ตอนที่ 229 ผู้หญิงคนนี้เท่ดีแฮะ / ตอนที่ 230 เกี่ยวกับโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 229 ผู้หญิงคนนี้เท่ดีแฮะ

 

 

ทันทีที่อวี๋กานกานพูดประโยคนี้ออกมา เด็กหนุ่มทั้งสามถึงกับตะลึงงัน

 

 

เสิ่นตงชิงและเฉินมั่วเดินเข้ามาขนาบข้างเยี่ยซีอย่างรวดเร็ว พึมพำเสียงเบา

 

 

“ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เท่ดีแฮะ”

 

 

“หรือจะเป็นพวกคมในฝัก[1]จริงๆ”

 

 

หลังจากที่เยี่ยซีหายตกใจแล้ว ใบหน้าหล่อเหล่าแสดงอาการโกรธเกรี้ยว ขบฟันกรามกรอด พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “เท่ตรงไหน พวกนายเป็นมาโซคิสม์[2]หรือไง คมในฝักอะไรนั่นอีก ฉันว่าซ่อนคม[3]มากกว่า”

 

 

เฉินมั่วเกาท้ายทอย “พี่ซี เหมือนว่าความหมายของสองคำนี้จะไม่ต่างกันนะ”

 

 

เยี่ยซีถลึงตาใส่เฉินมั่ว “ฉันรู้อยู่แล้วหน่า ฉันเล่นคำนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้เลยรึไง”

 

 

เสิ่นตงชิงมองเยี่ยซีด้วยสีหน้าเลื่อมใส “พี่ซีบอกว่าความหมายเหมือนกันก็คือเหมือนกัน บอกว่าความหมายไม่เหมือนกันก็คือไม่เหมือนกัน”

 

 

เฉินมั่วยกมือขึ้นมาป้องปาก พูดเสียงเบา “ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ตรงนั้น ประเด็นสำคัญคือเหมือนว่าเมื่อกี้ผู้หญิงคนนี้ทำร้ายพี่ซีของพวกเรา”

 

 

เยี่ยซีตระหนักได้ว่าหัวข้อที่กำลังคุยกันเริ่มจะออกทะเลแล้ว เขาหันไปตวาดใส่อวี๋กานกาน “เธอน่ะ เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ หึ~ สาวสวย เธอเรียกร้องความสนใจจากฉันได้เต็มๆ !”

 

 

ผู้จัดการหลี่ว์ “…”

 

 

อวี๋กานกาน “…”

 

 

บรรยากาศระหว่างทั้งสามกระอักกระอวนถึงขีดสุด

 

 

ทันใดนั้นเอง ประตูห้องถูกเปิดออก พ่อบ้านเดินออกมาเห็นผู้จัดการหลี่ว์จึงยิ้มแล้วเดินมาต้อนรับทันที “ผู้จัดการหลี่ว์ในที่สุดคุณก็มา หมอ…”

 

 

สายตาของพ่อบ้านสาดส่องไปรอบๆ ไม่เห็นหมอสักคน เมื่อสายตากวาดไปถึงเยี่ยซี เขาพูดอย่างหนักใจ “คุณหนูของบ่าว ทำไมคุณหนูไล่หมอไปอีกแล้วล่ะ”

 

 

ชายวัยกลางคนสวมแว่นตาเดินตามออกมา เมื่อได้ยินประโยคนี้ของพ่อบ้าน ความโกรธพุ่งพรวดขึ้นมาทันที เขามองซ้ายแลขวา เหมือนกับกำลังมองหาของบางอย่างที่สามารถนำมาทุบศีรษะคนได้ แต่กลับพบว่าโดยรอบไม่มีสิ่งของอะไรที่พอจะหยิบติดมือได้เลย เขาเดินพุ่งตรงเข้ามาหมายจะถีบเยี่ยซี

 

 

เยี่ยซีวิ่งหนีเหมือนกับลิง “ผมไม่ได้ไล่ซะหน่อย หมอก็อยู่ตรงนั้นไง” เหล่าบรรดาแพทย์ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนไล่จริง แต่พวกนั้นล้วนแล้วแต่เป็นหมอกำมะลอ เขาได้ไปเชิญแพทย์ทางเดินอาหารที่เก่งที่สุดจากต่างประเทศแล้ว

 

 

เสิ่นตงชิงและเฉินมั่วรีบพูดอธิบายทันควัน “คุณลุง ครั้งนี้พวกผมไม่ได้ไล่นะครับ พวกผมแค่คุยเล่นขำๆ กับคุณหมอ”

 

 

ชาววัยกลางคนตัวสูงใหญ่คนนี้คือบิดาของเยี่ยซี หรือก็คือประธานเยี่ย เยี่ยจยาเซิงผู้ไหว้วานให้ผู้จัดการหลี่ว์ช่วยหาแพทย์แผนจีน

 

 

