ภาคที่ 1 บทที่ 86 ปล่อยข่าว

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 86 ปล่อยข่าว

“เขาเก่งมากเลยนะพี่จ๋า”

ไป๋จือเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงอิจฉาในความสามารถของชายหนุ่ม แต่คิดไปคิดมาก็ทำให้รู้สึกอับอายอีกครั้งที่เคยแอดเพื่อนไปในแอปวีแชทแล้วถูกปฏิเสธถึงสองครั้งสองหน หลังจากนั้น ไป๋จือเหยียนก็เหมือนกับจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มือถือกลับขึ้นมาอีกครั้ง

“ครั้งนี้ฉันจะแนะนำตัวเลยว่าฉันเป็นใครมาจากไหน ดูซิว่านายยังจะกล้าไม่รับแอดฉันอยู่อีกหรือเปล่า!”

เมื่อกรอกเบอร์โทรศัพท์ลงไปแล้ว ไป๋จือเหยียนก็จัดการแอดเพื่อนไปที่ไอดีวีแชทของซูเย่โดยทันที

หลังจากนั้น เธอก็ส่งข้อความแนะนำตัวว่า

“สวัสดี ฉันคือไป๋จือเหยียนจากสถาบันดนตรีซิงเหมิง พวกเราเคยเจอกันแล้ว หวังว่านายคงจำได้”

ข่าวคราวของนักศึกษาหนุ่มที่ไม่ได้มาจากคณะแพทย์แผนจีน แต่กลับกำลังจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นลูกศิษย์คนใหม่ของฮั่วเหรินเซิง กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจในวงกว้าง

หลังจากตรวจสอบ และได้รับคำยืนยันว่านี่ไม่ใช่ข่าวปลอม ทุกคนก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากตกตะลึง

“ทำไมฮั่วเหรินเซิงต้องรับลูกศิษย์คนใหม่เป็นเด็กจากคณะอื่นด้วยนะ?”

“ซูเย่คงมีความสามารถมากพอตัวละมั้ง แต่เขาไม่ใช่คนจากคณะแพทย์แผนจีนโดยตรงนี่นา เฮ้อ”

“พวกคนที่อยู่ในคณะแพทย์แผนจีนคงโกรธมากแน่ ๆ”

ในขณะเดียวกันนั้น บรรดานักศึกษาที่เรียนอยู่ในคณะเดียวกับซูเย่ ต่างก็ส่งข้อความมาถามเขาทางวีแชทเป็นจำนวนมากว่านี่ใช่เรื่องจริงหรือเปล่า

เพราะในยุคสมัยนี้บางข่าวเหมือนเรื่องจริง แต่ก็เป็นข่าวปลอม ส่วนบางข่าวเหมือนข่าวปลอม แต่ดันเป็นข่าวจริง

ณ หอพักชายในมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง

ซูเย่เพิ่งกลับมาถึงที่พัก เขาเพียงอ่านข้อความจากทุกคน โดยไม่ได้ตอบกลับสักข้อความเดียว

หัวคิ้วของเขาขมวดมุ่นเล็กน้อย

ใครเป็นคนปล่อยข่าวกันนะ คนที่ปล่อยข่าวต้องเป็นคนวงในแน่นอน

แต่ที่แน่ ๆ ต้องไม่ใช่หลี่เคอหมิง เพราะว่าอาจารย์หลี่กำลังรับประทานอาหารอยู่กับเขาตอนที่กระทู้นั้นถูกโพสต์ลงไป

แล้วจะเป็นใครได้อีก?

