“หลิวหลี พูดจาโอ้อวดไม่ใช่สิ่งที่ดี เจ้าดู พวกเราสกุลหลงไม่มีนิสัยแบบนี้” หลงนู่เทามองดูหลิวหลีที่ลงไปกองกับพื้นไม่ขยับ ก็อดที่เยาะเย้ยไม่ได้ ร่างของนางถึกทนจริงๆ ร่างกายของนางดูเหมือนจะเคยฝึกเคล็ดวิชาของเผ่ามังกรมาก่อน ยิ่งทำให้เขาโจมตีได้อย่างสบายใจ ไม่กลัวว่าจะโจมตีจนเสียหาย นี่เป็นการโจมตีที่เขารู้สึกถึงใจมากที่สุดในรอบหลายแสนปีมานี้
“เปล่าเสียหน่อย” หลิวหลีแกล้งตายนอนกองอยู่บนพื้น โดนโจมตีจนไม่รู้ว่าวันนี้คือวันอะไร แผนที่นางจะดึงผมจะต้องวางให้รอบคอบ นางอยากได้เพลิงหทัยสมุทรมาก โดนบรรพชนซ้อมในช่วงหลายวันมานี้ พลังเซียนของหลิวหลีก็โดนซ้อมเสียจนเข้าสู่ช่วงปราณก่อนกำเนิดระยะปลายแล้ว
“โถว เวลาผ่านไป 10 ปีแล้วเจ้าเพิ่งจะเข้าสู่ช่วงปราณก่อนกำเนิดระยะปลายหรอ” หลงนู่เทาวิจารณ์ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ แต่ใจจริงแล้วกลับรู้สึกชื่นชม
“10 ปีแล้วหรอ ทำไมข้ายังอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ควรจะออกจากดินแดนลับแล้วหรอ” เรื่องของเวลาทำให้หลิวหลีมึนงงไปเล็กน้อย
“โถ สาวน้อย เจ้าคิดว่าแดนลี้ลับอสูรเทพคืออะไรกัน ข้าเป็นคนกำหนดเวลา” หลงนู่เทาพูดด้วยความเผด็จการ
“อย่างนี้เองหรือนี่” หลิวหลีร้องทุกข์อยู่ในใจ นั่นก็หมายความว่า พวกเขาจะออกจากคุกเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับบรรพบุรุษทั้ง 5 ท่านนี้ ถ้าอย่างนั้นเมื่อไหร่จะสิ้นสุด
เห็นว่าหลิวหลียังอยากจะแกล้งตายต่อไป หลงนู่เทาก็ปล่อยพลังเซียนใส่อย่างไม่เกรงใจ หลิวหลีทำท่าสะพานโค้งยกตัวขึ้นมา นางอยากจะต่อต้าน ไม่เช่นนั้นเมื่อไหร่มันจะสิ้นสุดลง
ในวันที่แสงแดดส่องจ้า หลิวหลีผลักก้อนหินไว้ให้อยู่ด้านข้าง นางบ่นจนหมดแรง ตั้งแต่บรรพชนรู้ว่านางฝึกเคล็ดวิชาของเผ่ามังกร ความแข็งแกร่งของร่างกายพอๆกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง ก็ยิ่งเล่นงานหลิวหลีสนุกสนานมากขึ้นไปอีก ใช่แล้วก็คือเล่นงานนาง
อายุก็เป็นแสนปีแล้ว จะมาสร้างงานศิลปะอะไร สร้างสระว่ายน้ำทำไม ทั้งยังผนึกพลังเซียนของนาง ให้นางแบกก้อนหิน สร้างสระว่ายน้ำด้วยมือเปล่า หินที่ใช้คือหินคลื่นสมุทรที่มีน้ำหนักหลักหมื่นกิโล เพราะดูงดงาม ทนทาน หินอยู่ที่เชิงภูเขาแต่กลับอยากสร้างบนเขา ความชื่นชอบของบรรพชนช่างพิเศษจริงๆ ก็หวังว่าหนังที่อยู่บนร่างกายจะไม่ถูกแช่จนหลุดออกไปก่อนนะ หลิวหลีขนย้ายหินไปพลางก่นด่าในใจ
นางเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ตากแดดจนกลายเป็นชายผิวหยาบกร้าน รู้สึกว่าผิวหนังทั่วร่างกายเหมือนจะแตกไปหมดแล้ว ถึงแม้นางจะไม่รักสวยรักงาม ไม่ค่อยสนใจรูปลักษณ์ภายนอก แต่ก็ไม่ควรมาทรมานแบบนี้ ไม่รู้ว่าเสี่ยวเทียนจะเป็นอย่างไรบ้าง
ส่วนการฝึกบำเพ็ญของหนานกงเวิ่นเทียนจะให้พูดอย่างไรดี สบายมาก บรรพบุรุษสกุลหนานกงผู้นี้ก็เป็นร่างวิญญาณเหมันต์ โดยรวมแล้วคล้ายกับหนานกงเวิ่นเทียน จึงตั้งใจสอนการฝึกบำเพ็ญให้หนานกงเวิ่นเทียน แล้วก็นำยามาช่วยบำรุงร่างกายให้หนานกงเวิ่นเทียนอยู่ตลอดเวลา ปมต่างๆก็ได้รับการคลายลงไป พลังบำเพ็ญเพียรเข้าสู่ช่วงปราณก่อนกำเนิดระยะปลาย ที่สำคัญเลยก็คือหนานกงเวิ่นเทียนพบว่าผิวพรรณของเขาตอนนี้เนียนนุ่มยิ่งกว่าเด็กผู้หญิงเสียอีก แต่แบบนี้จะดีแล้วหรือ
หนานกงหลิงอวี่มองหนานกงเวิ่นเทียนแล้วก็อดขำไม่ได้ นางไม่มีวันบอกเขาเด็ดขาดว่านางได้ใส่พืชศักดิ์สิทธิ์ที่ไว้ใช้เสริมความงามเข้าไป ผู้หญิงจำเป็นต้องบำรุงดูแล ผู้ชายก็จำเป็นต้องเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้น หนานกงหลิ่งอวี่ไม่ได้พูด นี่คือสูตรลับที่นางไม่เคยบอกใคร
พอกลับมาดูทางฝั่งหลิวหลี กว่าจะทำสระเสร็จได้ไม่ง่ายเลย น้ำยังจะต้องให้นางเป็นคนไปตักมาอีก
“บรรพชน ท่านคิดว่าข้าตักน้ำสองถังนี้ไปมา มันจะยังมีน้ำหลงเหลืออยู่ไหม” หลิวหลีรู้สึกอึดอัดใจขาดความรัก จะต้องทำถึงขนาดนี้เลยไหม
“ฮ่าฮ่า ถ้าหากว่าเจ้ามีวิธีอื่นก็ได้” หลงนู่เทาพูดขึ้น ในใจกลับรู้สึกพึงพอใจในตัวหลิวหลีเป็นอย่างมาก หลิวหลีผู้ถึกทน
หลิวหลีทำหน้าจะร้องไห้ พลังเซียนถูกปิดกั้น คงจะต้องทนต่อไปสถานเดียว
“ผักกาดขาวตายอยู่ในสวนแล้วหรือ” หลิวหลีตะโกนร้องเพลงขึ้น
“สาวน้อย เจ้าร้องเพลงไร้สาระอะไร” เพลงนี้ทำไมฟังแล้วมันดูน่ากลัวแปลกๆ
หลิวหลีเงียบลง นางยังสู้ผักกาดขาวไม่ได้ด้วยซ้ำ หากว่าหลงนู่เทารู้เข้า คงจะพูดได้แค่ว่าสบายกว่าผัดกาดขาวเยอะมากแล้ว
หลิวหลีรู้สึกเหมือนตัวเองย้อนกลับไปในช่วงทำนา เป็นคนใช้ของบ้านเจ้าของที่ดิน ตักน้ำหั่นฟืนทำกับข้าว
หลิวหลีถอนหายใจด้วยความเศร้าสามครั้งแล้วก็พยายามเรียกสติ ดูสิว่านางเห็นอะไร ป่าไผ่ ป่าไผ่ทำอะไรได้ หลิวหลีมองป่าไผ่ด้วยสายตาเป็นประกาย
“บรรพชน ข้าแค่เอาน้ำเข้ามาให้ได้ก็พอแล้วใช่ไหม” หลิวหลีถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง
“ใช่แล้ว” หลวนู่เทาพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” พลังเซียนโดนปิดกั้น แต่พละกำลังยังคงมีอยู่ ทันใดนั้น หลงนู่เทาก็เห็นหลิวหลีกำลังทำลายป่าไผ่ม่วง นี่เป็นของที่ไว้ใช้ทำอาวุธเชียวนะ ช่างเป็นสาวน้อยที่ใช้ของสิ้นเปลืองมากจริง ๆ หลงนู่เทามองดูหลิวหลีใช้หมัดทำให้ต้นไผ่ล้มลงไปที่พื้น จากนั้นหลงนู่เทาก็เห็นหลิวหลีจัดการต้นไผ่ไปสิบกว่าต้นราวกับคนบ้า มีทั้งหนามีทั้งบาง หลิวหลีเจาะรูไปที่ต้นไผ่ไม่หยุด นี่กำลังทำอะไร
หลิวหลีรู้สึกอย่างแท้จริงว่าคนที่ทำงานก่อสร้างคงมีความสุขแน่ นางแค่เคยเห็นวิธีทำอย่างคร่าวๆ จึงลองทำแบบมั่วๆ เมื่อผลงานเสร็จแล้ว นางมองอย่างชื่นชม นางนี่เก่งจริงๆเลย
หลงนู่เทาเห็นคนรุ่นหลังของเขานำต้นไผ่ต่อเข้าด้วยกัน น้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ตรงนั้นก็มีของประหลาดที่มีสี่แฉกอยู่หนึ่งอัน
จากนั้นก็เห็นการเคลื่อนไหวของน้ำ ทำให้ของประหลาดสี่แฉกนั้นเคลื่อนไหว น้ำไหลผ่านต้นไผ่ จากนั้นก็ไหลลงสู่สระน้ำที่หลิวหลีสร้างไว้ สาวน้อยคนนี้ช่างมีปัญญาแหลมคม หลิวหลีมองดูด้วยความตื่นเต้น สุดท้ายน้ำก็ไหลออกมา ดีจังเลย โล่งใจไปอีกหนึ่งเปราะ
“หลิวหลี ของประหลาดสี่แฉกอันนั้นคืออะไร”
“ของสิ่งนั้นเรียกว่ากังหันน้ำ” หลิวหลีแนะนำ
“เมื่อท่อนั้นเคลื่อนไหวก็จะส่งน้ำไป ถึงแม้จะใข้เวลาทำนาน แต่ผลที่ออกมาก็ไม่เลวเลย” หลงนู่เทาพึงพอใจเป็นอย่างมาก
ไม่นานก็เห็นว่าน้ำถูกเติมจนเต็มสระ หลิวหลีก็หยุดกังหันน้ำ
“บรรพชน เติมน้ำจนเต็มแล้ว” หลิวหลีพูดอย่างได้ใจ หากว่านางมีหาง หางคงกำลังกระดิกอย่างมีความสุข
“ใช่ เติมเต็มแล้ว” แน่นอนว่าหลงนู่เทามองเห็นมัน
“หลิวหลี ตอนนี้พลังบำเพ็ญของเจ้าไปถึงช่วงไหนแล้ว”
“ช่วงปราณก่อนกำเนิดระยะปลาย” หลิวหลีพูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
หลงนู่เทาใช้นิ้วดีดส่งพลังเซียนไปที่ตัวหลิวหลี จากนั้นหลิวหลีก็สัมผัสได้ถึงพลังเซียนภายในร่างกายที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
หลิวหลีก็สนใจบรรพชนที่อยู่ข้างๆ ก็รีบนั่งขัดสมาธิโคจรเคล็ดวิชาทันที
“คุณสมบัติของหลิวหลีช่างโดดเด่นมากจริง ๆ ใช้เวลาไม่ถึง 50 ปีก็จะเข้าสู่ช่วงแยกจิต อีกทั้งยังได้มาเจอกับเพลิงหทัยสมุทรที่ข้าเก็บไว้พอดี คงไม่มีใครโชคดีขนาดนี้แล้ว” หลงนู่เทาดูหลิวหลีที่กำลังจัดการกับพลังเซียนอย่างชำนาญ ไพล่คิดว่าหลิวหลีคงจะได้อะไรกลับไปไม่น้อย
