ภาคที่ 1 การรุกกลับของศิษย์พี่ บทที่ 56 บุปผางามโรยรา

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

หลินอวี้เสานอนราบอยู่บนพื้น เงยหน้าเหม่อมองท้องฟ้าสีคราม

เมฆขาวลอยล่อง ฟ้าครามดังเดิม

ทว่าอาภรณ์สีขาวดุจหิมะที่นางสวมใส่ บัดนี้กลับเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นผง ร่วงหล่นลงพื้น กลายเป็นสีหม่นหมอง

บริเวณหน้าอกมีบาดแผลขนาดใหญ่ ทว่าไม่มีโลหิตไหลออกมา แต่กลับเป็นสีดำสนิททั่วบริเวณ เหมือนรอยไหม้หลังถูกเปลวเพลิงแผดเผา

โอกาสที่จะรอดชีวิตของเด็กสาวได้สูญสิ้นไปแล้ว

ลมหายใจเฮือกสุดท้าย ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ปรากฏขึ้นอีกครั้งเบื้องหน้า ข้างหูเหมือนกับยังมีเสียงโกรธแค้นสุดชีวิตเสียงนั้นดังสะท้อนอยู่

“พวกเขาบอกว่าเจ้าทำร้ายศิษย์น้องหลานจนบาดเจ็บสาหัส เพราะเหตุใดกัน เกิดอะไรขึ้น”

“เจ้าเยี่ยนจ้าวเกอหมาเวรนั่นทำร้ายข้าถึงสามสี่ครา หลานเหวินเยี่ยนก็เป็นหมารับใช้ของมัน ข้าไว้ชีวิตมันก็ถือว่าเมตตาแล้ว!”

“เรื่องนี้น่าจะเป็นการเข้าใจผิดกัน พวกเรากลับเขาไปอธิบายให้ผู้อาวุโสในสำนักฟังอย่างชัดเจนกันเถิด…”

“กลับเขาตอนนี้ก็เหมือนกับข้าวิ่งเข้าไปติดกับเสียเอง เจ้าอยากให้ข้าตายด้วยน้ำมือบิดาของเจ้าหมาเยี่ยนจ้าวเกออย่างนั้นหรือ?”

“ข้าเพียงแค่…”

“ข้าขอถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าจะไปกับข้า หรือกลับไปหาเยี่ยนจ้าวเกอ?”

“เยี่ยจิ่ง เจ้าใจเย็นๆ ก่อน ข้าพูดคุยกับศิษย์พี่เยี่ยนหลายครั้ง เขาไม่ได้เจตนาทำร้ายเจ้า นั่นต้องเป็นการเข้าใจผิดกันแน่ๆ”

“…ไม่อยู่ฝั่งข้า ก็อยู่ฝั่งเยี่ยนจ้าวเกอ คนที่อยู่ฝั่งเยี่ยนจ้าวเกอก็คือศัตรูของข้า!”

จนถึงตอนนี้ ความตกตะลึงในแววตาของหลินอวี้เสายังไม่หายไปทั้งหมด

ก่อนหน้านี้ไม่ว่าอย่างไรนางก็คิดไม่ถึง ว่าการพบกันอีกครั้งโดยบังเอิญหลังจากที่จากกันไปนาน สุดท้ายผลจะออกมาเป็นเช่นนี้

ประกายตาของหลินอวี้เสาค่อยๆ เลือนรางลง ใบหน้ากลับเผยสีหน้าปล่อยวาง

“ตั้งแต่ตอนนั้นที่ข้าติดตามศิษย์พี่เยี่ยนกลับไปที่เขากว่างเฉิง ก็อาจจะถูกกำหนดผลลัพธ์เช่นวันนี้เอาไว้แล้ว”

“นี่คือชะตากรรมของข้า…สินะ?”

ในวันนี้ บุปผางามที่ยังไม่ทันได้แย้มบาน กำลังจะโรยราลง

นอกเมืองใกล้ปราการ ณ อาณาจักรถังตะวันออก บริเวณทุ่งหญ้าที่อยู่ใกล้กับหุบเหวปราการมังกรและเทือกเขามฤคลับตา ชายชราคนหนึ่งใช้มือยันพื้นลุกขึ้นยืน

“หลินอวี้เสา?” ชายชราหันกลับไปมองผู้ที่อยู่เบื้องหลัง “ข้าจำได้ หญิงสาวที่มีข้อครหากับเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยจิ่งสินะ”

ชายชราคนนั้นก็คือเหยียนซวี่ ผู้อาวุโสคุมการณ์แห่งถังตะวันออกของเขากว่างเฉิง

จอมยุทธ์ที่อยู่ด้านหลังเขาผงกศีรษะ “ไม่ผิดขอรับ เป็นศิษย์รุ่นเยาว์ที่โดดเด่นยิ่งนัก น่าเสียดายตอนที่พบตัวก็ได้สิ้นใจไปเสียแล้ว ไม่สามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้ขอรับ”

