ภาคที่ 1 บทที่ 87 ฉันอาศัยสิ่งนี้แหละ

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 87 ฉันอาศัยสิ่งนี้แหละ

ป่านนี้คนคงรู้กันทั้งมหาวิทยาลัยแล้วใช่ไหม?

ใครเป็นคนปล่อยข่าวนะ?

ความเดือดดาลปะทุขึ้นในหัวใจของหลี่เคอหมิง ยังไม่ทันที่เขาจะพาซูเย่ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์ฮั่วอย่างเป็นทางการ เรื่องนี้กลับล่วงรู้ไปถึงหูคนภายนอกเสียแล้ว!

อาจารย์ของเขาเพียงรับปากว่าจะอนุญาตให้ซูเย่เข้าพบเท่านั้น แต่ยังไม่ได้รับปากเป็นกิจจะลักษณะสักหน่อยว่าจะรับชายหนุ่มคนนี้เป็นลูกศิษย์คนใหม่

แต่กลับมีคนเจตนาปล่อยข่าวลือว่าปรมาจารย์ฮั่วเหรินเซิงเป็นฝ่ายอยากรับซูเย่เป็นลูกศิษย์

หลี่เคอหมิงรู้จักอาจารย์ของตนเองดีว่าชายชราเป็นคนใจแข็งขนาดไหน บางทีข่าวลือที่เผยแพร่ไปในครั้งนี้ อาจจะทำให้อาจารย์ฮั่วเลิกล้มความคิดที่จะรับลูกศิษย์คนใหม่ก็เป็นได้

เห็นได้ชัดว่ามีคนตั้งใจขัดขวางเส้นทางในวงการแพทย์แผนจีนของซูเย่!

เมื่อเห็นสีหน้าของบิดาเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน หลี่ชินเอ้อก็รีบถอยกลับออกมาจากห้อง และไม่กล้าถามอะไรให้มากความอีกเลย

หลี่เคอหมิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาล็อกอินเข้าไปในเว็บบอร์ดรวมมิตรมหาลัย และเมื่อเขาได้เห็นกระทู้เจ้าปัญหา รวมถึงชื่อเจ้าของกระทู้ที่มีเครื่องหมาย “ถูกต้อง” แปะอยู่ด้านหลัง หลี่เคอหมิงก็เข้าใจทุกอย่างขึ้นมาในวินาทีนั้นเอง

“หยางเหวินป๋อ!”

เจ้านั่นเป็นเพียงคนเดียวที่รู้เรื่องนี้!

และคนที่มาโพสต์กระทู้นี้ ก็เป็นเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัย!

ไม่ต้องมีคำอธิบายอะไรอีกแล้ว หลี่เคอหมิงกดโทรศัพท์โทรไปหาฝ่ายตรงข้ามทันที

“ตื้ด ตื้ด ตื้ด…”

ไม่มีใครรับสาย

หลี่เคอหมิงลองกดโทรไปอีกครั้ง

ยังคงไม่มีใครรับสาย

“ก็ได้ หยางเหวินป๋อ!”

หลังจากลองโทรไปถึงห้าครั้งติด ๆ กัน ในที่สุด หลี่เคอหมิงก็ระเบิดเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกต่อไปแล้ว หยางเหวินป๋อเจตนาไม่ยอมรับสายเขาชัด ๆ !

ทันใดนั้นหลี่เคอหมิงก็คิดถึงซูเย่ขึ้นมาจับใจ และกลัวว่าชายหนุ่มจะทำอะไรด้วยความใจร้อนโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง จึงรีบส่งข้อความไปหาผู้เป็นลูกศิษย์ว่า

“อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม”

เพียงประโยคเดียวเท่านั้น ไม่มีถ้อยคำอื่นอีกแล้ว

เดิมทีหลี่เคอหมิงมั่นใจว่าอาจารย์ของตนเองจะต้องยอมรับในความสามารถของซูเย่แน่นอน แต่ถ้าอาจารย์ฮั่วเกิดความไม่พอใจที่ประชาชนเข้าใจผิด คิดว่าท่านเป็นฝ่ายอยากรับซูเย่เป็นลูกศิษย์ก่อน อาจารย์ฮั่วก็อาจจะไม่อยากเห็นหน้าซูเย่เลยด้วยซ้ำ!

