บทที่ 83 ปรึกษา

ครึ่งชั่วโมงต่อมา…

ถึงแม้ว่าจะมีความมั่นใจที่ล้นเหลือสักแค่ไหนมันก็ไม่ได้แปลว่าอาหารที่ทำออกมามันจะกินได้…

อวี้ฮ่าวหรานนั่งเหม่อลอยที่โซฟา ไม่อยากเชื่อว่าฝีมือการทำอาหารของตัวเองมันจะห่วยบรมขนาดนี้

อาหารรสชาติชั่วช้าแบบนั้นมันออกมาจากมือจักรพรรดิเทพผู้นี้ได้ยังไง?

เขามองไปที่ผัดมะเขือยาวเละ ๆ และไข่คนใส่มะเขือเทศที่สุดแสนจะเค็มเหมือนกับใส่น้ำทะเลไปเป็นกะละมัง

อย่าว่าแต่จะให้ถวนถวนกินอาหารพวกนี้เลย แม้แต่หมาข้างถนนมันคงไล่กัด หากเขาเอาอาหารพวกนี้ไปให้พวกมันกิน!

“ช่างเถอะ ถือซะว่าฉันไม่มีพรสวรรค์ในด้านนี้ก็แล้วกัน”

คนทุกคนย่อมไม่สมบูรณ์แบบอยู่แล้วจริงไหม? หากมันจะมีบางอย่างที่เขาทำได้ไม่ดีมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอกน่า!

หลังจากนั้น อวี้ฮ่าวหรานจึงตัดสินใจรอให้หลี่หรงกลับมาจากที่ทำงานเพื่อมาทำอาหารให้เขากับถวนถวนกิน

ราว 20 นาทีต่อมา หลี่หรงก็เปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับเอ่ยทักทาย

“กลับมาแล้ว…เอ๊ะ? ใครทำอาหารวันนี้?”

หลี่หรงมองไปที่จานอาหารที่อยู่บนโต๊ะด้วยสีหน้าประหลาดใจจากนั้นเธอก็เห็นสีหน้าที่หดหู่ของคู่พ่อลูก

“แม่หรงช่วยด้วย! พ่อรังแกหนู! พ่อทำอาหารพวกนั้นมาแกล้งหนู!!”

เมื่อเห็นว่าหลี่หรงกลับมาแล้ว ถวนถวนรีบวิ่งโผเข้าไปกอดด้วยสีหน้าขมขื่นทันที

“ฮ่าฮ่าฮ่า พี่เขย วันนี้พี่ทำอาหารงั้นเหรอ?”

หลังเห็นสีหน้าที่ขมขื่นของถวนถวน หลี่หรงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน

ในเวลาเดียวกันเธอก็ได้รู้ว่าพี่เขยที่แสนสมบูรณ์แบบของเธอนั้นก็มีสิ่งที่ทำได้ห่วยเหมือนกัน

“อะแฮ่ม เอาล่ะ ๆ ในเมื่อเธอกลับมาแล้วก็ช่วยทำอาหารให้ถวนถวนกินที ป่านนี้ถวนถวนคงหิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าอับอาย เขาเองก็ไม่นึกเลยว่าตัวเองจะต้องขอร้องให้คนอื่นช่วยเหลืออย่างจนใจแบบนี้

“ได้เลยพี่เขย!”

หลี่หรงหัวเราะเบา ๆ จากนั้นเธอวางกระเป๋าลงบนโซฟาก่อนที่จะเดินเข้าครัวไปทำอาหาร

หลังจากนั้นราวครึ่งชั่วโมง อาหารที่ดูน่ารับประทาน 3-4 อย่างก็วางอยู่บนโต๊ะ

“เสร็จแล้ว ถวนถวนมากินข้าวได้แล้ว…”

“เย้! แม่หรง แม่หรง เยี่ยมที่สุด!”

บนโต๊ะอาหาร ถวนถวนกินอาหารอย่างเพลิดเพลินสุดฤทธิ์

“งั่ม ๆ ๆ พ่อจ๋า พ่อต้องไปฝึกทำอาหารมาเยอะ ๆ หน่อยนะ ถวนถวนไม่อยากกินอาหารรสชาติแบบนั้นของพ่ออีกแล้ว!”

ในขณะที่ยังมีอาหารอยู่เต็มปาก ถวนถวนยังคงสามารถบ่นพ่อของเธอได้อีกรอบ

เธออดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงอาหารสุดแย่ที่พ่อของเธอทำซึ่งมันนับว่าเป็นประสบการณ์เลวร้ายต่อลิ้นของเธอมากนับตั้งแต่ที่เธอเกิดมา!

อวี้ฮ่าวหรานหลบสายตาลูกสาวของตัวเองด้วยความอับอาย เขาไม่มีอะไรจะเถียงเพราะอาหารของเขามันรสชาติห่วยจริง ๆ

เมื่อเห็นอาการเช่นนี้ของอวี้ฮ่าวหราน หลี่หรงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ

หลังจากทานมื้อค่ำกันเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานก็พาถวนถวนไปอาบน้ำและนอนเล่นกับลูกสาวของเขาเองในห้องถวนถวนจนถึงราว 3 ทุ่ม ก่อนที่ถวนถวนจะผล็อยหลับไป

เมื่อเห็นว่าเทพธิดาน้อยของเขานอนหลับไปเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานจึงค่อย ๆ ย่องออกมาจากห้องนอนของถวนถวน ซึ่งเขาก็ได้เห็นว่าที่โซฟาในห้องนั่งเล่นขณะนี้ หลี่หรงยังคงนั่งดูทีวีอยู่ยังไม่เข้าห้องของเธอไป

