เล่ม 1 ตอนที่ 101 เจ้าไปมีเรื่องกับใครมาอีก

ราชินีพลิกสวรรค์

“หลียาโถ่ว เราควรล่าเหยื่อได้แล้ว”

 

 

ลู่เสวียนแสดงรอยยิ้มประทับใจผู้คน พร้อมกับสายตาที่ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้

 

 

เจียงหลีกะพริบตา อยากมองดูเขาด้วยความสนใจ เตรียมที่จะหาวิธีจัดการสี่หางที่อยู่ข้างหลัง สัมผัสของนางไม่ได้ด้อยไปกว่าลู่เสวียน ลู่เสวียนสัมผัสได้ว่าระยะทางของสี่คนด้านหลังไกลขึ้นแล้ว ทำไมนางถึงสัมผัสไม่ได้เล่า

 

 

“หลียาโถ่ว เจ้าเอาไปหนึ่งคน ข้าสู้กับสามคนเอง เป็นอย่างไร เช่นนี้นายน้อยก็ปกป้องเจ้าเพียงพอแล้วใช่หรือไม่” ลู่เสวียนแบ่งหน้าที่ด้วยรอยยิ้ม

 

 

สุดท้าย เขาก็ไม่ลืมถามคำถามหนึ่ง “ใช่แล้ว เจ้ากล้าฆ่าคนหรือไม่”

 

 

เออะ!

 

 

เจียงหลีขยับปากเบาๆ พยักหน้ากล่าว “ข้าพอทำได้”

 

 

ใครจะรู้ คำพูดถ่อมตนของนาง กลับทำให้ลู่เสวียนเข้าใจว่านางไม่เคยฆ่าใคร จึงให้คำแนะนำนาง “อย่ากลัวเลย ถ้าอยากแข็งแกร่ง นี่เป็นสิ่งที่ต้องผ่านพ้นไปให้ได้ ครั้งแรกอาจจะรู้สึกเกรงกลัว ถ้าชินแล้วก็จะดีขึ้น จำไว้ล่ะ หลียาโถ่ว เราจะไม่ไปฆ่าใครตามอำเภอใจ แต่ว่า ถ้ามีคนมาตามฆ่าถึงที่ พวกเราก็ไม่นับว่าเป็นคนเลว!”

 

 

“……” เจียงหลีมองดูเขาด้วยความรำคาญ

 

 

อย่างนางยังจำเป็นต้องให้เด็กเหลือขอมาออธิบายเรื่องแบบนี้อยู่หรือ

 

 

ตอนที่นางฆ่าคน เด็กเหลือขอนี่อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ!

 

 

“หลียาโถ่ว ตอนนี้พวกเราแยกย้ายกันจัดการ ถ้าเจ้าไม่กล้าลงมือจริงๆ เจ้าก็ยื้อเวลาไว้ก่อน รอให้ข้าจัดการกับสามคนที่เหลือเสร็จก่อน แล้วจะมาช่วยเจ้าเอง” ลู่เสวียนกล่าวจบ เคลื่อนไหวร่างกายวูบหนึ่ง ก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาเจียงหลี

 

 

เจียงหลีปลดปล่อยพลังจิตเพื่อออกไปสัมผัส เห็นว่าเขากำลังวิ่งไล่ตามหนึ่งในสามคนที่เขาเล็งไว้

 

 

นางส่ายหัวแล้วยิ้ม

 

 

รอยยิ้มนี้ของเจียงหลี ไม่เหมือนกับอายุของนาง เต็มไปด้วยความไม่แยแสหลังเผชิญกับความผันผวนของชีวิต

 

 

นางไม่ได้วิ่งไปทางเดียวกับลู่เสวียน แต่นางกลับยืนอยู่ตรงที่เดิม รอให้คนนั้นเข้ามาหานางเอง

 

 

นางไม่ได้รอนานนัก ก็มีคนหนึ่งหลงเข้ามา มาหยุดอยู่ตรงหน้านาง เห็นนางที่เป็นสาวน้อยยืนอยู่ใต้ต้นไม้โดยไม่ขยับ คนผู้นั้นยืนนิ่งครู่หนึ่ง รู้สึกประลาดใจเล็กน้อย

 

 

“เจ้าเองหรือ” เขาจำได้ว่านางเป็นสาวน้อยที่อยู่กับลู่เสวียน คนผู้นั้นแสดงออกถึงรอยยิ้มที่เยือกเย็นและสายตาที่ดุร้าย “ดูแล้วลู่เสวียนจะทิ้งเจ้าเสียแล้ว อยากจะให้เจ้ามาถ่วงเวลาพวกข้าอย่างนั้นหรือ”

 

 

“การอวดฉลาดของเจ้าช่างน่าประทับใจเสียจริง” เจียงหลีพูดพลางเยาะเย้ยประโยคหนึ่ง

 

 