ซูเย่หรี่ตาลง กำลังนึกทบทวนเหตุการณ์ตอนที่หลี่เคอหมิงรับโทรศัพท์ระหว่างรับประทานอาหารร่วมกับเขา

จังหวะนั้นประตูห้องพักก็ถูกเคาะด้วยความร้อนรน

เป็นซูชือกับจินฟานที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกในสภาพเหนื่อยหอบ เมื่อทั้งสองหนุ่มเห็นหน้าซูเย่ พวกเขาก็ต้องถามด้วยความตื่นตะลึง “เสี่ยวเย่ ฮั่วเหรินเซิงที่เป็นปรมาจารย์แพทย์แผนจีนคนนั้นน่ะ อยากจะรับนายเป็นลูกศิษย์จริง ๆ เหรอวะ”

ซูชือกับจินฟานมองหน้าซูเย่เขม็ง

“ตอนนี้ก็ยังแน่ใจไม่ได้หรอก”

ซูเย่ตอบเสียงเรียบ

เมื่อได้ยินดังนั้น เพื่อนร่วมห้องทั้งสองคนของชายหนุ่มก็แสดงสีหน้าตกตะลึงมากกว่าเดิม

“แต่หมายความว่าเขาอยากจะรับนายเป็นลูกศิษย์จริง ๆ ใช่ไหม?”

จินฟานถามออกมาโดยไม่รู้ตัว ด้วยความอยากรู้

ซูเย่พยักหน้า

“คนที่แนะนำฉันก็คืออาจารย์หลี่เคอหมิงนั่นแหละ”

“บ้าไปแล้ว!!!”

ซูชือกับจินฟานหันมองหน้ากัน และกระโดดเข้ามาขนาบข้างซ้ายขวาของซูเย่

“เสี่ยวเย่…” ซูชือพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพร้อมกับใช้กำปั้นทุบไหล่ซูเย่เบา ๆ “ฟังนะ ถ้านายได้เป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์ฮั่วเหรินเซิงเมื่อไหร่ อย่าลืมพวกเราด้วยก็แล้วกัน นายช่วยพาพวกเราไปแนะนำตัวกับปรมาจารย์ฮั่วหน่อยได้ไหม?”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว”

จินฟานพยักหน้าสนับสนุนความคิดของซูชือ และช่วยทุบไหล่ซูเย่อีกข้างหนึ่ง

“ฉันรับปากไม่ได้หรอกนะว่าจะได้เป็นลูกศิษย์ของเขาหรือเปล่า”

ซูเย่ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ “ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว อยู่ดี ๆ ก็มีคนเอาข่าวนี้ไปปล่อยในเว็บบอร์ดรวมมิตรมหาลัย เห็นได้ชัดว่ามีคนไม่อยากให้ฉันได้เป็นลูกศิษย์คนใหม่ของอาจารย์ฮั่ว”

“ใครวะ?”

สองเพื่อนซี้ถึงกับชะงักไปทันที

ซูเย่ส่ายหน้า เพราะเขาเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน

“ต้องเป็นพวกคณะแพทย์แผนจีนแหงเลย” ซูชือคำรามออกมาด้วยความฉุนเฉียว “รีบปล่อยข่าวซะขนาดนี้ แม่งต้องมีเจตนาไม่ดีอยู่แล้ว อย่าให้ฉันรู้นะว่ามันเป็นใคร กล้ามาขัดขวางอนาคตที่สดใสของพวกเรา ถ้าเจอตัวนะ ฉันจะอัดมันให้เละไปเลย!”

“ถูกต้อง ฉันจะกระทืบแม่งให้จมดิน!” หลังจากส่งเสียงคำรามออกมาแล้ว จินฟานก็ปรับเปลี่ยนน้ำเสียงอีกครั้งในขณะที่พูดว่า “สงสัยนายคงมีชื่อเสียงโด่งดังมากเกินไปไงล่ะ ก็เลยมีคนอิจฉา”

“คงไม่ตื้นเขินขนาดนั้นหรอกมั้ง”

ซูเย่ว่า

คนที่รู้เรื่องนี้ในปัจจุบันมีอยู่แค่สามคน คือตัวเขาเอง หลี่เคอหมิง แล้วก็ฮั่วเหรินเซิง

หรือถ้าจะเพิ่มอีกคน ก็คงเป็นหลี่ชินเอ้อ

หรือไม่ก็น่าจะเป็นบุคคลปริศนาที่โทรศัพท์มาหาหลี่เคอหมิงตอนที่พวกเขากำลังรับประทานอาหารกันนั่นแหละ

ชายหนุ่มนึกทบทวนบทสนทนาที่หลี่เคอหมิงพูดคุยกับปลายสาย

“คณบดีหยางจะทำใจได้หรือครับ?”