หลิวหลีฟื้นฟูพลังเซียนขึ้นมาได้ในทันที พลังเซียนค่อนข้างจะพลุกพล่านเล็กน้อย หลิวหลีก็ได้จัดการพลังเซียนที่ไม่ยอมอยู่นิ่ง จนมันสงบลง จากนั้นก็เริ่มโคจรเคล็ดวิชา นางสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ส่วนพลังเซียนจะให้พูดอย่างไรดี มีคุณภาพมากขึ้น อีกทั้งเหมือนจะแตะขอบช่วงแยกจิตแล้วด้วย ช่างน่ายินดีจริง ๆ หลิวหลียังไม่ทันรู้สึกประหลาดใจอย่างเต็มที่ ก็รู้สึกเหมือนถูกคนถีบเข้าให้หนึ่งที ‘จ๋อม’ จากนั้นก็ได้ยินเสียงหลิวหลีตกลงไปในน้ำ
“บรรพชน ท่านวางแผนจะฆ่าคนรุ่นหลังที่รักอย่างข้าอย่างนั้นหรอ เตรียมจะแย่งร่างข้าใช่ไหม” ใช้แรงมากขนาดนี้ ถ้าทำให้นางจมน้ำตายไปจะทำอย่างไร
“สาวน้อย เจ้ามัวพูดไร้สาระอะไร รีบโคจรพลังเร็ว พออยู่ในช่วงที่เต็มอิ่มข้าจะมอบเพลิงหทัยสมุทรให้แก่เจ้า เจ้าพิชิตเพลิงบุปผาเหมันต์ไปแล้ว การพิชิตเพลิงหทัยสมุทรก็น่าจะง่ายยิ่งขึ้น นี่คือน้ำวิญญาณสมุทร จะช่วยให้เจ้าพิชิตเพลิงหทัยสมุทรได้ง่ายมากขึ้น จากนั้นเจ้าก็จะบรรลุช่วงแยกจิต” คำพูดของหลิวหลีเกือบจะทำให้หลงนู่เทาลมจับ นังหนูพูดจาไร้สาระอะไรกัน
หลิวหลีเข้าใจแล้ว แต่ตอนแรกไม่ได้บอกว่าต้องดึงผมก่อนถึงจะให้นางหรือ นางมองหลงนู่เทาขณะที่มือก็รวบรวมพลังเซียน
หลงนู่เทาเห็นหลิวหลีมองตัวเองไม่วางตา เกิดอะไรขึ้น ในขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น มือของหลิวหลีก็เกิดขยับขึ้นมา เพลิงที่รวมเพลิงอัคคีทั้ง 4 ชนิดก็ถูกส่งมาที่หลงนู่เทา หลิวหลีใช้กำลังขาทั้งสองข้าง เอามาได้แล้ว
“บรรพชน ก่อนหน้านั้นพูดไว้แล้วว่าจะต้องดึงเส้นผมให้ได้ก่อน จึงจะให้เพลิงอัคคี พูดได้ก็ต้องทำให้ได้ ข้าทำได้แล้วนะ” หลิวหลีเห็นหลงนู่เทาโมโห พอพูดจบก็นำเส้นผมวางไว้แล้วก็รีบกลับลงไปในน้ำฝึกฝนต่อ
หลงนู่เทาเห็นผมของตัวเอง ทำให้ความโกรธพอจะบรรเทาลงไปบ้างเด็กคนนี้ เขาลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่นางยังจำได้ ตอนนี้นางจะสามารถพิชิตเพลิงหทัยสมุทรได้อย่างวางใจแล้วใช่ไหม อยากจะเห็นนางได้บรรลุเป็นเซียนจริงๆ
หลิวหลีพยายามปรับร่างกายให้อยู่ในสภาพสมดุลที่สุด เมื่อหลงนู่เทาเห็นหลิวหลีปรับสมดุลร่างกายได้ไม่เลวแล้ว จึงส่งเพลิงหทัยสมุทรเข้าสู่ร่างกายของหลิวหลี เพลิงอัคคีทั้ง 4 ชนิดภายในร่างกายรวมตัวเข้าด้วยกัน ผลมาจากเพลิงบุปผาเหมันต์ จึงทำให้เพลิงหทัยสมุทรสามารถโอนอ่อนโดยง่าย กลายเป็นเส้นลมปราณเส้นหนึ่งของหลิวหลี พลังเซียนมหาศาลหลั่งไหลเข้าร่างนาง นี่กำลังจะบรรลุช่วงพลังแล้ว
