บทที่ 126 ผีปรากฏตัว

ส่วนรั้วก็สูงกว่าบ้านทั่วไปไม่น้อย

ในหมู่บ้านนี้มีอยู่หลายบ้านที่มีรั้วแค่หน้าบ้าน คนที่มีรั้วล้อมรอบทุกด้านน้อยมาก แต่บ้านผีสิงนี้นอกจากจะมีรั้วกำแพงรอบด้านแล้วยังไม่เตี้ยอีกด้วย ทำให้คนธรรมดายากจะปีนเข้ามา

“นังแพศยา! ข้าจะบอกให้นะ ต่อให้วันนี้เจ้าทำอะไรกับลูกชายข้าก็เสียเปล่า! นอกเสียจากว่าข้าตาย ไม่อย่างนั้นเจ้าอย่าหวังจะเข้าบ้านตระกูลสวี่ของเรา!” แม่หลินก่นด่าด้วยความโมโห

จางซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงเย็น “ท่านพูดให้มันดี ๆ หน่อย! ท่านอยากเข้ามาก็ได้! แต่ท่านมาคนเดียวไม่ได้หรอก ท่านไปเรียกคนในหมู่บ้านเรามา! ทุกคนชุมนุมกันที่นี่แล้วข้าจะให้ท่านเข้ามา!”

“เรียกก็เรียก! เจ้ารอก่อน! ถึงตอนนั้นข้าจะให้คนทั้งหมู่บ้านได้เห็นว่าเจ้ามันหน้าไม่อายถึงเพียงไหน!” แม่หลินเจอจางซิ่วเอ๋อยั่วโมโหจึงตะโกนกลับไปอย่างเกรี้ยวกราด

จางชุนเถาดึงเสื้อจางซิ่วเอ๋อและกระซิบ “พี่…..”

จางซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงต่ำเบา ดังพอแค่ได้ยินกันสองคน “เจ้าไม่ต้องกลัว เดี๋ยวนางคิดได้ก็ไม่กล้าตามคนมาแล้ว…..”

“ต่อให้นางคิดไม่ได้ ไปตามคนมา ใครจะมาที่แบบนี้กับนาง” จางซิ่วเอ๋อกล่าวต่อ

แม่หลินมองหลีฮวา พูดขึ้น “หลีฮวา เจ้าเฝ้าอยู่ตรงนี้ ข้าไปตามคนก่อน!”

“ท่านแม่….ข้ากลัว” หลีฮวาบอกเสียงแผ่ว

นี่มันแถวบ้านผีสิงนะ จะไม่ให้นางกลัวได้อย่างไร

แม่หลินมองหลีฮวาอย่างผิดหวังกับความไม่เอาไหน แต่ได้หลีฮวาเตือนแม่หลินก็กลัวขึ้นมา เมื่อครู่พวกนางพุ่งเข้ามาด้วยความหัวร้อน ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ตอนนี้สติกลับมาแล้ว พวกนางกลัวจริง ๆ

ตอนนี้แม่หลินเองก็คิดได้แล้ว จึงตะโกนด่าใส่ด้านใน “เจ้าอย่านึกนะว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ เจ้าคิดว่าพอคนทั้งหมู่บ้านเห็นเรื่องของเจ้ากับลูกชายข้ากันหมด ข้าจึงจำต้องตกลง เจ้าเลิกฝันเถอะ ข้าไม่ตกหลุมพรางหรอก”

จางซิ่วเอ๋อเหยียดหยัน “ข้าทั้งพูดดีทั้งพูดไม่ดีไปหมดแล้ว ถ้าพวกท่านยังยืนกรานจะรอข้าก็จนปัญญา แต่ข้าว่าพวกท่านเอาเวลานี้ไปตามหาเขาดีกว่า”

