ตอนที่ 110 : แบ่งผลประโยชน์
มิติไฟนั้นเป็นมิติ 6 ดาวซึ่งมีขนาดพอ ๆ กับทวีปเอเชีย บอกได้ว่ามันเป็นดินแดนขนาดใหญ่
มังกรเพลิงตัวนี้อยู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ ถือว่าเป็นสัตว์อสูรที่แกร่งที่สุดในมิติไฟนี้ สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์นั้นมีแค่ไม่กี่ตัว อีกทั้งมังกรนั้นก็มีอายุที่ยืนยาว ดังนั้นมันจึงเก็บสมบัติมาสะสมได้เป็นจำนวนมาก
หวังเย่าให้เวลาพี่หลง, เจ้าเขียวและเจ้าหนูกว่า 3 นาที ทุกคนจึงได้อะไรติดมือกลับไปบ้าง
“นี่เหล็กเทพรึไง ? ” หวังเย่ามองไปที่เหล็กชิ้นหนึ่งด้วยความแปลกใจ เหล็กนี้มีสีดำทองและแผ่ความเย็นออกมา มันดูโดดเด่นอย่างมาก
หวังเย่าไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่เขารู้สึกว่าเหล็กนี่จะต้องเป็นของดีอย่างแน่นอน
ตอนที่เขากำลังจะหยิบมันขึ้นมา เขาก็ได้ใช้พลังธรรมชาติของหงอคง แต่กลับไม่รู้สึกว่ามันเบาเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่ามันน่าจะหนักมากกว่าหมื่นปอนด์
“ออกไปได้แล้ว” หวังเย่าได้สั่งการลูกน้องทั้งสามคน
ทั้งสามพากันกดความโลภในใจเอาไว้ แม้ว่าจะมีสมบัติอยู่มากมาย แต่หากต้องแลกกับชีวิตมันก็ไม่คุ้ม ตอนนี้เฉี่ยนเจินเฉียนได้ล่อมังกรออกไปกว่า 15 นาทีแล้ว เดาว่ามังกรคงกลับมาในไม่ช้า
ทั้งสี่คนได้พากันหนีออกมาจากรังและวิ่งออกจากถ้ำไป แต่ละคนต่างก็ใช้วิธีของตัวเองในการปีนภูเขาออกมา
หวังเย่าใช้สกิลกระโดดสูงของตัวเอง
เจ้าหนูนั้นได้ใช้ฟันที่แหลมคมของหนูในการเฉาะลงดินแล้วปีนขึ้นมา
ส่วนเจ้าเขียวมัดเชือกไว้กับเม่นและให้เม่นพุ่งไปเกาะที่กำแพง
พี่หลงเรียกอสูรของตัวเองออกมา มันเป็นงูสีฟ้า งูนี่ปีนกำแพงภูเขาได้อย่างรวดเร็ว เขากอดงูนี้ไว้แน่น
ทันทีที่ทั้งสี่คนออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟได้ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป ไกลออกไปนั้นมีทะเลไฟก่อตัวขึ้นมา ด้านในทะเลไฟนั้นเผยให้เห็นร่างมังกรขนาดใหญ่อยู่
“รีบไปเร็วเข้า มันกำลังจะกลับมาแล้ว”
1 นาทีต่อมามังกรก็ได้ดำดิ่งลงมาจากท้องฟ้าพุ่งทะยานไปที่ปากปล่องภูเขาไฟทันที
หวังเย่าและคนอื่น ๆ รีบวิ่งลงจากเขา ไม่นานก็พบว่า ไกลออกไปนั้นมีเงาร่างหนึ่งยืนอยู่บนพายุและกำลังมุ่งหน้าเข้ามา หนึ่งนาทีต่อมาอีกฝ่ายก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าหวังเย่าและคนอื่น ๆ