หลิวหลีจัดการพลังเซียน จุดปราณก่อนกำเนิดในร่างคลายพลังเซียนบริสุทธิ์ออกมา เมื่อรู้สึกว่าพอได้แล้ว หลิวหลีก็ได้ใช้พลังทะลุแนวกั้นทั้งปวงออกมา บรรลุเข้าสู่ช่วงแยกจิต จากนั้นท้องฟ้าก็เริ่มเกิดความแปรปรวน มังกรยักษ์ 5 สีปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า หลิวหลีลองแยกร่างดู ผลปรากฏว่าเมื่อแยกออกมาได้เป็นมังกรตัวน้อย 5 สี มีลักษณะเดียวกับมังกรยักษ์ที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
จากนั้นภาพนิมิตบนฟ้าก็ไหลเข้าร่างหลิวหลี ร่างแยกของนางก็ค่อยๆ หลอมรวมเข้ากับร่างกายตนเอง ท้องฟ้าเกิดความแปรปรวน หลิวหลียังไม่ทันได้คิดอย่างละเอียดว่าทำไมร่างแยกของตนเป็นมังกร ก็ต้องตั้งรับวิบากอัสนีบาต
หลงนู่เทาเห็นหลิวหลีที่กำลังหลบซ้ายหลบขวาจากอัสนีบาต ก็กระวนกระวายใจ ภาพนิมิตบนท้องฟ้าของนางเป็นรูปมังกรที่โตเต็มที่ หลิวหลีเป็นสุดยอดผู้ถูกเลือกจริงๆ
หลังจากวิบากอัสนีบาตสิ้นสุดลง หลิวหลีเอามือจับหัวที่เหมือนโดนระเบิด แล้วคลานขึ้นมา เกิดใหม่หลังผ่านวิบากกรรมช่างรู้สึกดีจริงๆ หลังจากดูดซึมพลังอัสนี และการเคลื่อนไหวของพลังเซียน ทำให้พลังบำเพ็ญเพียรของนางคงที่อยู่ในช่วงแยกจิตระยะต้น จุดกลมสีแดงบนหน้าผากกลายเป็นสีทอง ด้านในมีสีรุ้งปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว
“เวิ่นเทียน เจ้าเข้าสู่ช่วงปราณก่อนกำเนิดระยะปลายแล้ว ห่างจากช่วงแยกจิตเพียงก้าวเดียว จะบอกข่าวอะไรให้เจ้าอย่างหนึ่ง หลิวหลีสกุลหลง หญิงสาวที่เจ้าชื่นชอบ นางเป็นผู้บำเพ็ญช่วงแยกจิตแล้วนะ” หนานกงหลิงอวี่เห็นความพยายามของเขา ก็ไม่อยากจะทำร้ายความมั่นใจของเขา แต่ความห่างชั้นระหว่างเขากับหลิวหลีมักจะแตกต่างกันแค่เพียงนิดเดียวจริงๆ
“บรรพชน ข้าจะพยายาม” หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกเสียความมั่นใจเล็กน้อย แต่ก็ฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เขาจะพยายามตามนางให้ทัน
นอกจากนั้น บรรพบุรุษอีกสามท่าน ย่อมต้องเห็นภาพนิมิตเช่นกัน เมื่อมองแล้วจากเดิมที่คิดว่าลูกหลานของพวกเขาพอจะมีความก้าวหน้า อยู่ดีๆก็รู้สึกว่ายังห่างไกลกันมากจริงๆ
หลังจากที่หลิวหลีบรรลุช่วงพลัง เอ๋าเลี่ยกับจื่อฉีที่ถูกโยนให้กับบรรพบุรุษของตัวเองก็มีความพัฒนาเล็กน้อยเช่นกัน
พอหลิวหลีพักฟื้นเสร็จ หลงนู่เทาก็มองหลิวหลีด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“หลิวหลี เมื่อครู่บรรพบุรุษของทั้งสี่สกุลที่เหลือต่างก็เข้ามาแสดงความยินดีกับข้า ยินดีด้วย เจ้ากลายเป็นแบบอย่างที่ไว้ใช้กระตุ้น 9 คนที่เหลือให้พัฒนาได้สำเร็จแล้ว” หลงนู่เทาพูดอย่างได้ใจเล็กน้อย