คำพูดนี้ ทำให้คนที่ไล่ตามมากริ้วโกรธ เขายกมือขึ้น บริเวณหัวไหล่มีลมปราณขับเคลื่อน รวบรวมกำลังส่งฝ่ามือไปทางเจียงหลี “ฝีปากจัดจ้านนัก”

 

 

เจียงหลียังยืนนิ่งดังเดิม แต่ทว่าตอนที่เขาเข้ามาประชิด นางขยับร่างกาย หายวับไปต่อหน้าของเขา

 

 

เงาที่หายวับไปในทันใด ทำให้เท้าของเขาหยุดชะงักไป

 

 

แน่นอน ในช่วงเวลาหนึ่งนี้ เขากลับรู้สึกมีอาการแสบร้อนที่คอ การรับรู้ก็ลดลงไปอย่างรวดเร็ว

 

 

“นี่เจ้า…” เขาเบิกตาโต จ้องมองสิ่งที่ปรากฎต่อหน้าเขาอย่างไม่ละสายตา เห็นเจียงหลีที่ยืนถือกริชที่ส่องแสงดั่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

ทับทิมที่อยู่บนกริชมีแสงที่สดใสส่องประกายออกมา

 

 

เขาเห็นเลือดของตน ที่พุ่งกระฉูดจากคอ ถูกมีดสั้นนั้นดูดกลืน

 

 

เป็นไปได้อย่างไร! นางยังไม่ได้ปลดปล่อยพลังเนตรญาณด้วยซ้ำ! เขาร้องอย่างสิ้นหวังในใจ ร่างกายก็ล้มฟุบไปข้างหลัง กระแทกเข้าไปในกองใบไม้อย่างจัง

 

 

คนที่อยู่บนพื้นนั้น เจียงหลีมิได้แม้แต่มองเขาด้วยซ้ำ

 

 

นางเพียงมองแค่กริชซุ่ยซิงนั้นที่ลู่เจี้ยมอบให้กับนาง สายตาของนางกะพริบด้วยความสงสัย ทันใดนั้นนางมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง หากเศษดาราที่แตกละเอียดนี้ยังคอยดูดกลืนเลือดของมนุษย์ ต่อไปจะแปรเปลี่ยนไปเป็นเช่นไร

 

 

จะแปรเปลี่ยนเป็นอาวุธที่ไร้เทียมทานหรือไม่

 

 

แต่ว่า สิ่งนี้ยังคงหาคำตอบไม่ได้ในตอนนี้ ดังนั้นเจียงหลีจึงไม่ได้คิดไปให้มากความ นางเก็บกริชมุ่งไปยังที่ๆ ลู่เสวียนอยู่

 

 

เจียงหลีเดินอย่างเชื่องช้า ไม่รีบร้อน ค่อยๆ เดินประหนึ่งกำลังชมสวน เหมือนกับว่าไม่ได้เป็นกังวลถึงความเป็นตายของลู่เสวียน

 

 

นางเดินไปครู่หนึ่ง ได้พบกับศพที่กองอยู่บนพื้น

 

 

นางหยุดก้าวเดิน เจียงหลีมองไปยังหน้าอกของศพที่ยุบลงไป เห็นได้ชัดว่า นี่เกิดจากหมัดพิฆาตขั้นหกของตระกูลลู่ หมัดเดียวก็สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของหัวใจ ทำให้ตายได้ สันนิษฐานได้ว่าตอนที่ลู่เสวียนลงมือ เขาคงไม่ได้อ่อนข้อให้แม้แต่น้อย เหมือนกับลู่เจี้ยไม่มีผิด หากได้ลงมือแล้ว ก็จัดการให้เสร็จสิ้นในคราเดียว

 

 

“เจ้าเด็กเหลือขอนี่ ไม่ปิดบังฝีมือของตัวเองเลย เกรงว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่านี่คือการฆ่าของคนตระกูลลู่งั้นหรือ” เจียงหลีถอนหายใจกล่าว

 

 

การทดสอบในหุบเขาโยวโยวที่เงียบสงบนี้ อนุญาตให้ฆ่าคนได้

 

 

แต่ไม่ได้หมายความว่าตระกูลของคนเหล่านี้จะไม่มาล้างแค้นในภายหลัง

 

 

ตระกูลลู่กำลังเผชิญกับคลื่นลูกใหญ่ ปัญหาใหญ่น้อยอะไรที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ก็ต้องหลีกเลี่ยง

 

 

เจียงหลีทอดถอนหายใจ

 

 

ตั้งแต่ขึ้นเรือโจรของตระกูลลู่ ไม่มีสักครั้งที่นางจะไม่คิดเผื่อตระกูลลู่ ช่วยไม่ได้ นางในวันนี้ได้ลงเรือลำเดียวกับตระกูลลู่ไปแล้ว

 

 

