ภาคที่ 1 บทที่ 88 พิสูจน์ความสามารถ

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 88 พิสูจน์ความสามารถ

“บัตรสมาชิกแบบนั้น ถึงจะเป็นแค่ระดับแพทย์ผู้เขียนใบสั่งยาก็เถอะ แต่มันไม่ใช่ของที่จะได้มาง่าย ๆ หรอกนะ โดยเฉพาะกับคนที่เพิ่งสนใจเรื่องแพทย์แผนจีนได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนเนี่ย เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”

“ต่อให้ไม่ใช่ของปลอม ฉันก็ไม่เชื่อน้ำลายแม่งแน่ ๆ ฉันว่าซูเย่ต้องเคยเรียนแพทย์แผนจีนมาก่อนเข้าเรียนที่นี่แล้วต่างหาก”

ความคิดเห็นอันมากมายถูกคอมเมนต์ลงไปน้ำไหลไฟดับ

หลายคนมีคำถามอยู่ในใจมากมาย

บางคนตั้งคำถามด้วยอคติ ในขณะที่บางคนตั้งคำถามอย่างมีเหตุผล

แต่ในไม่ช้าคอมเมนต์ที่เข้ามาแก้ต่างให้แก่ซูเย่ ก็ถูกรุมถล่มโดยคอมเมนต์ของบรรดานักศึกษาจากคณะแพทย์แผนจีนจำนวนนับไม่ถ้วน

“ถ้าเขาสอบผ่านได้ใบอนุญาตจริงนะ แสดงว่าเขาไม่ได้เพิ่งเรียนแค่เดือนเดียวแน่!”

“สอบผ่านแค่นี้ทำมาคุย ถ้าพวกเราไปสอบบ้าง ก็ต้องผ่านเหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่พวกเรายังไม่อยากเสียเวลาไปสอบก็เท่านั้นเอง”

“ถูกต้อง อย่างน้อยรุ่นพี่ในคณะของพวกเราก็มีดีพอที่จะสอบผ่านใบอนุญาตได้เป็นสิบ ๆ คน เก่งจริงเอาซูเย่มาสอบแข่งกับรุ่นพี่ของพวกฉันไหมล่ะ? อีกอย่างเรายังแน่ใจไม่ได้ด้วยนะว่าบัตรสมาชิกของเขามันเป็นของจริง มีใครเคยเอามาตรวจสอบบ้างหรือยัง?”

“ทุกคน ฉันว่าฉันรู้คำตอบแล้วล่ะ ซูเย่คงเอาบัตรสมาชิกปลอมใบนั้นไปหลอกลวงอาจารย์ฮั่วแน่ ๆ อาจารย์ก็เลยหลงกลอยากรับเขาเป็นลูกศิษย์ไงล่ะ”

“พูดดีมีเหตุผล ฉันยอมวางเดิมพันเลยหมื่นนึง!”

“ไม่สำคัญหรอกว่าซูเย่จะมีคุณสมบัติดีพอหรือเปล่า แต่เด็กที่มาจากคณะอื่นน่ะ อย่าสะเออะมาอยู่ในที่ทางของพวกเราได้ไหม!”

“เห็นด้วย แบบนี้เราต้องแบนซูเย่ เราต้องแบนพวกคณะสมุนไพรจีนให้หมด!”

ในไม่ช้าความคิดเห็นทำนองนี้ก็มีอยู่เกลื่อนบอร์ดข้อความ

นักศึกษาบางคนเจ็บใจถึงขนาดที่ว่ายอมเขียนจดหมายร้องเรียนไปหาอธิการบดี เพื่อขอให้ทางมหาวิทยาลัยสืบสวนซูเย่เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ทุกคน!

ยิ่งไปกว่านั้น มีการรวมตัวไปประท้วงให้คณบดีของคณะแพทย์แผนจีนลงมาดูแลเรื่องนี้ด้วยตนเอง

ซึ่งคณบดีคนนั้นก็คือหยางเหวินป๋อ

“ท่านคณบดี! ท่านต้องยกเลิกบัตรสมาชิกสมาคมแพทย์แผนจีนของซูเย่นะครับ!”