“ไม่ได้การล่ะ เราต้องรีบอธิบายให้อาจารย์เข้าใจเดี๋ยวนี้”

แต่เมื่อหลี่เคอหมิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาก็พบว่านี่เป็นเวลา 22:00 น. แล้ว

อาจารย์ฮั่วเหรินเซิงเป็นคนที่เคร่งครัดต่อเวลา มักทำอะไรตามกฎระเบียบเสมอ และนี่ก็คือเวลานอนของท่าน

“งั้นพรุ่งนี้เราเดินทางไปบอกอาจารย์ด้วยตัวเองเลยดีกว่า ถ้าอาจารย์ไม่ยอมรับซูเย่เป็นลูกศิษย์นะ หยางเหวินป๋อ ฉันจะตามรังควานแกไม่เลิกแน่!”

ในเว็บบอร์ดรวมมิตรมหาลัย

บรรยากาศยังคงคึกคัก

โดยเฉพาะในเว็บบอร์ดย่อยของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง ซึ่งปกติก็จะมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนที่อื่น ๆ แวะเวียนเข้ามาดูข่าวคราวเป็นระยะอยู่แล้ว

วันนี้กระทู้แนะนำได้ทำให้ทุกคนต้องตกอยู่ในความตื่นตะลึง

กระทู้นั้นถูกแชร์ส่งต่อไปเป็นจำนวนมาก

จากมหาวิทยาลัยหนึ่ง ไปสู่อีกมหาวิทยาลัยหนึ่ง และไปสู่อีกหลายมหาวิทยาลัยต่อ ๆ ไป…

ในไม่ช้านักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนทั่วประเทศก็ได้รับทราบข่าวนี้

“เจ้าคนที่ชื่อซูเย่อะไรนั่น ทำไมถึงได้โชคดีขนาดนี้วะ?”

“นี่มันไม่ต่างจากถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งเลยนะเนี่ย!”

“ถ้าเปลี่ยนจากหมอนั่นกลายเป็นฉัน มันจะดีขนาดไหนกันนะ!”

“ทำไมเราถึงไม่โชคดีแบบนี้บ้าง? ฉันล่ะอยากจะฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์ฮั่วเหรินเซิงแทบตายอยู่แล้ว บอกตามตรง ฉันยอมเรียกเขาว่าพ่อเลยด้วยซ้ำ!”

เกือบทุกคนที่รับทราบข่าวนี้ ปฏิกิริยาแรกคือตกใจ ส่วนปฏิกิริยาต่อไปคืออิจฉา ริษยาและเกลียดชัง

เจ้าซูเย่นั่นน่าจะเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกแล้ว!

ส่วนอีกหนึ่งปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นก็คือ

ทำไมปรมาจารย์ฮั่วเหรินเซิงถึงรับลูกศิษย์คนใหม่เป็นเด็กที่ไม่ได้มาจากคณะแพทย์แผนจีน?

ถ้าซูเย่เป็นเด็กจากคณะแพทย์แผนจีน พวกเขาก็คงพอทำใจได้ง่ายมากขึ้น แต่นี่ซูเย่ไม่ได้เรียนอยู่ในคณะแพทย์แผนจีนด้วยซ้ำ!

ทำไมสวรรค์ถึงได้เล่นตลกกับพวกเขาเช่นนี้!

การโต้เถียงในบอร์ดข้อความเริ่มกลับมาอยู่ในบรรยากาศที่ร้อนระอุอีกครั้ง ยังคงมีนักศึกษาจากคณะแพทย์แผนจีนทั่วประเทศ ทยอยเข้ามาคอมเมนต์ถามว่านี่คือข่าวจริงหรือข่าวลวงกันแน่

ทุกคนต่างก็รู้จักหยางเหวินป๋อ คณบดีคนปัจจุบันของคณะแพทย์แผนจีนจี้หยาง

เขานับเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์มากที่สุด

แต่กลับไม่มีใครคิดเลยว่าผู้ที่นำข่าวมาปล่อยในครั้งนี้จะเป็นท่านคณบดีเสียเอง

ข้อสงสัยที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ยังคงดำรงอยู่มาถึงการเรียนคาบเช้าในวันถัดไป