เยี่ยจยาเซิงเลื่อนสายตามองไปทางเดียวกับเสิ่นตงชิงและเฉินมั่ว สะดุดเข้ากับอวี๋กานกาน หมอที่เจ้าพวกนี้พูดคือเด็กผู้หญิงคนนี้เหรอ เยี่ยจยาเซิงสบถคำว่า ‘แย่แล้ว’ ในใจ ดูเหมือนเจ้าเด็กปีศาจพวกนี้จะล่วงเกินแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงครบหมดทุกรายแล้ว ไม่มีใครกล้ามาตรวจที่ตระกูลเยี่ยอีก ดังนั้นผู้จัดการหลี่ว์ก็เลยเชิญเด็กสาวคนนี้มาช่วยรับหน้าไปก่อน

 

 

ที่เรื่องเป็นแบบนี้จะโทษคนอื่นก็ไม่ได้

 

 

เยี่ยจยาเซิงเดินเข้ามาเช็คแฮนด์ทักทายผู้จัดการหลี่ว์ พูดด้วยสีหน้าซาบซึ้งในน้ำใจ “ผู้จัดการหลี่ว์ ช่วงนี้รบกวนคุณมากจริงๆ ผมซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่ว่าคุณช่วย…” เชิญแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงมาอีกสักคนได้ไหม

 

 

ประโยคหลังยังไม่ทันได้พูดออกมา ทว่าความหมายก็ชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่แล้ว

 

 

เมื่อเห็นว่าท่าทีของประธานเยี่ยยังคงเป็นมิตร ความขุ่นเคืองในใจของผู้จัดการหลี่ว์ก็ลดลงไปหลายส่วน เขารู้ดีว่าเยี่ยจยาเซิงกำลังจะพูดอะไร แต่ว่า…เขาค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวคุณหมออวี๋

 

 

ผู้จัดการหลี่ว์คลี่ยิ้ม “ประธานเยี่ยไม่ต้องเกรงใจไปหรอกครับ นี่คือคุณหมออวี๋ แพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงของสมาคมพวกเรา ถึงแม้เธอจะยังวัยรุ่น แต่วิชาแพทย์ยอดเยี่ยมมาก”

 

 

เยี่ยจยาเซิงยิ้มให้อวี๋กานกานอย่างมีมารยาท “รบกวนด้วยนะครับ คุณหมออวี๋”

 

 

เออออห่อหมกไปก่อน เยี่ยจยาเซิงไม่คิดว่าเด็กสาวคนนี้จะมีวิธีอะไรที่ตั้งเสาเห็นเงา อีกเดี๋ยวก็คงโดนเจ้าพวกเด็กปีศาจไล่ตะเพิดไปอีกราย

 

 

เฮ้อ เขาต้องรบกวนผู้จัดการหลี่ว์เชิญแพทย์เลื่องชื่อมาอีกคนแล้วสิท่า

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] คมในฝัก ใช้พูดเปรียบเทียบคุณลักษณะของคนที่เก่ง แต่ไม่แสดงออกให้ใครรู้ และก็ดูไม่ออกว่าเป็นคนเก่ง จะรู้ก็ต่อเมื่อลงมือทำจริง

 

 

[2] มาโซคิสม์ หมายถึง บุคคลที่ได้รับความพึงพอใจจากการถูกทำให้เจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นผ่านทางวาจาหรือร่างกาย

 

 

[3] ซ่อนคม หมายถึง ซ่อนความฉลาดไว้ ไม่อวดตัว

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 230 เกี่ยวกับโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ

 

 

เยี่ยจยาเซิงเดินนำอวี๋กานกานและผู้จัดการหลี่ว์เข้ามายังคฤหาสน์ ทิ้งเยี่ยซี เสิ่นตงชิงและเฉินมั่วที่ยืนซุบซิบกันอยู่สามคนไว้ที่เดิม

 

 

“ผู้หญิงคนนี้รักษาคนได้จริงๆ เหรอ”

 

 

หัวคิ้วของเยี่ยซีมุ่นเข้าหากัน ใครจะรู้ว่าอวี๋กานกานรู้วิชาแพทย์จริงไม่จริง อย่างไรเสียถ้ายัยนั่นรักษาไม่ได้เรื่อง ก็คอยดูแล้วกันว่าเขาจะจัดการกับยัยนั่นยังไง เยี่ยซีหัวเราะเสียงเย็น ย่างเท้าก้าวเข้าไปในคฤหาสน์

 

 

ภายในห้องรับแขกมีเพียงอวี๋กานกานแค่คนเดียว ประธานเยี่ยและผู้จัดการหลี่ว์กำลังไปเชิญแม่เฒ่าลงมา เยี่ยซีเดินมานั่งลงตรงข้ามกับอวี๋กานกาน จ้องหน้าอวี๋กานกานด้วยแววตาหาเรื่อง “ถ้าเธอรู้วิชาแพทย์จริง งั้นก็ลองรักษาฉันก่อน”

 

 