“เราต้องสั่งห้ามไม่ให้ซูเย่มายุ่งเกี่ยวกับวงการแพทย์แผนจีนเด็ดขาด!”

“ซูเย่กำลังจะทำให้ภาพลักษณ์ของวงการแพทย์แผนจีนต้องเสื่อมเสีย!”

“ท่านคณบดีต้องตรวจสอบว่าบัตรสมาชิกของซูเย่เป็นของจริง หรือของปลอมกันแน่ เขาอาจจะปลอมมันขึ้นมาหลอกลวงคนอื่นก็ได้นะครับ!”

หลังจากยกขบวนไปประท้วงที่หน้าตึกสำนักงานของฝ่ายบริหารประจำมหาวิทยาลัยแล้ว กลุ่มแกนนำผู้ประท้วงก็เรียกร้องขอคำอธิบายจากหยางเหวินป๋อ

การเผชิญหน้ากับม็อบของนักศึกษาผู้กำลังโกรธแค้นจำนวนมาก

ไม่ใช่สิ่งที่หยางเหวินป๋อนึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย

ชายวัยกลางคนกลับยิ้มแย้ม และพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรว่า “ปรมาจารย์ฮั่วเหรินเซิงเป็นผู้ใหญ่ในวงการแพทย์แผนจีน การที่เขายอมรับลูกศิษย์คนใหม่ ย่อมเป็นผลดีต่อวงการของพวกเราอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมพวกเธอถึงอยากจะให้ฉันสอบสวนเรื่องนี้ล่ะ?”

“ผลดีก็ส่วนผลดี แต่ลูกศิษย์คนนั้นต้องไม่ใช่ซูเย่ ทำไมปรมาจารย์ฮั่วถึงเลือกรับลูกศิษย์ที่มาจากคณะอื่นล่ะครับ? แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด!”

“ใช่แล้วครับ ทำไมต้องเป็นเด็กจากคณะวิจัยสมุนไพร ทำไมต้องเป็นซูเย่ ทั้ง ๆ ที่พวกเราเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนนะ พวกเด็กคณะนั้นว่าไปแล้วก็คือคนนอกด้วยซ้ำ!”

เมื่อได้ยินดังนี้ หยางเหวินป๋อก็ตอบคำถามด้วยความอารมณ์ดี “ในเมื่อนี่เป็นเรื่องที่สร้างความไม่สบายใจให้แก่พวกเธอได้ขนาดนี้ ในฐานะที่ฉันเป็นคณบดีของพวกเธอ ก็คงจะปล่อยผ่านไปโดยไม่ทำอะไรไม่ได้ แต่ก่อนอื่น พวกเธอต้องบอกฉันก่อนว่าที่มาประท้วงกันในวันนี้ ต้องการอะไรกันแน่?”

“พวกเราอยากได้ความยุติธรรม! พวกเราอยากสอบแข่งขันกับซูเย่ พวกเราอยากกระชากหน้ากากเจ้าหมอนั่น!”

ประธานนักศึกษาจากคณะแพทย์แผนจีนลุกขึ้นยืนพูดเสียงดังกังวาน “พวกเราจะไม่หยุดจนกว่าซูเย่จะสามารถพิสูจน์กับทุกคนได้ว่า เขาคู่ควรที่จะเป็นลูกศิษย์คนใหม่ของปรมาจารย์ฮั่วเหรินเซิง!”

“สรุปว่าการสอบแข่งขันอย่างยุติธรรม” หยางเหวินป๋อถามออกมาในที่สุด “คือสิ่งที่พวกเธอต้องการใช่ไหม?”

“ใช่แล้วครับ!”

ทุกคนพยักหน้า

กลุ่มผู้ประท้วงจากคณะแพทย์แผนจีนต่างก็มั่นใจว่าตนเองมีดีกว่าซูเย่ และถ้าให้พวกเขาได้สอบแข่งขันกันอย่างยุติธรรม ทุกคนล้วนมั่นใจว่าตนเองสามารถบดขยี้ซูเย่ให้อับอายแทบมุดแผ่นดินหนีได้โดยไม่มีปัญหา และนี่ก็คือโอกาสประกาศศักดาว่า นักศึกษาจากคณะแพทย์แผนจีนมีความเก่งกาจขนาดไหน!