อาจารย์ผู้สอนอยู่ในคลาสชำเลืองมองมาที่ซูเย่มากกว่าหนึ่งครั้ง และมีหลายจังหวะที่หยุดพูดอย่างกะทันหัน แต่สุดท้ายอาจารย์ก็ไม่กล้าเอ่ยถามออกมา

ทุกครั้งที่อาจารย์หยุดพูด สายตาของทุกคนก็จะจ้องมองมาที่ซูเย่โดยอัตโนมัติ

เพื่อนร่วมคลาสทั้งหมดต่างก็อยากรู้ว่าข่าวลือที่เกิดขึ้นในเว็บบอร์ดเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แล้วซูเย่ไปรู้จักกับปรมาจารย์แห่งวงการแพทย์แผนจีนได้อย่างไร? แล้วทำไมฮั่วเหรินเซิงถึงอยากรับตัวเขาเป็นลูกศิษย์คนใหม่? คำถามเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากจะได้คำตอบ

เมื่อเสียงออดเลิกเรียนดังขึ้น

ระหว่างที่ทุกคนเก็บข้าวเก็บของเตรียมตัวออกจากห้องเรียน ซูเย่ก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปก่อนเป็นคนแรก ทำให้นักศึกษาคนอื่น ๆ ต้องรีบวิ่งตามไปด้วยความเร่งร้อน

ไม่ว่าอย่างไรวันนี้พวกเขาก็จะต้องรู้คำตอบให้ได้

แต่วิ่งตามออกมาถึงนอกห้อง ทุกคนก็ได้พบว่าซูเย่กำลังตกอยู่ในวงล้อมของเด็กจากคณะแพทย์แผนจีนกลุ่มใหญ่

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ทำให้เหล่านักศึกษาจากคณะวิจัยสมุนไพรนึกถึงตอนที่ซูเย่มีเรื่องกับเด็กจากคณะแพทย์แผนจีนเมื่อเดือนที่แล้วขึ้นมาทันที

เสียแต่ว่าวันนี้ คนที่เขามีเรื่องด้วยไม่ได้มีแค่คนเดียวเท่านั้น แต่นักศึกษาคณะแพทย์แผนจีนทั้งกลุ่มจ้องมองมาที่ซูเย่ด้วยแววตาเป็นศัตรูชัดเจน

“ซูเย่! ทำไมถึงต้องเป็นนายด้วย?”

นักศึกษาหัวหน้ากลุ่มถลึงตาจ้องมองซูเย่พร้อมกับถามว่า “ทำไมอาจารย์ฮั่วเหรินเซิงถึงอยากรับนายเป็นลูกศิษย์? นายใช้วิธีไหนหลอกลวงอาจารย์ฮะ?”

“นั่นสิ ทำไมต้องเป็นนายด้วย?”

“นายไปพูดกล่อมอีท่าไหน อาจารย์ฮั่วถึงได้หลงคารมนาย?”

“นายไม่ใช่เด็กคณะแพทย์แผนจีน นายไม่มีคุณสมบัติดีพอ!”

นักศึกษาจากคณะแพทย์แผนจีนพร้อมใจกันส่งเสียงคำรามใส่ซูเย่

เพราะอะไรกัน?

ซูเย่กวาดตามองกลุ่มคนที่ห้อมล้อมเขาอยู่ด้วยแววตาเรียบเฉย จากนั้นจึงนำบัตรสมาชิกสมาคมแพทย์แผนจีนออกมาชูให้ทุกคนได้เห็นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ฉันอาศัยสิ่งนี้แหละ”

กลุ่มนักศึกษาต่างคณะถึงกับชะงักกึก

นั่นมันอะไรกัน?

เมื่อพวกเขาขยับเข้ามาดูใกล้ ๆ

บรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบ ไม่ว่าจะเป็นเด็กจากคณะแพทย์แผนจีน หรือเด็กจากคณะวิจัยสมุนไพร ต่างก็จ้องมองมาที่ซูเย่เป็นตาเดียวด้วยความตกตะลึง

นี่มันบัตรสมาชิกสมาคมแพทย์แผนจีน!