“ลุงเฉี่ยน ลุงไม่เป็นไรนะ ? ” หวังเย่าเห็นสีหน้าของเฉี่ยนเจินเฉียนไม่สู้ดีนักจึงรีบถามขึ้นมา
“บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่หนักหนาอะไรมาก คนพวกนี้เป็นใครกัน ? ” เฉี่ยนเจินเฉียนมองไปยังทั้งสามคน
หวังเย่ารีบพูดขึ้นมา “นี่คือลูกน้องของผม ลุงเฉี่ยน อีกไม่นานมังกรนั่นจะรู้ว่าสมบัติของมันถูกขโมย เราต้องรีบไปจากที่นี่”
เฉี่ยนเจินเฉียนโบกมือพร้อมกับสร้างพายุ 4 ลูกขึ้นมาที่ใต้เท้าของทุกคน ก่อนที่ทั้งสี่คนจะลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นทั้งห้าก็มุ่งหน้าไปที่ทางออกอย่างรวดเร็ว
3 นาทีต่อมา ที่บนภูเขาด้านหลังปากป่องภูเขาไฟ มังกรเพลิงก็ได้คำรามออกมา มันพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เมื่อเห็นว่าพวกมนุษย์กำลังจะหนีไป มันจึงรีบบินตามมาทันที
“มันรู้แล้วว่าของมันโดนขโมย” เฉี่ยนเจินเฉียนเร่งความเร็วขึ้นอีก
“ลุงเฉี่ยน หยุดก่อน ผมมีเพื่อนอยู่นี่ด้วย” ทันทีที่อยู่ใกล้กับทางออก หวังเย่าก็ตะโกนขึ้นมา ฟ่านฉิงเหมยที่อยู่ในที่ซ่อนได้ปรากฏตัวขึ้นและโดนลมพัดขึ้นมาทันที
“ออกไปได้แล้ว”
มังกรเพลิงยังอยู่ห่างออกไปกว่า 10 ไมล์ มันไกลพอที่พวกเขาจะหนีได้ทัน สัตว์อสูรในมิตินี้ยากจะออกจากมิตินี้ได้ ยิ่งเลเวลมันน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งยากที่จะออกไปได้
“ลุงเฉี่ยน มันจะตามเราออกมามั้ย ? ” หวังเย่าถามขึ้นมาด้วยความกังวล
“ไม่ ถ้ามันไล่ตามเราออกไป พลังของมันจะลดลงเพราะพลังของมิติโลก จากนั้นมันก็ไม่อาจจะเป็นคู่มือของฉันได้” เฉี่ยนเจินเฉียนอธิบาย
หวังเย่าพยักหน้า เขารู้ว่ามีแค่อสูรที่ทำสัญญากับมนุษย์เท่านั้นที่จะไม่ถูกจำกัดโดยพลังของโลก
2 นาทีต่อมาทั้งหกก็ได้ออกมาจากมิติไฟ เฉี่ยนเจินเฉียนได้พาทั้งห้าคนบินไปต่ออีกหลายร้อยไมล์ เมื่อไปถึงสันเขาที่เต็มไปด้วยหิมะ และจากนั้นเขาก็หยุด
หวังเย่าพบว่าใบหน้าของเฉี่ยนเจินเฉียนบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย เพราะอีกฝ่ายบาดเจ็บ การใช้ทักษะพายุนี้ทำให้เขาเสียเลือดมากกว่าเดิม และการที่เขาพาทุกคนบินมาได้ไกลกว่า 300 ไมล์นั้นก็ถือว่าดีมากแล้ว
แน่นอนว่าทันทีที่เฉี่ยนเจินเฉียนกลับลงมาที่พื้น เขาก็กระอักเลือดออกมาทันที