“ชุนเถา ไปกันเถอะ เราไปนอนกัน แถวบ้านผีสิงไม่ค่อยปลอดภัยเวลากลางคืน ถ้าเห็นของต่ำตอนกลางคืนแบบนี้แย่แน่” จางซิ่วเอ๋อเอ่ย

พูดมาถึงตรงนี้ จางซิ่วเอ๋อเข้าไปหยิบกระดาษเงินในบ้านออกมากำหนึ่ง ขึ้นไปยืนบนโต๊ะและโปรยใส่อากาศ

กระดาษเงินลอยละล่องออกไปข้างนอก

“จางซิ่วเอ๋อเป็นคนทำแน่ ๆ! ท่านแม่ ท่านไม่ต้องกลัวนะเจ้าคะ…..” หลีฮวาปลอบแม่หลินทั้งที่ตัวสั่นเทา

บรรยากาศที่นี่อึมครึมชวนขนลุกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บัดนี้มีกระดาษเงินลอยอยู่ในอากาศด้วย ไม่ต้องอธิบายว่าน่าสยดสยองขนาดไหน

จางซิ่วเอ๋อไม่กลัวว่าแม่หลินและหลีฮวาจะอยู่เฝ้าตลอด อย่างไรเสียหากนางไปตามหมอไม่ได้ สุดท้ายคนที่เจ็บตัวคือคนที่สำคัญกับพวกนางสองคน

แต่พอนางนึกถึงสวี่อวิ๋นซานก็ยังรู้สึกผิดอยู่ จึงตั้งใจจะช่วยเต็มที่ และหวังว่าตัวยุ่งสองคนนั้นจะรีบไปเสีย

บัดนี้จางซิ่วเอ๋อนั่งฟังสุ้มเสียงอยู่ในสวน แต่ตัวนางเองไม่ส่งเสียงใด ๆ นางรู้ว่าถ้าตัวเองพูดอะไรออกไปจะเป็นการเสริมความกล้าให้แม่หลินและหลีฮวา ต่อให้ด่าแรงแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์

ต้นไม้ที่ห่างจากบ้านผีสิงไม่ไกลมีคนยืนอยู่ด้านบนสองคน เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งข้างในและข้างนอกบ้านผีสิง

เจ้านายและบ่าวสองคนนั้นที่โรงเตี๊ยมนั่นเอง

เถี่ยเสวียนเอ่ยเสียงเบา “เจ้านาย วันนี้คึกครื้นเชียวนะขอรับ”

พูดไปสักพัก เถี่ยเสวียนซ่อนความสมน้ำหน้าในน้ำเสียงไว้ไม่มิด

ชายชุดเทาเหลือบมองเถี่ยเสวียน ชี้สองแม่ลูกและกล่าว “จัดการซะ”

เถี่ยเสวียนตาโต “ฆ่าทิ้งรึขอรับ?”

ชายชุดเทาขมวดคิ้ว “แกล้งเป็นผี! ทำให้พวกนางกลัวจนหนีไป!”

เถี่ยเสวียนได้ยินว่าเจ้านายตัวเองจะให้ตัวเองไปปลอมตัวเป็นผี ไม่เต็มใจสุด ๆ “ไม่ไปขอรับ!”

“จะไปไม่ไป?” ชายชุดเทาถามเสียงเย็น

เถี่ยเสวียนกัดฟัน “ไม่ไป!”

ไม่รู้ว่าเจ้านายตัวเองเป็นอะไรไป พวกเขาอุตส่าห์ฟื้นตัวได้เพราะนอนกลางวัน เจ้านายพาตัวเองมาวนเวียนแถวบ้านผีสิงอีกแล้ว บอกอยากดูว่ามีอะไรให้ช่วยไหม?

มีอะไรที่ต้องช่วยอีก?

ตอนนี้เขาแทบจะเป็นช่างก่อสร้างอยู่แล้ว ทั้งซ่อมบ้าน ซ่อมโต๊ะ ก่อกำแพงขึ้นใหม่ สร้างประตูให้แข็งแรง….