ไม่กี่วันก่อนทางมหาวิทยาลัยของพวกเขาได้เปิดการสอบแข่งขันประจำปี เพื่อเปิดรับสมาชิกใหม่ของสมาคมแพทย์แผนจีน และมีแต่ผู้ที่สอบผ่านเท่านั้นถึงจะได้ใบอนุญาต และบัตรสมาชิกมาครอบครอง

ทุกคนย่อมรู้ดีว่าการสอบผ่านไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในวงการแพทย์แผนจีน เรียกได้ว่าใครก็ตามที่มีบัตรสมาชิกใบนี้ ก็สามารถเดินยืดอกไปได้ทุกที่โดยไม่ต้องอายใครอีกแล้ว

บรรดานักศึกษาจากคณะแพทย์แผนจีนทุกคนต่างก็อยากเข้าสอบแข่งขันด้วยเช่นกัน แต่พวกเขารู้ความสามารถของตัวเองดีว่าคงต้องเรียนให้หนักมากกว่านี้อีกหลายปี ถึงจะมีคุณสมบัติเพียงพอไปสอบแข่งขันกับใครเขาได้

แต่ซูเย่เพิ่งเรียนที่นี่ได้เดือนกว่า ๆ แถมไม่ได้เรียนอยู่ในคณะแพทย์แผนจีน แล้วเขาสามารถสอบผ่านใบอนุญาตได้อย่างไร?

“เข้าใจแล้วหรือยัง?”

ซูเย่หัวเราะในลำคอ เก็บบัตรสมาชิกกลับเข้าใส่ในกระเป๋า และเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไม่ว่าเขาเดินไปไหน

กลุ่มนักศึกษาที่ยืนขวางทางอยู่ ก็จะรีบหลีกทางให้โดยเร็ว

ก็จะมีเหตุผลอะไรให้พวกเขาขวางทางซูเย่อีก? เพราะทุกคนต่างก็อยากจะมีบัตรสมาชิกเหมือนที่ซูเย่มีทั้งนั้น!

ตอนแรกพวกเขาคิดอาศัยความเป็นนักศึกษาแพทย์แผนจีนมาตอกหน้าซูเย่ แต่แล้วกลับกลายเป็นฝ่ายของตนเองที่ถูกซูเย่ตอกหน้ากลับมาเสียอย่างนั้น

ตั้งใจมาทำให้หมอนั่นหน้าแตกแท้ ๆ แต่กลับกลายเป็นพวกเขาเองที่หน้าแตกหมอไม่รับเย็บซะนี้!

“สุดยอดเลยว่ะ!”

ซูชือกับจินฟานอยู่ร่วมในเหตุการณ์ทั้งหมด พวกเขารีบวิ่งตามไปสมทบกับซูเย่ระหว่างทางไปโรงอาหาร

แล้วทั้งสองหนุ่มก็ได้แต่คิดสงสัยอยู่ในใจว่า

ใครกันนะอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความวุ่นวายทั้งหมดนี้?

การขัดขวางซูเย่ไม่ให้เป็นลูกศิษย์ฮั่วเหรินเซิงได้สำเร็จ มันจะมีประโยชน์กับใครกัน?

หรือว่าซูเย่ไปยั่วโมโหใครเอาไว้อีกแล้ว?

ซูเย่เดินผ่านโรงอาหารด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม ชายหนุ่มสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าสายตาของคนส่วนใหญ่ที่มองมานั้น เต็มไปด้วยความอิจฉา และความเกลียดชังอยู่หลายส่วน ดังนั้นเขาจึงตรงกลับไปที่หอพักและวานให้เพื่อนร่วมห้องทั้งสองคนนำอาหารกลับมาส่งให้

ระหว่างทางกลับหอพัก ข่าวที่ซูเย่มีบัตรสมาชิกสมาคมแพทย์แผนจีนก็ถูกโพสต์ลงไปในเว็บบอร์ดรวมมิตรมหาลัยอย่างรวดเร็ว

“แน่ใจนะว่าไม่ใช่ของปลอม?”