หรือว่าจะเป็นคณบดีคนปัจจุบันของมหาวิทยาลัย?

จังหวะนั้นเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือของซูเย่

เมื่อเปิดดูหน้าจอ ถึงได้รู้ว่ามันเป็นการแจ้งเตือนการเพิ่มเพื่อนใหม่

เมื่อเห็นข้อความแนะนำตัว ซูเย่ก็ถึงกับเบิกตาโต

ไป๋จือเหยียน?

เมื่อเห็นชื่อนี้ภาพของฝาแฝดสาวคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นในหัวสมองของชายหนุ่ม

แต่หลังจากนั้น

เขาก็กดปฏิเสธไป

ไม่ว่าพวกเธอจะมีหน้าตาสวยงามขนาดไหน แต่มันก็ไม่ได้สำคัญต่อซูเย่เลยแม้แต่นิดเดียว

สถาบันดนตรีซิงเหมิง หอพักหญิง

“กรี๊ด!!!”

ไป๋จือเหยียนส่งเสียงกรี๊ดออกมาด้วยความโกรธแค้นพร้อมกับทิ้งโทรศัพท์กลับลงบนเตียงนอน

“ซูเย่ นายเนี่ยนะ!”

ไป๋จือเหยียนหยิบตุ๊กตาหมีมาฟาดระบายความอัดอั้นตันใจ

ครั้งสุดท้ายนายไม่รู้ว่าฉันเป็นใครก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ครั้งนี้ฉันอุตส่าห์แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ นายยังปฏิเสธฉันได้ลงคออีกหรือ!

หมอนี่มันอยากจะมีเรื่องกับฉันใช่ไหม?

หรือว่าฉันยังสวยไม่พอ?

หญิงสาวหันหน้าไปมองทางพี่สาวฝาแฝด และถามด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

“พี่จ๋า พี่ว่าฉันสวยไหม?”

“สวยมากเลยล่ะ”

ไป๋จือหรานตอบกลับมาพร้อมกับอมยิ้ม

เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋จือเหยียนก็ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข

คำตอบไม่มีทางต่างไปจากนี้ได้เลย เพราะว่าฝาแฝดย่อมมีหน้าตาเหมือนกันอยู่แล้ว

ไป๋จือหรานมีหน้าตาที่สวยงามอย่างไร ไป๋จือเหยียนก็ต้องมีหน้าตาที่สวยงามอย่างนั้น

แต่ในเมื่อมีสาวสวยเป็นฝ่ายแอดเพื่อนไปขนาดนี้

ซูเย่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธนะ?

ยิ่งคิด ไป๋จือเหยียนก็ยิ่งรู้สึกขมขื่นหัวใจ

ซูเย่ เรื่องระหว่างเราไม่มีทางจบง่าย ๆ แน่

ณ มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง หอพักอาจารย์

“พ่อคะ อาจารย์ฮั่วอยากจะรับซูเย่เป็นลูกศิษย์คนใหม่เหรอคะ?”

หลี่ชินเอ้อเห็นข่าวจากเว็บบอร์ดรวมมิตรมหาลัย จึงถือโทรศัพท์รีบวิ่งมาถามบิดาที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนโซฟาด้วยความร้อนรน

“ก็ยังไม่แน่หรอก ประมาณ 80% น่าจะได้”

หลี่เคอหมิงพยักหน้าตอบ แต่แล้วกลับชะงักกึกเพราะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบถามออกมาทันที “ลูกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”

“จะไม่ให้หนูรู้ได้ยังไงคะ เพราะมีคนเอาข่าวนี้”