“เรื่องสำคัญอย่างนี้ ให้ฉันพูดคนเดียวคงทำไม่ได้หรอก” หยางเหวินป๋อส่ายหน้า ทว่ายิ้มอย่างมีเมตตา “พวกเธอจะให้ฉันเอาอำนาจอะไรไปเปลี่ยนใจผู้ใหญ่ในวงการอย่างอาจารย์ฮั่วล่ะ”

แต่พูดมาถึงตรงนี้ ในดวงตาของคณบดีหยางก็เป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด “แต่เอาเป็นว่าฉันจะบอกความไม่สบายใจของพวกเธอให้อาจารย์ฮั่วได้รับทราบก็แล้วกันนะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น กลุ่มนักศึกษาผู้ประท้วงก็ส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ

ในเมื่อคณบดีรับปากเช่นนี้ สิ่งที่พวกเขาต้องการจะต้องสำเร็จแน่นอน!

“พวกเธอพอใจกันแล้วใช่ไหม?”

หยางเหวินป๋อรีบถามออกมาอย่างรวดเร็ว “ฉันมีเรื่องสำคัญอีกอย่างจะแจ้งให้ทราบ พอดีเมื่อวานนี้กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการได้ส่งอีเมลแจ้งเตือนมาว่า ปีนี้จะมีการเบิกจ่ายงบประมาณให้แก่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนทั่วประเทศ แต่มหาวิทยาลัยที่จะได้รับทุนไปครอบครองนั้น จะต้องส่งนักศึกษาของตนเองมาแข่งขันสอบวัดความรู้ทางด้านแพทย์แผนจีนร่วมกับนักศึกษามหาวิทยาลัยอื่น ๆ การแข่งขันรอบแรกจะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้ เพราะฉะนั้น ขอให้พวกเธอจงตั้งใจเรียนให้ดี ไม่แน่ว่าพวกเธอคนใดคนหนึ่งอาจจะเป็นคนที่ทำให้มหาวิทยาลัยของเรา ได้รับเงินทุนมหาศาลก็เป็นได้!”

พูดจบแล้ว

ดวงตาของนักศึกษาทุกคนก็แทบจะลุกเป็นไฟขึ้นมาในทันที

การแข่งขันสอบวัดความรู้อย่างนั้นหรือ?

การแข่งขันจะมีขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า?

ทันใดนั้น ประธานนักศึกษาส่งเสียงตะโกนขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยครับ! ซูเย่เก่งนักใช่ไหม? ผมขอเรียกร้องให้ทางมหาวิทยาลัยส่งเขามาร่วมแข่งพร้อมกับพวกเราเลยครับ ถ้าซูเย่มีปัญญาทำให้มหาวิทยาลัยของเราได้รับเงินทุนประจำปีนี้ได้สำเร็จ ผมจะยอมเป็นลูกน้องเขาเลย!”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ประธานนักศึกษาพูดออกมา บรรดานักศึกษาในกลุ่มผู้ประท้วงก็พร้อมใจกันพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

ถูกต้อง!

นี่คือโอกาสดีที่จะพิสูจน์ความสามารถของซูเย่ ถ้าหมอนั่นมีความสามารถดีพอ ก็ต้องสร้างชื่อเสียง และเกียรติยศให้แก่มหาวิทยาลัยได้อย่างไม่มีปัญหา!

“ก็ในเมื่อเขาจะเป็นลูกศิษย์คนใหม่ของท่านปรมาจารย์ฮั่วเหรินเซิงทั้งที การสอบแข่งขันชิงเงินทุนแค่นี้ คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงเขาหรอกมั้งครับ ทีนี้แหละเราก็จะได้รู้กันสักทีว่าหมอนี่มีความสามารถจริงหรือเปล่า”

กลุ่มนักศึกษาส่งเสียงออกมาด้วยความคึกคัก

เมื่อเห็นบรรยากาศที่อยู่ตรงหน้า หยางเหวินป๋อก็สยายยิ้มออกมาด้วยความพอใจ

พวกเด็กสมัยนี้จูงจมูกง่ายเหลือเกินแฮะ

“เอาล่ะ ฉันเข้าใจความต้องการของพวกเธอแล้ว”

