระร่างกายแล้วเปลี่ยน..

….

“อวิ๋นชิงหลัวอยู่ที่ใด?” หลังจากตี้ฝูอีออกมา ก็เอ่ยถามมู่เหล่ยที่ติดตามอยู่ข้างกาย

“กระดูกซี่โครงนางหักสี่ซี่ กำลังพักฟื้นอยู่ในเรือนตน คาดว่าน่าฟื้นตัวไม่ได้ในระยะเวลาสั้นๆ ขอรับ” มู่เหล่ยรายงานข่าวที่ตนได้ยินแก่เจ้านาย

“เรือนของนางอยู่ที่ไหน? นำทางข้าไป!” ตี้ฝูอีไม่หยุดฝีเท้าเลย

มู่เหล่ยชะงักไปเล็กน้อย เขามองปลายคางที่ค่อนข้างซีดเซียวของตี้ฝูอี ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ “นายท่านโปรดวางใจ กระดูกซี่โครงนางประสานกันแล้วขอรับ มิจำเป็นต้องรักษาอีก เรือนพักสร้างเสร็จแล้ว มิสู้นายท่านไปพักผ่อนสักหน่อยแล้วค่อยไปเยี่ยมนาง…”

ตี้ฝูอีคร้านแม้แต่จะเหลือบมองเขาสักแวบ เอ่ยขึ้นว่า “พูดเพ้อเจ้อให้น้อยหน่อย นำทางไป!”

กลิ่นอายบนร่างเขาแกร่งกล้าเกินไป มู่เหล่ยไม่กล้าพูดเป็นอื่นอีก ทำได้เพียงวิ่งเหยาะไปอยู่ข้างหน้าเพื่อนำทาง…

อันที่จริงพวกกู่ฉานโม่ล้วนยังรออยู่ด้านนอก เนื่องจากยามนั้นพวกเขาทราบเพียงว่าอาการบาดเจ็บของกู้ซีจิ่วเป็นอัตราย แต่ไม่ทราบว่าที่แท้แล้วเป็นอย่างไร

วิชาแพทย์ของตี้ฝูอีมิใคร่เลื่องลือนัก ที่สำคัญคือผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ไม่เคยตรวจรักษาให้ผู้ใดมาก่อน

————————————————————————————-

บทที่ 712 เจ้านับเป็นตัวอะไรกัน?

ดังนั้นตอนที่เขาอุ้มกู้ซีจิ่วเข้าไปพวกกู่ฉานโม่จึงกังวลยิ่งนัก เกรงว่ายามที่เขาออกมาคนที่อุ้มจะสิ้นชีพแล้ว ต่อมาเมื่อหลงซือเย่ตามเข้าไปพวกเขาถึงได้วางใจ

แต่หลงซือเย่เข้าไปอย่างรวดเร็ว และออกมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน หลังจากออกมาก็ราวกับเป็นใบ้ไม่พูดไม่จาเลยสักคำ เพียงเม้มปากรออยู่ตรงนั้น

รอคอยอยู่ครู่หนึ่งตี้ฝูอีก็ออกมา ฝูงชนที่เป็นเดือดเป็นร้อนอยู่กำลังจะล้อมวงไถ่ถาม เขากลับไม่สนใจเลย หลงซือเย่คิดจะพุ่งเข้าไปดู ทว่าถูกเขายึดแขนเสื้อขัดขวางไว้ และไม่ทราบว่าเขาถ่ายทอดกระแสเสียงอันใดให้หลงซือเย่ จึงได้เห็นเขาจ้องมองเขาอย่างชิงชังครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่เข้าไปดูอาการคน และสั่งการให้หลานไว่หูที่รออยู่ข้างประตูเข้าไปดูแลคน…

ตี้ฝูอีไม่สนใจคนกลุ่มนี้อีก พาลูกน้องตนจากไปปานลมหอบหนึ่ง

พวกกู่ฉานโม่มองหน้ากัน ดูเหมือนท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้จะคนใหม่คนเก่าล้วนต้องการทั้งสิ้น ยามนี้ในที่สุดก็นึกถึงอวิ๋นชิงหลัวขึ้นมาแล้ว…

….

ที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ในด้านของปัจจัยสี่ศิษย์ทั้งหมดของชั้นเรียนเมฆาม่วงได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน

ที่พักของอวิ๋นชิงหลัวก็ไม่ต่างจากศิษย์หญิงชั้นเรียนเมฆาม่วงคนอื่นๆ ล้วนมีเรือนเล็กเป็นส่วนตัว

นางเฉลียวฉลาดปราดเปรียว ในลานปลูกสมุนไพร ไม้ดอกไม้ประดับ ถึงขั้นจัดวางหินผาชิ้นหนึ่งไว้ในลานด้วย เถาวัลย์เกาะเกี่ยวบนหินผา บนเถาวัลย์มีบุปผาแย้มบาน มีผลสีแดงคล้ายถั่วปะการัง

