ตอนที่ 109 : ลูกพี่ ผมสาบาน
“ เด็กน้อย บอกชื่อของแกมาซะ ถ้าแกมีครอบครัว เราจะช่วยดูแลเอง แกจะได้ตายอย่างสบายใจ” เจ้าเขียวพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา
“ฉันชื่อหวังเย่า ฉันไม่มีครอบครัว พ่อและแม่ของฉันตายไปหมดแล้ว” หวังเย่าโบกมือและแสดงท่าทีเยือกเย็นออกมา
เมื่อได้ยินแบบนั้น เจ้าหนูก็พูดขึ้น “ก็ดี นี่เป็นครั้งแรกที่เราจะฆ่าคน เราจะให้แกตายอย่างสบาย เด็กน้อย แกเลือกเอาว่าจะตายยังไง แกอยากจะโดนยิงหรือโดนตัดคอดี แต่แน่นอนว่าไม่ว่าแกจะเลือกตายยังไงเราก็จะเอาร่างของแกไปฝังให้ ฉันหวังว่าแกจะไม่โกรธแค้นพวกเรา”
หวังเย่าเปลี่ยนใจอีกครั้ง เขารู้สึกว่าสามคนนี้ไม่ใช่คนชั่วอะไร อย่างไรเสียการฆ่าคนก็ไม่ใช่สิ่งที่ดี หากไม่จำเป็นเขาก็ไม่คิดจะฆ่าทั้งสามคนนี้ ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้น “ฉันไม่ได้แค้นเคืองพวกนาย แต่พวกนายมั่นใจจริง ๆ หรือว่าจะทำแบบนี้ ? ”
“แน่นอน แกคิดว่าเราล้อแกเล่นรึไง ? ” เจ้าเขียวพูดขึ้นด้วยท่าทีหงุดหงิด
“โอ้ ฉันแค่กังวลบางอย่าง” หวังเย่ายักคิ้วและยิ้มออกมา
“กังวลอะไร ? ” เจ้าหนูถามขึ้นมา
“ฉันกลัวว่านายสองคนจะฆ่าฉันไม่ได้” ตอนที่หวังเย่าพูดจบเขาก็เรียกการ์ฟิลด์และหงอคงออกมา “มาสิ ให้ฉันดูหน่อยว่าพวกนายมีความสามารถยังไง”
“เด็กน้อย แกหาเรื่องเองนะ”
เมื่อเห็นว่าหวังเย่าที่เป็นแค่เด็กวัยรุ่น มาดูถูกพวกเขา ทั้งสองคนรีบลงมือทันที คนหนึ่งปามีดออกมา ส่วนอีกคนก็ยิงปืน ทั้งมีดและลูกกระสุนได้พุ่งไปที่อกของหงอคงทันที แต่ทว่ามันกลับไม่สร้างความเสียหายใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
“ที่แท้แกมีความสามารถอยู่นี่นา ไม่แปลกเลยที่แกจะไม่กลัวพวกเรา แต่ว่าแกมีอสูร เราก็มีเหมือนกัน” เจ้าเขียวได้เรียกลูกบอลสีเขียวขนาดใหญ่ออกมา “ลงมือ”
ลูกบอลสีเขียวนั้นได้เหยียดตัวออกมากลายเป็นเม่นที่มีหนามสีเขียวเต็มหลังของมัน มันอยู่ระดับเงินเลเวล 42
เจ้าหนูเองก็เรียกอสูรของตัวเองออกมา มันเป็นหนูกลายพันธุ์ที่มีหางยาวและมีใบหูที่ใหญ่ มีฟันแหลมคม 4 อันยื่นออกมา หวังเย่าลองตรวจสอบก็พบว่ามันอยู่ระดับเงินเลเวล 42 เช่นกัน
“เจ้าหนึ่ง จัดการเด็กนี่”
“เจ้าสอง ฉีกเด็กนี่ซะ”
หวังเย่าได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าแปลก ๆ ออกมา นี่มันเป็นการตั้งชื่ออะไรกัน ?
เม่นและหนูได้พุ่งเข้าใส่หวังเย่าทันที
แต่พุ่งมาได้แค่ครึ่งทาง ทั้งสองก็ต้องหยุดเพราะตรงหน้าพวกมันนั้นมีการ์ฟิลด์ที่เลเวลและระดับที่สูงกว่ามัน อีกทั้งธรรมชาติของหนูก็กลัวแมวอยู่แล้ว หนูตัวสั่นเทาและอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปทันที
เม่นนั้นยังใจกล้าอยู่บ้าง มันได้พุ่งเข้าใส่หงอคง ก่อนจะเปลี่ยนร่างเป็นลูกบอลหนามพุ่งไปข้างหน้าต่อ
แต่หนามที่มันยิงออกมากลับไม่อาจจะทำอะไรหงอคงได้เลย ตัวของมันพุ่งเข้าชนหงอคง และไม่อาจจะเดินหน้าต่อได้
เจ้าหนูและเจ้าเขียวเห็นแบบนั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไป ตอนนั้นเองที่พวกเขารู้ว่าหวังเย่านั้นแข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้
“พี่หลง เด็กนี่แข็งแกร่ง ฉันกับเจ้าหนูทำอะไรเด็กนี่ไม่ได้ พี่มาช่วยหน่อยสิ” เจ้าเขียวหันกลับไปตะโกน
พี่หลงเองก็อึ้ง อสูรทั้งสองตัวของหวังเย่านั้นกลับอยู่ระดับทองและเลเวลสูงอีกด้วย แม้ว่าเขาจะลงมือ แต่ก็ยากจะจัดการกับหวังเย่าได้
พี่หลงลังเลขึ้นมา
“รึว่าจะยอมแพ้ดี ? ” พี่หลงคิด
“เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วคงไม่อาจจะแก้ไขได้ พี่คิดว่าเจ้าเด็กนี่จะปล่อยพวกเราไปรึไง เป็นไปไม่ได้ เราต้องสู้ถึงจะรอด” เจ้าหนูตะโกนขึ้นมา
เจ้าเขียวเองก็ตะโกนขึ้น “พี่หลง เราจะรอดรึตายก็ขึ้นอยู่กับพี่ ฉันเชื่อในตัวพี่”
หวังเย่ามองไปยังทั้งสามด้วยรอยยิ้ม เขาเองก็อยากรู้ว่าพี่หลงจะเลือกยังไง
สีหน้าของพี่หลงสะท้อนความเย็นชาออกมา เขากัดฟันแน่นและพูดขึ้น “เราเป็นพี่น้องกัน ยังไงก็ต้องตายด้วยกัน”
เขาเดินไปอยู่ด้านหน้าเจ้าเขียวและเจ้าหนู ก่อนจะมองไปที่หวังเย่าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงไปกับพื้นทันที
“น้องเย่า เมตตาเราด้วย ปล่อยเราไปเถอะ ตราบใดที่นายปล่อยเราไป ไม่ว่านายต้องการอะไร ฉันรับปากว่าฉันจะหามาให้ แม้ว่าจะเป็นงานที่อันตรายถึงชีวิต แต่ฉันก็จะไม่ปฏิเสธ” เสียงของเขาหนักแน่นและเด็ดเดี่ยว
“พี่หลง พี่ทำอะไร ? ” เจ้าเขียวอุทานออกมา
“พี่หลง…ฉันขอโทษ” เจ้าหนูเองก็หดหู่ มันเป็นเพราะพวกเขาที่ทำให้พี่หลงต้องมาคุกเข่าอ้อนวอนคนที่อายุน้อยกว่าแบบนี้
หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็ลังเลขึ้นมาอยู่บ้าง
“ฉันหวงแหนศักดิ์ศรีกลับต้องมาคุกเข่าขอร้องชีวิต แต่เพื่อชีวิตพี่น้องฉันแล้ว ฉันไม่ได้อายแม้แต่น้อย” พี่หลงเงยหน้าและพูดขึ้นมา “น้องเย่า รีบตัดสินใจด้วย ไม่งั้นแล้วถ้าเฉี่ยนเจินเฉียนกลับมา ถึงนายจะปล่อยเราไป แต่เราคงหนีไม่รอด”
หวังเย่าตื่นเต้น พี่หลงนี่ดูหนักแน่นและมีความคิด มันยากที่จะเจอคนแบบนี้
เขาพึมพำออกมา “ในเมื่อนายรักพี่น้องของนาย งั้นฉันก็จะไม่ทำอะไรพวกเขา แต่ฉันมีเงื่อนไขอย่างหนึ่ง มันอาจจะยากไปหน่อยสำหรับพวกนาย แต่ถ้านายตกลง ฉันก็จะไม่คิดมากเรื่องนี้”
“บอกมาได้เลย” พี่หลงพูดขึ้น
“พวกนายสามคนมาเป็นลูกน้องฉันมั้ย ? ” หวังเย่าพูดขึ้น
“อะไรนะ ? ” เจ้าหนูอึ้ง
“ไม่มีทาง ! ” เจ้าเขียวตะโกนขึ้นมา
“นายจะตะโกนทำไม ? ” พี่หลงยังคงแสดงท่าทีเยือกเย็น “น้องหวัง เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย แต่ฉันน่ะเชื่อในหลักการข้อหนึ่งอยู่”
“หลักการอะไร ? ” หวังเย่าถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ในฐานะลูกพี่แล้ว ลูกพี่จะได้กินเนื้อแต่ลูกน้องก็ต้องได้กินซุปบ้าง เมื่อฟังเงื่อนไขนี้นายตกลงหรือไม่ ? ” พี่หลงถามขึ้นมา
หวังเย่าคิดสักพักแล้วพูดขึ้นมา “ได้ ฉันรับปาก แต่พวกนายต้องสาบาน ยังไงซะพี่น้องก็หักหลังกันได้ พวกนายต้องสาบาน ฉันถึงจะเชื่อพวกนาย”
พี่หลงดีใจขึ้นมาทันที เขารีบพูดขึ้น “เจ้าหนู เจ้าเขียว รีบมาคุกเข่าให้กับลูกพี่”
เจ้าหนูและเจ้าเขียวราวกับฝันอยู่ เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนพวกเขาตั้งตัวไม่ทัน
แต่เมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของพี่หลงแล้ว ทั้งสองก็ไม่อาจจะคัดค้านได้ พวกเขาได้แต่คุกเข่าและสาบานออกมา
“จากวันนี้ไป ฉันจะยอมรับหวังเย่าเป็นลูกพี่ ไม่ว่าจะสุขหรือยากลำบาก เราก็จะไม่ทิ้งกัน หากลูกพี่ได้กินเนื้อ ลูกน้องจะได้กินซุป ถึงต้องบุกน้ำลุยไฟเราก็จะอยู่ด้วยกัน ถ้าผิดคำสาบาน เราจะไม่ตายดี …”
“ดี ลุกขึ้นได้แล้ว” หวังเย่ารีบขัดขึ้นมา ไม่รู้ว่าพวกนี้ไปเรียนรู้คำพูดนี้มาจากไหน ในฐานะเด็กมหาลัยแล้ว เขาก็รู้สึกละอายใจอยู่นิด ๆ
ตอนที่ทั้งสามคนลุกขึ้น หวังเย่าก็ได้สั่งการออกมา “ตอนนี้ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันให้เวลาพวกนาย 2 นาที รีบไปหาสมบัติแล้วหนีจากที่นี่ไปซะ”