“ดูออกหรือไม่ว่าเป็นใครที่ลงมือ”

“ชี้ชัดไม่ได้ขอรับ เพียงแต่สามารถฟันธงได้ว่าอีกฝ่ายฝึกฝนวรยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับเพลิงรุนแรงขอรับ”

เหยียนซวี่ถามว่า “นางมายังถังตะวันออก เพื่อหาเยี่ยนจ้าวเกอหรือหาเยี่ยจิ่งกันล่ะ”

จอมยุทธ์ผู้นั้นส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “เรื่องนี้ข้ายังไม่สามารถยืนยันได้ แต่มีความเป็นไปได้กว่าครึ่งว่าเป็นเยี่ยนจ้าวเกอขอรับ”

“เท่าที่ข้าทราบมา ตอนที่นางอยู่ระหว่างทางมาถังตะวันออก ก็ได้ทราบข่าวที่เยี่ยจิ่งรอดชีวิตกลับมาจากหุบเหวปราการมังกรแล้วขอรับ”

“ยิ่งไปกว่านั้น อย่างไรเสียก่อนหน้านี้นางได้ตามเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว หากฉลาดสักหน่อย ก็น่าจะรักษาระยะห่างกับเยี่ยจิ่งเอาไว้”

“ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยจิ่งเป็นตายยังไม่แน่ชัด จะสนใจหน่อยก็คงไม่มีอะไร ในเมื่อรู้แล้วว่าเยี่ยจิ่งยังไม่ตาย แต่ก็ยังมาถังตะวันออก คิดไปคิดมาก็น่าจะเป็นเพราะเยี่ยนจ้าวเกอขอรับ”

จอมยุทธ์คนนี้เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ก็เกิดลังเลเล็กน้อย

เหยียนซวี่ถามขึ้นด้วยเสียงเรียบนิ่งว่า “เป็นอะไรไปหรือ”

อีกฝ่ายตอบว่า “นั่นเป็นข่าวลือที่ยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงขอรับ ได้ยินมาว่าหลังจากที่เยี่ยนจ้าวเกอมายังถังตะวันออก ก็ค่อนข้างใกล้ชิดกับซือคงจิง ศิษย์หญิงของสำนักเราคนหนึ่งขอรับ”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าหลินอวี้เสารู้สึกว่าตำแหน่งของตนถูกคุกคาม อย่างไรเสีย นางกับเยี่ยนจ้าวเกอก็ยังไม่ได้แต่งงานกัน คนหนุ่มสาวเช่นนี้ ใจจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้างก็เป็นเรื่องปกติขอรับ”

เหยียนซวี่ได้ยินดังนั้นก็เงียบไม่พูดอะไร ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงเปิดปากพูด “นำข้าไปดูศพของศิษย์หญิงผู้นั้นหน่อย”

เมื่อมองดูบาดแผลที่หน้าอกของหลินอวี้เสา เหยียนซวี่ก็เงียบไปนาน แล้วทันใดนั้นก็ยื่นฝ่ามือของตนเองออกไป

ระหว่างที่ปราณจิตราเพิ่มพูนขึ้น กลางฝ่ามือของเขาก็มีสีม่วงแดงปรากฏขึ้น ราวกับกำลังหลอมรวมเพลิงไฟสีม่วงของจริงได้ลูกหนึ่ง

นี่ก็คือฝ่ามือดุสิตหนึ่งในยอดวิชาแปดพิภพ วิชาที่สืบทอดโดยตรงของเขากว่างเฉิง

ใบหน้าเหยียนซวี่ไร้ความรู้สึกใดๆ ฝ่ามือหนึ่งประทับอยู่ที่บาดแผลของหลินอวี้เสา

ศพของหญิงสาวสั่นสะเทือนเล็กน้อย แสงสีม่วงที่อยู่บนร่างกายสว่างวาบแล้วก็หายไป

เหยียนซวี่ดึงฝ่ามือกลับมา แล้วหันกลับไปมองจอมยุทธ์ผู้นั้น

“เยี่ยนจ้าวเกอก็เคยฝึกฝนฝ่ามือดุสิตมาก่อน…” จอมยุทธ์ผู้นั้นใจเต้นแรง ก้มศีรษะลงแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ข้าพบหลินอวี้เสา นางได้สิ้นใจไปแล้ว จึงไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดลงมือ แต่หลินอวี้เสาสิ้นชีพด้วยวิชาฝ่ามือดุสิตของสำนักเราไม่ผิดแน่ คิดดูแล้วขอบเขตของผู้ที่ก่อเหตุมีจำกัด ข้าจะไปตรวจสอบให้แน่ชัดขอรับ”

ชายชราผงกศีรษะ “ตรวจสอบให้ละเอียด หลินอวี้เสาคนนี้แม้จะยังเป็นศิษย์ชุดขาว แต่อย่างไรเสียก็เป็นผู้สืบทอดของสำนัก จะตายอย่างไม่รู้แน่ชัดได้อย่างไร”