หลังจบถ้อยคำในใจ เจียงหลียกเท้าขึ้น มองไปยังหน้าอกของคนๆ นั้นและค่อยๆ เหยียบลงไป

 

 

พลังจิตได้หลั่งไหลลงไป ผ่านฝ่าเท้า เข้าสู่ร่างกาย ทำให้ภายในของเขาแหลกละเอียดไป เมื่อนางยกเท้าขึ้น รอยหมัดที่อยู่บนหน้าอก ได้มีรอยเท้ามาแทนที่แล้ว ลบล้างร่องรอยของหมัดพิฆาตขั้นหกไปอย่างหมดจด

 

 

หลังจากเสร็จสิ้น เจียงหลีถึงเดินไปข้างหน้าต่อ

 

 

พอเดินมาได้สักระยะ เจียงหลีสังเกตเห็นศพอีกร่างหนึ่ง ร่องรอยที่ชัดเจน แน่นอนว่าต้องเป็นสิ่งที่ลู่เสวียนฝากเอาไว้

 

 

จะทำอย่างไรได้เล่า เจียงหลีทำได้เพียงจัดการอีกครั้ง ถึงจะเดินไปข้างหน้าต่อ

 

 

เมื่อนางเห็นลู่เสวียน จูเทียนโย่วที่มีคำมั่นสัญญาว่าจะฆ่าเขาได้ถูกลู่เสวียนจู่โจมจนหมอบลงบนพื้นด้วยความอับอาย

 

 

“ไม่ใช่ว่าเจ้าจะฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ มาสิ! นายน้อยอยู่ที่นี่ รอให้เจ้ามาฆ่าอยู่นี่ไง!” ลู่เสวียนเจ้าเด็กเหลือขอนั่งยองต่อหน้าจูเทียนโยว่

 

 

เพียะ เพียะ เพียะ เพียะ

 

 

เสียงตบหน้ารัวไม่หยุด เพียงแค่ได้ยินเสียงนั้น ก็ทำให้แสบร้อนไปทั้งใบหน้า ไม่ต้องพูดถึงการถูกทุบตีดั่งหัวหมู ใบหน้าที่ถูกทำร้ายบวมช้ำจนมองไม่ออกว่าเป็นจูเทียนโย่ว

 

 

“อันอี้อ้าอะอ้าเอ้า” จูเทียนโย่วที่ไร้เรี่ยวแรงแต่ก็ยังจะพ่นคำพูดออกมาอีก

 

 

“เจ้าพูดอะไร ดังกว่านี้หน่อย! ข้าไม่ได้ยิน!”

 

 

เพียะ

 

 

ลู่เสวียนเองก็ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ หลังจากพูดจบ เขาหงายมือตบอีกครั้ง ไปที่โหนกแก้มของจูเทียนโย่ว

 

 

ความรุนแรงของการตบครั้งนี้ไม่เบา ทำให้ฟันของจูเทียนโย่วร่วงลงในทันที จนเขากระอักเลือดออกมา

 

 

“เขาบอก ว่าเขาจะฆ่าเจ้า” ขณะนี้ เจียงหลีเดินเข้ามาใกล้ มองไปที่จูเทียนโย่วอย่างยิ้มแย้ม ท่าทางไม่ได้เกรงกลัว ถามเพื่อขอคำยืนยันด้วยความไร้เดียงสา “ข้าพูดถูกหรือไม่”

 

 

จูเทียนโย่วส่งความโกรธเกลียดเคียดแค้นออกมาผ่านสายตา

 

 

หากตอนนี้ในมือของเขามีมีด ต้องโยนเข้าไปที่ร่างของลู่เสวียนอย่างแน่นอน จากนั้นค่อยฆ่าเด็กสาวที่กล้ามาหัวเราะเยาะนี่ด้วย

 

 

เสียดายเขาไม่มีโอกาสอีกแล้ว

 

 

ลู่เสวียนยืนขึ้น หัวเราะอย่างเย้ยหยันกับจูเทียนโย่ว “ใช่ไหม จะฆ่าข้า รอชาติหน้าก็แล้วกัน!” เขายกขาขึ้น เตะไปที่เอวของจูเทียนโย่ว จนทำให้เขาลอยไปชนกับต้นไม้ต้นใหญ่

 

 

กรอบแกรบ!

 

 

เสียงที่เปราะบางดังขึ้น เอวของจูเทียนโย่วโค้งงอไม่เหมือนเดิม เขาตกลงจากบนต้นไม้ กระแทกลงบนพื้น จนฝุ่นฟุ้งกระจาย

 

 

ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาถูกฝังกลบลงดิน เหลือเพียงดวงตาคู่หนึ่งที่จ้องไปยังลู่เสวียนกับเจียงหลีอย่างเคียดแค้น

 

 

ฟุบฟุบ

 

 

แสงเย็นวูบวาบสองดวงปรากฏขึ้น พุ่งมาทางลู่เสวียนจากสองทาง