“ยังไม่เข้าไปนอนอีกเหรอ?” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามขึ้นทันที

“ฉันรอพี่อยู่น่ะ วันนี้ฉันแวะไปที่บริษัทชงซานมาซึ่งมันทำให้ฉันมีความคิดดี ๆ จะนำเสนอพี่”

หลี่หรงคิดว่าในฐานะที่เธอเป็นน้องภรรยาของอวี้ฮ่าวหราน เธอจึงควรช่วยเหลือเขาในทุกเรื่องในระหว่างที่พี่สาวของเธอไม่อยู่ ซึ่งแน่นอนว่ามันรวมถึงเรื่องงานด้วย ดังนั้นเธอจึงยังไม่เข้าไปนอนและรอเขาเพื่อให้คำปรึกษาทางด้านธุรกิจหากเขาต้องการ

“อ้อ เผอิญว่าวันนี้พี่ไปหาเฉิงกัวอันมา เขาให้คำแนะนำดี ๆ กับพี่มาเยอะเหมือนกัน”

เมื่อเห็นว่าหลี่หรงต้องการพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับบริษัท อวี้ฮ่าวหรานจึงเอ่ยเกี่ยวกับความคืบหน้าของเขาบ้าง

“เฉิงกัวอัน? นี่เขาถึงขนาดให้คำแนะนำพี่เป็นการส่วนตัวเลยงั้นเหรอ? ว่าแต่คำแนะนำของเขาเป็นยังไงบ้าง? มันดีมากไหม?”

หลี่หรงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเธอจะรู้อยู่แล้วว่าพี่เขยของเธอติดต่อกับเฉิงกัวอัน แต่เธอไม่คิดว่าพี่เขยของเธอจะสนิทกับนักธุรกิจเบอร์ต้น ๆ ของเมืองขนาดนี้

“มันมีประโยชน์มากเชียวล่ะ” อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ถัดมาเขากับหลี่หรงก็เริ่มปรึกษาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันต่อ

15 นาทีต่อมา หลี่หรงก็เอาแต่มองไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตาโง่งม!

เธอไม่นึกเลยว่าพี่เขยของเธอจะมีแผนการทำธุรกิจที่ฉลาดขนาดนี้!

หากเธอไม่รู้จักอวี้ฮ่าวหรานมาก่อน เธอคงนึกว่าอวี้ฮ่าวหรานเป็นผู้ที่อยู่ในวงการธุรกิจมาหลายปีแล้ว

หลังจากนั้นเธอก็เริ่มวิเคราะห์แผนธุรกิจของอวี้ฮ่าวหราน และขัดเกลามันให้ดียิ่งขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นฉันแนะนำให้พี่แยกแผนกในบริษัทชงซานออกมาเป็นส่วน ๆ ก่อน จากนั้นเราเอาพวกบริษัทใหม่เข้ามาเติมในแผนกที่เราแยกไว้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมและนำมาประสานกันและวางแผนงานให้พวกเขาทำงานสอดคล้องกัน โดยต่อไปนี้จะมี 4 แผนกหลัก ๆ ซึ่งก็คือ ฝ่ายผลิต ฝ่ายวิจัย ฝ่ายขาย และฝ่ายบริหารงานภายใน…”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ อวี้ฮ่าวหรานครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจากนั้นเขาพยักหน้าเล็กน้อยเห็นด้วยกับความคิดของเธอ

สมแล้วที่เธอเป็นลูกสาวของตระกูลที่อยู่ในวงการธุรกิจ สายตาและความคิดของเธอช่างเฉียบแหลมในด้านวางแผนบริหารเหนือคนทั่วไปจริง ๆ

“พี่ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้ เอาล่ะนับจากนี้เธอเองก็คอยให้แนะนำพี่หน่อยก็แล้วกัน เพราะไม่ว่ายังไงพี่ก็ไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจจริง ๆ มาก่อน”

“แน่นอน!” หลี่หรงตบอกตัวเองอย่างภาคภูมิใจด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

หลังจากนั้นทั้งคู่ต่างแยกย้ายกันกลับห้อง

เช้าวันต่อมา

ที่หน้าโรงเรียน

สวีรุ่ย วันนี้เธอได้รับเวรทำหน้าที่คอยดูความเรียบร้อยเด็กนักเรียนที่หน้าประตูทางเข้า

“สวัสดีค่าครูสวี!” ถวนถวนตะโกนทักทายด้วยท่าทีร่าเริงตามปกติ

“อรุณสวัสดิ์จ้ะถวนถวน วันนี้อารมณ์ดีเชียวนะ ปะ เข้าไปด้านในก่อนเร็วเดี๋ยวครูตามเข้าไป” สวีรุ่ยทักทายเด็กน้อยกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเช่นกัน

“ฮี่ฮี่ วันนี้ครูสวีสวยเหมือนทุกวันเล้ย!”

“หืม?” สวีรุ่ยรู้สึกงุนงง ทำไมจู่ ๆ วันนี้ถวนถวนถึงได้ชมเธอแบบนี้กัน? แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกยินดีและลูบหัว ถวนถวนเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู

“ไปเถอะ รีบเข้าไปข้างในก่อน ตอนนี้เพื่อน ๆ รอถวนถวนกันใหญ่แล้ว”

“งั้นถวนถวนเข้าไปข้างในก่อน แล้วครูสวีรีบตามเข้ามานะ บ๊ายบาย~”