นางจัดแจงเรือนเล็กหลังนี้ได้ยอดเยี่ยมนัก จากถ้อยคำของมู่เฟิงผู้เคยมาที่นี่ รูปแบบการตกแต่งของที่นี่มีรูปแบบคล้ายคลึงกับวังค้ำนภาของท่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย

อวิ๋นชิงหลัวคิดมาตลอด ว่าหากวันหนึ่งท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาที่สำนึกศึกษาชุมนุมสวรรค์ และสามารถมาเดินชมเรือนนี้ของนางได้ จะต้องทราบถึงความทุ่มเทของนางเป็นแน่

ยามนี้นางนอนอยู่บนเตียงของตนเอง ถึงแม้กระดูกซี่โครงจะเชื่อมประสานกันแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็เป็นการบาดเจ็บจากกระดูกหัก เลยยังปวดอยู่มาก ต่อให้นางใช้พลังวิญญาณเยียวยาอยู่ตลอด ถ้าอยากจะฟื้นฟูก็ต้องนอนนิ่งสองวัน…

โดยทั่วไปแล้วนางมีมนุษยสัมพันธ์ค่อนข้างดี มีสหายที่คบหากันได้ไม่เลวอยู่หลายคน

ปกติแล้วแค่เป็นหวัดมีไข้เล็กๆ น้อยๆ ก็จะมีสหายกลุ่มใหญ่มาเยี่ยมนางแล้ว

แต่ตอนนี้นางนอนอยู่บนเตียงมาเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว มีสหายเก่าแก่มาเพียวคนสองคน แถมหลังจากมาแล้วล้วนจากไปอย่างรีบร้อนทั้งสิ้น

นางนึกถึงสายตาของผู้คนยามที่นางถูกหมอยกใส่เปลแล้วหามออกมา มีทั้งประหลาดใจ ไม่อยากเชื่อ เหยียดหยาม และเห็นใจ

เหยียดหยามที่นางใช้อาวุธลับที่ร้ายกาจเช่นนั้นมาทำร้ายสหายร่วมสำนัก เห็นใจที่คนใหม่เช่นนางก็มีวันที่ถูกเขี่ยทิ้งเช่นกัน

ยามที่ตี้ฝูอีอุ้มกู้ซีจิ่วจากไป ไม่มีแม้แต่จะมองนางสักแวบเลยด้วยซ้ำ!

ไม่ง่ายเลยกว่านางจะสร้างภาพต่อหน้าเหล่าศิษย์ร่วมสำนักว่าได้รับความรักใคร่โปรดปรานยิ่งนักจากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายได้ ดั่งหิมะขาวภายใต้ดวงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิ ชั่วพริบตาเดียวก็ละลายหายไป

ตอสายตาที่ผู้คนมองนางในยามนี้ก็เหมือนกับสายตาที่มองกู้ซีจิ่วเมื่อหลายวันก่อน…

หลายวันก่อนเป็นกู้ซีจิ่วที่ได้ลิ้มรสชาติเหล่านั้น ยามนี้กลับสะท้อนกลับมาที่นางอย่างครบถ้วน นี่ทำให้นางอดสูยิ่งนัก

ตอนที่ตี้ฝูอีมาถึงหน้าห้องของนาง นางกำลังนอนอยู่ในห้อง สหายเพียงคนเดียวที่ไม่หลีกลี้ไปจากนางกำลังปลอบใจนางอยู่ “ชิงหลัว อย่ากังวลเลย ถึงอย่างไรกู้ซีจิ่วคนนั้นก็เป็นศิษย์เทพศักดิ์สิทธิ์นะ นางบาดเจ็บหนักถึงเพียงนั้นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายช่วยนางก่อนก็เป็นการสมควรตามเหตุผลแล้ว เลี่ยงไม่ให้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ทราบแล้วมาตำหนิเขาในภายหลัง ข้าว่าความจริงแล้วการที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายช่วยนางก่อนก็เป็นเพราะหวังดีต่อเจ้านะ กันไม่ให้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มาลงโทษเจ้าหลังจากที่ทราบไง…”

“เจ้าคิดดูสิ ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายรับเจ้าไปตั้งหนึ่งเดือนให้เจ้าปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายเขา ซ้ำยังมาส่งเจ้ากลับด้วยตัวเอง…ถ้ามองจากข้อนี้แล้ว ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็ปฏิบัติต่อเจ้าต่างจากผู้อื่นนะ และต่างจากที่ปฏิบัติต่อกู้ซีจิ่วด้วย วางใจเถอะ ข้าคิดว่าขอเพียงเขารักษากู้ซีจิ่วเรียบร้อยแล้ว จะรีบมาเยี่ยมเจ้าทันที…”

————————————————————————————-

[1] เสียฮูหยินซ้ำยังสิ้นไพร่พล หมายถึง การสูญเสียสองอย่างในคราวเดียว