หยางเหวินป๋อยกมือขึ้น บอกให้กลุ่มผู้ประท้วงเงียบเสียงลง “แต่พวกเธอต้องไม่ลืมนะว่าอาจารย์ฮั่วเป็นผู้ใหญ่ในวงการแพทย์แผนจีน เขาต้องเลือกคนที่มีความสามารถมากที่สุดมาเป็นลูกศิษย์ของตนเองอยู่แล้ว แต่ในเมื่อทุกคนเป็นกังวลว่าอาจารย์ฮั่วอาจถูกหลอกโดยไม่รู้ตัว ฉันก็จะนำความไม่สบายใจของพวกเธอไปบอกให้อาจารย์รู้”

“ท่านคณบดีจงเจริญ!”

“ขอบคุณท่านคณบดีมากเลยนะครับ!”

“ถ้าไม่มีท่านคณบดี มหาวิทยาลัยของพวกเราคงต้องเละเทะมากแน่ ๆ”

กลุ่มผู้ประท้วงส่งเสียงสรรเสริญเยินยอหยางเหวินป๋อด้วยความเคารพจากใจจริง

คิดไม่ถึงเลยว่าคณบดีหยางจะยอมรับข้อเรียกร้องของพวกเขาอย่างง่ายดาย

หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มผู้ประท้วงก็หลีกทางให้หยางเหวินป๋อเดินจากไป

เมื่อร่างของคณบดีหยางหายลับไปจากสายตา

กลุ่มนักศึกษาก็จัดการโพสต์ผลของการประท้วงครั้งนี้ลงในเว็บบอร์ดรวมมิตรมหาลัย

“หลังจากที่พวกเรารวมตัวประท้วงในวันนี้ คณบดีหยางเหวินป๋อก็รับปากว่าจะนำความไม่สบายใจของพวกเราไปกราบเรียนให้อาจารย์ฮั่วได้รับทราบ เพื่อที่อาจารย์ฮั่วจะได้ทบทวนเรื่องการรับลูกศิษย์คนใหม่อีกครั้ง”

“แล้วมหาวิทยาลัยของพวกเราก็กำลังจะส่งคนเข้าร่วมการแข่งขันตอบปัญหาชิงเงินทุนประจำปี…”

เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างการประท้วง ถูกบรรยายลงในกระทู้โดยละเอียด

ในเว็บบอร์ด

ชาวเน็ตที่เข้ามาแอบส่องความเคลื่อนไหวของคณะแพทย์แผนจีนเมื่อพบเจอข่าวล่าสุดเข้าไป พวกเขาก็ต้องเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ

ขณะนี้ทุกคนได้แต่เฝ้ารอคำตอบจากหยางเหวินป๋อเพียงคนเดียวเท่านั้น

หอพักชาย

“พวกประธานนักเรียนเข้าใจนายผิดไปกันใหญ่แล้วว่ะ!”

ซูชือที่เพิ่งวางโทรศัพท์ลงพูดด้วยความโกรธแค้น

“อาจารย์ฮั่วเกษียณจากมหาวิทยาลัยไปนานแล้วนะ พวกคณะแพทย์แม่งเป็นเชี่ยอะไร กลัวเสียหน้ากันถึงขนาดนั้นเลยเหรอ!” จินฟานก็อดสบถคำหยาบออกมาไม่ได้เช่นกัน “เท่าที่ฉันดูนะ คณบดีหยางไม่ได้พยายามห้ามปรามพวกม็อบเลยสักนิด แถมยังส่งเสริมข้อเรียกร้อง พยายามขัดขวางไม่ให้นายเป็นลูกศิษย์คนใหม่ของอาจารย์ฮั่วซะงั้น!”

“ในที่สุดคนที่บงการอยู่เบื้องหลังก็ปรากฏตัวออกมาแล้วสิ!”

ซูเย่ลดโทรศัพท์ลง พูดพร้อมกับยิ้มกว้าง