เขาโบกมือพร้อมกับเรียกหมาป่าจันทราออกมาปกป้องเขาไว้
หวังเย่าเห็นแบบนั้นจึงพูดขึ้น “พวกนายสามคนรีบไปขุดถ้ำ”
ทั้งสามคนรีบทำตามคำสั่งทันที 5 นาทีต่อมา พวกนั้นก็ขุดถ้ำขนาดใหญ่ขึ้นมาได้ จากนั้นทุกคนก็ไปหลบภายในถ้ำนั้นรวมถึงหมาป่าจันทราด้วย
พวกเขาได้ก่อกองไฟและทำอาหาร เฉี่ยนเจินเฉียนได้นั่งลงก่อนจะหลับตา ผ่านไป 10 นาทีอยู่ๆเขาก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่ดูดีขึ้นมา
จากนั้นเขาก็มองไปที่หวังเย่าด้วยความสงสัย
หวังเย่าได้แนะนำทั้งสี่คนให้กับเฉี่ยนเจินเฉียนรู้จัก จากนั้นเมื่อรู้ว่าสามคนนั้นเป็นลูกน้องของหวังเย่า เฉี่ยนเจินเฉียนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
หวังเย่าได้เอาของที่เขาได้จากถ้ำมังกรออกมาทีละชิ้น ๆ ทั้งดอกไม้โลหิตมังกรเพลิง, ไข่, เกล็ดมังกร, หินจันทราหรือแม้แต่นมด้วย
จากนั้นเขาก็มองไปยังลูกน้องทั้งสาม ทั้งสามคนไม่กล้ารีรอและรีบเอาของที่ตัวเองได้ออกมา
เฉี่ยนเจินเฉียนเห็นกองสมบัติตรงหน้าก็ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
หวังเย่าเห็นแบบนั้นจึงพูดขึ้น “ลุงเฉี่ยน ครั้งนี้ถ้าลุงไม่ล่อมังกรออกไป เราคงเก็บของพวกนี้มาไม่ได้ ลุงเก็บพวกมันไว้เถอะ”
เฉี่ยนเจินเฉียนส่ายหน้าและพูดขึ้นมา “หวังเย่า นายพูดไม่ถูก ของพวกนี้นายเป็นคนเอาออกมา เป็นธรรมดาที่ต้องได้รับส่วนแบ่งด้วย ฉันไม่อยากยึดเอาทั้งหมด ฉันให้นาย 30 เปอร์เซ็นต์ สำหรับของที่สามคนนั้นได้มา พวกนายเอาไป 20 เปอร์เซ็นต์”
หวังเย่าไม่คัดค้านอะไร แม้ของพวกนี้จะเป็นของดี แต่ถ้าเฉี่ยนเจินเฉียนไม่ล่อมังกรออกไปให้ งั้นพวกเขาคงไม่มีปัญญาเข้าไปขโมยสมบัติในรังของมังกรได้
แม้ว่าหวังเย่าจะใช้ตือโป๊ยก่าย แต่อย่างมากก็ขโมยมาได้แค่ดอกไม้โลหิตมังกรเพลิง แต่ก็ยังถือว่ามีความเสี่ยงอยู่บ้าง
เมื่อสามคนได้ยินแบบนั้นก็พากันโล่งอกและแสดงสีหน้ายินดีออกมา พวกเขาได้สมบัติกลับมาไม่มาก ถึงจะได้แค่ 20เปอร์เซ็นต์ แต่สำหรับพวกเขาแล้วก็ถือว่ามากอยู่ดี
“งั้นก็เอาตามที่ลุงเฉี่ยนบอก” หวังเย่าพูดขึ้น เขาคิดสักพักแล้วพูดต่อว่า “แต่ลุงเฉี่ยน ของพวกนี้ผมไม่รู้คุณค่าของมัน ลุงช่วยอธิบายคุณค่าของมันได้รึเปล่า ? ”
“สบายมาก” เฉี่ยนเจินเฉียนอธิบายทันที “ดอกไม้โลหิตมังกรเพลิงและหญ้ามังกรรวมถึงไข่และเกล็ดนั้นมีค่า แต่หินจันทรานี่มีค่ากว่าของอื่น ๆ ”