เขาไม่ได้ต่อต้านการตอบแทนบุญคุณของเจ้านาย แต่ช่วยตอบแทนทีหลังได้ไหม?

วันนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เขาไม่ต้องทำงาน แต่ชายอกสามศอกอย่างเขาต้องไปปลอมตัวเป็นผี! เขาไม่ยอมหรอก!

ชายชุดเทาเอ่ย “งั้นข้าไปเอง”

“เจ้านาย! ได้ ๆๆ ข้าไปเอง!” เถี่ยเสวียนพูดอย่างยอมรับชะตากรรม

ชายชุดเทาตาหยี เถี่ยเสวียนเห็นเข้าจึงรู้ว่าตัวเองตกหลุมพราง แต่ก็ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้คนผู้นี้คือเจ้านายล่ะ เขาคงไม่ให้เจ้านายตัวเองปลอมตัวเป็นผีไปหลอกคนจริง ๆ หรอกถูกไหม?

ชายชุดดำแก้เชือกรัดชุดของตัวเอง เอาผมมาปิดหน้าจนเกือบหมด

จากนั้นเขากระโดดลงจากต้นไม้ กระโจนย่องเบาไปทางแม่หลินและหลีฮวา

เนื่องจากเป็นคนฝึกวรยุทธ เถี่ยเสวียนจึงเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วว่องไว

หลีฮวามองเห็นไม่ชัด เห็นเพียงเงาทะมึนผ่านตานางไป

นางจับมือแม่หลินไว้และละล่ำละลักพูด “ท่านแม่….ท่านแม่…..มีผี”

แม่หลินได้ฟังจึงเอ่ยขึ้น “เหลวไหล มีผีที่ไหนกัน!”

“กรี๊ด…..แม่…..” หลีฮวาตัวสั่น

“มีจริง ๆ แม่ดูสิ….” หลีฮวาชี้ไปจุดนึงพลางพูด

แม่หลินหันตามไปมองอย่างสงสัย หน้านางซีดเผือดทันทีที่มอง นางเห็นเงาผมเผ้ายุ่งเหยิง ไม่รู้ว่าเป็นชายหรือหญิงยืนอยู่ไม่ไกล กำลังมองพวกนางด้วยท่าทางขนหัวลุก

ที่น่ากลัวสุดคือพอพวกนางกระพริบตาเงานั้นก็หายไป

กว่าพวกนางจะเห็นเงานั้นอีกครั้ง มันก็ไปอยู่อีกที่หนึ่งแล้ว

“กรี๊ด…..ผีหลอก!” ตอนนั้นเองแม่หลินก็ร้องโหวกเหวกขึ้นมา

นางไม่สนเรื่องจะหาเรื่องจางซิ่วเอ๋อแล้ว วิ่งออกไปอย่างสุดแรงเกิด

หลีฮวาทั้งกลิ้งทั้งคลานตามไปด้านหลัง

จางซิ่วเอ๋อได้ยินเสียงจากในสวนแล้วต้องเบ้ปาก เห็นสองคนนี้กล้ามาตอนกลางคืนก็นึกว่าจะใจกล้า ที่ไหนได้เป็นพวกขี้ขลาด

ไม่รู้ว่าสองคนนั้นไปตกใจกับหมาแมวจรจัดที่ไหน

จางซิ่วเอ๋ออยู่ที่นี่มาระยะหนึ่งแล้ว ตอนแรกก็นึกหวาดกลัวอยู่ในใจบ้าง แต่พออยู่มาสักพักจางซิ่วเอ๋อคิดว่าคงไม่มีผีอะไรหรอก

จางซิ่วเอ๋อนั่งฟังอยู่หน้าประตูสักพัก พบว่าเงียบไปแล้วจริง ๆ จึงรู้ว่าแม่หลินและหลีฮวาไปแล้วแน่ ๆ คืนนี้ไม่น่าจะมาอีก

…………………………………………………………