“เป็นเช่นนี้เองหรือ” หลิวหลีพยักหน้าแสดงออกว่าเข้าใจ การที่มีบรรพบุรุษแบบนี้ช่างรู้สึกดีจริง ๆ
“หลิวหลี ยังเหลือเวลาอีกครึ่งปีก่อนเจ้าจะออกไป ข้าไม่มีอะไรจะให้เจ้าแล้ว เจ้าลองไปหาบรรพบุรุษคนอื่นดู แต่จำไว้ว่า เดือนสุดท้ายเจ้าจะต้องกลับมาที่นี่” หลงนู่เทาพูดกำชับประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“จำได้เจ้าค่ะ บรรพชน” หลิวหลีพยักหน้า ยังมีอะไรอีกไหม
เดิมคิดว่าหลิวหลีจะออกไป ผลคือหลงนู่เทาได้เห็นอะไร หลิวหลีหยิบเตาปรุงยาออกมาฝึกปรุงยา อีกทั้งยังใช้เพลิงหทัยสมุทร ถือเป็นการลองเพลิงอัคคีชนิดใหม่ ใช้ได้จริงๆ มองดูหลิวหลีจัดการสมุนไพรด้วยความเชี่ยวชาญ ยาที่ปรุงคือยาเขียวทะลวงระดับ 7 ดูจากท่าแล้วน่าจะเคยทำมาก่อน ระดับการปรุงยาของหลิวหลีไม่ได้ต่ำเลย เมื่อมีประสบการณ์จากครั้งที่แล้ว บวกกับพลังบำเพ็ญที่ก้าวหน้าขึ้นมามาก ถึงแม้หลังปรุงยาเสร็จ หลิวหลีจะสีหน้าซีดไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงมีพลังเซียนเหลืออยู่ ทว่าตอนที่หลิวหลีเปิดเตาปรุงยาออกมาก็ถึงกับขมวดคิ้ว
“ทำไมถึงเป็นยาเสียอีกแล้ว” จากนั้นนางก็ไปฟื้นฟูพลังเซียน
หลงนู่เทาเห็นยาคุณภาพระดับกลางค่อนไปล่างที่อยู่ข้างๆ ก็พูดไม่ออกไปสักพัก ยาเสียหรือ รู้สึกเหมือนมีเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกิดขึ้น
นี่ใช่ยาที่เสียที่ไหน หลงนู่เทาก็เห็นหลิวหลีปรุงยาครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่ง
“ในที่สุดก็สำเร็จแล้ว” หลิวหลีมองดูยาคุณภาพชั้นเลิศที่อยู่ในมือด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็เริ่มขมวดคิ้วต่อ รสชาติไม่ถูกต้อง ต้องเริ่มศึกษาใหม่อีกครั้ง
หลงนู่เทามองดูยาที่ถูกกองทิ้งข้างตัว ทั้งที่บอกว่าเป็นยาคุณภาพชั้นเลิศ แต่รสชาติยังไม่ใช่จึงถูกทิ้งไว้ข้างๆ ทายาทของเขาคนนี้ทำไมถึงช่างแตกต่างจากคนอื่นขนาดนี้
จากนั้นหลงนู่เทาก็ได้เห็นการถือกำเนิดขึ้นของยาคุณภาพชั้นเลิศที่มีรสชาติดี ที่แท้ยาก็จำเป็นต้องมีรสชาติ หลังจากปรุงยาที่ทำให้ตัวเองพึงพอใจได้สำเร็จ หลิวหลีก็วางแผนจะไปเดินดูรอบๆ ที่นี่มีเวลามากเพียงพอ ถึงแม้ดูเหมือนหลิวหลีจะใช้เวลาฝึกฝนไปสิบปี แต่จริงๆ แล้วนางใช้เวลาไปแค่ 10 วันเท่านั้น นำยาแยกชนิดไว้เรียบร้อย หลิวหลีก็กล่าวลาหลงนู่เทาอย่างมีมารยาท แล้วก็ออกมา
“ข้าเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าทำไมนางถึงได้เป็นสุดยอดผู้ถูกเลือก” หลงนู่เทามองแผ่นหลังของหลิวหลีแล้วพูดขึ้น
…………………………………..