“นอกจากนี้ ค้นหาสถานที่ที่พบศพของศิษย์หญิงคนนี้ให้ละเอียด อาจจะยังมีร่องรอยของเยี่ยจิ่งนั่นอยู่”

“หากหาไม่เจอก็แล้วไป หากพบก็ไม่ต้องแพร่งพรายไป พามาพบข้าโดยตรง มีร่อยรอยอันใดจงชำระล้างให้สิ้น อย่าเหลือเบาะแสเอาไว้ให้คนอื่นพบเห็น”

ใจของจอมยุทธ์ใต้บัญชาสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะโค้งลงตอบรับ “ขอรับ”

ในเทือกเขามฤคลับตา กลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอกำลังอยู่ระหว่างเดินทางกลับ

เยี่ยนจ้าวเกอเดิน พลางใคร่ครวญในใจถึงข้อมูลที่ได้รับจากจ้าวหยวน จ้าวเฉิง และคนอื่นๆ

‘ไม่เพียงแต่มีฐานที่มั่นอยู่ในเกาะนภาตะวันออก แต่ที่เกาะนภาเหนือก็มีฐานที่มั่นเช่นกัน…’ เยี่ยนจ้าวเกอคิดคำนวณในใจ ‘หรือนั่นจะหมายความว่านอกจากหานเซิ่ง เฒ่ามารหัวขวานแล้ว ขุมอำนาจนี้ยังมียอดฝีมือในระดับมหาปรมาจารย์คนอื่นอีก’

‘หากที่เกาะนภาเหนือก็มีผู้นำที่เป็นมหาปรมาจารย์เหมือนกับหานเซิ่งล่ะก็ เช่นนั้นขุมกำลังนี้จะร่วมมือระหว่างหานเซิ่งและคนอื่นๆ อีกหลายคน หรือว่าเหนือพวกเขายังมีผู้นำที่สูงกว่า’

เยี่ยนจ้าวเกอส่งเสียงจิ๊จ๊ะ ‘ทั้งเกาะนภาตะวันออกและเกาะนภาเหนือต่างก็มีคนของพวกเขาอยู่ แล้วที่อื่นๆ เล่า’

‘นอกเหนือจากนภาพิภพจะมีอีกหรือไม่’

ดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอหรี่ลงเล็กน้อย ‘เกาะนภาตะวันออกมีหุบเหวปราการมังกร เกาะนภาเหนือมีแม่น้ำกรมท่าที่ต่างก็ยื่นออกมาจากอเวจี…’

‘เฒ่ามารหัวขวานก่อเรื่องโดยปักหลักอยู่ที่หุบเหวปราการมังกร หากมีการเคลื่อนไหวของคนอื่นๆ ในขุมอำนาจนี้ เกรงว่าล้วนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอเวจีเช่นกัน’

ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง

โลกแปดพิภพภายหลังเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ผลกระทบที่ใหญ่ที่สุด ในเรื่องใหญ่ไม่กี่เรื่องที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโลก อันดับแรกก็คือปฐพีพิภพกลายเป็นอเวจี ไปจนถึงโลกปีศาจเข้ารุกราน

ไม่แปลกที่เมื่อเรื่องเกี่ยวโยงเข้ากับอวเจี ก็สามารถสะกิดประสาทของทุกคนได้อย่างรวดเร็ว

‘แต่ก็ยังดีที่หลังจากการเคลื่อนไหวลับได้ถูกเปิดเผยแล้ว หากอยากจะตามหาเบาะแสเพิ่มเติมก็ง่ายขึ้นเยอะ’ เยี่ยนจ้าวเกอคิดไปพลาง สายตาหันไปมองจ้าวฮ่าวที่อยู่ในกลุ่มผู้คนไปพลาง

‘จะจัดการกับเขาอย่างไรดี อืม ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปรึกษากับท่านลุงจ้าวดูก่อน’ เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก ไม่ว่าจะเป็นบิดาของตนเองหรืออาจารย์ลุงรอง ก็คงไม่ยินดีที่จะเห็นองค์ชายคนหนึ่งที่มองเขากว่างเฉิงเป็นศัตรู กลายเป็นรัชทายาทแห่งถังตะวันออก รวมไปถึงราชาอาณาจักรถังตะวันออกองค์ใหม่ในอนาคตด้วย

ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จอมยุทธ์ชุดดำคนหนึ่งก็เข้ามาใกล้ แล้วรายงานว่า “คุณชายขอรับ มีข่าวด่วน”

เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วขึ้น “มีอะไร หาเยี่ยจิ่งพบแล้วหรือ”

อีกฝ่ายส่ายหน้า แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “ที่เมืองใกล้ปราการมีข่าวว่า แม่นางหลินอวี้เสาถูกคนสังหารแล้วขอรับ”

“หา?” ชั่ววินาทีนั้นเยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกเพียงว่าไร้สาระที่สุด

………………..