อวี๋กานกานมองเจ้าพวกสามหน่อไม่เอาไหน จะบอกว่าเข้าวัยหนุ่มแล้ว ก็เหมือนเด็กน้อยมากกว่า แต่ถ้าจะบอกว่าไม่ใช่วัยหนุ่ม ก็บรรลุนิติภาวะกันแล้วทั้งนั้น

 

 

เมื่อเห็นว่าอวี๋กานกานไม่ปริปากพูดอะไร เยี่ยซีจึงพูดต่อ “ฉันเห็นแก่หน้าตาที่พอไปวัดไปวาได้ของเธอหรอกนะ ถ้าเธอยอมรับผิดแต่โดยดี เดี๋ยวฉันจะหยวนๆ ให้”

 

 

เฉินมั่วกล่าว “ใช่ พวกเราทุกคนล้วนเป็นบุรุษผู้รักหยกถนอมบุปผา[1]”

 

 

เสิ่นตงชิงขู่ต่อไม่ให้ขาดช่วง “ไม่งั้นละก็…หึ!”

 

 

ทั้งสามเข้าขากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย คนหนึ่งไม้แข็งอีกคนไม้อ่อน เหมือนกับต้องการใช้โอกาสนี้ข่มขวัญอวี๋กานกาน

 

 

อวี๋กานกานมองหน้าพวกเขานิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ได้ ใครจะเป็นคนแรกล่ะ”

 

 

เอ๋?

 

 

สามวีรบุรุษต๊องชะงักไปครู่หนึ่ง มองหน้ากันไปมาด้วยความประหลาดใจ

 

 

จะตรวจให้จริงๆ เหรอ…

 

 

พวกเขาส่งสายตากันไปมา สุดท้ายตัดสินใจให้เสิ่นตงชิงตรวจเป็นคนแรก

 

 

เสิ่นตงชิงลุกขึ้นยืนพร้อมกับตบหน้าอกของตัวเอง “ไหนเธอลองพูดมาสิ ฉันมีปัญหาอะไรตรงไหน”

 

 

อวี๋กานกานไม่ต้องจับชีพจรเสิ่นตงชิงด้วยซ้ำ พูดมาออกทันที “อินพร่องไฟลุกโชน[2] มีอาการเหงื่อลักออก[3]อย่างรุนแรง”

 

 

“ไอพวกนี้มันหมายความว่าอะไร”

 

 

“นายมักจะรู้สึกว่าฝ่ามือฝ่าเท้าร้อยจี๋ ดวงตาแห้งผาก พอตกดึกก็เหงื่ออกท่วมตัว ฤดูหนาวห่มผ้าแล้วเหงื่อออก แต่พอไม่ห่มก็หนาวสั่น ถูกต้องไหม”

 

 

เสิ่นตงชิงมีอาการอย่างที่ว่ามาจริงๆ เขาตกตะลึงจนดวงตาเบิกโพลง เมื่อตระหนักได้ว่าพวกเขากำลังหาเรื่องอวี๋กานกานอยู่ เสิ่นตงชิงรีบทำเหมือนไม่เป็นอะไร กล่าว “แปลกตรงไหน ร่างกายฉันร้อนเหงื่อออกง่าย”

 

 

อวี๋กานกานอธิบาย “แต่ตอนกลางวันนายไม่ร้อน ร้อนแค่ตอนกลางคืน นี่คือเหงื่อลักออก พลังชี่ไหลเวียนไม่คล่อง อินหยางไม่สมดุล อินพร่องไฟลุกโชน เป็นสาเหตุที่เกิดอาการเหงื่อลักออก”

 

 

เสิ่นตงชิงนั่งเขย่าขา พูดอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อน “ก็แค่เหงื่อออก มีอะไรต้องกลัว”

 

 

อวี๋กานกานยิ้มนิ่งๆ “เหงื่อลักออกระยะแรกส่งผลเสียต่อร่างกายไม่มาก แต่ถ้าอยู่ในขั้นรุนแรงเหมือนอย่างนาย เมื่อใดก็ตามที่ทัวเจิ้ง[4] มันจะส่งผลกระทบต่อร่างกายหรือชีวิต”

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสิ่นตงชิงถึงกับใบหน้าซีดเซียว ความรู้สึกหวาดกลัว อับจนหนทางเกิดขึ้นในใจอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว…

 

 

เยี่ยซีเลิกคิ้วขึ้น ถลึงตาใส่เสิ่นตงชิง เขาเชิ่ดคางขึ้น ส่งยิ้มชั่วร้ายให้อวี๋กานกาน “คุณเก่งขนาดนี้ งั้นรักษาผมบ้างสิ ผมหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เครื่องติดช้า จำเป็นต้องให้คุณหมอช่วยรักษา”

 

 

นี่มันลวนลามกันทางคำพูดชัดๆ

 

 

ทว่าอวี๋กานกานไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ทำเพียงแต่ถามคำถาม “งั้นฉันก็ต้องขอสอบถามประวัติสักหน่อย มีส่วนไหนบนร่างกายของนายที่มีอาการบวมไหม มีอาการปัสสาวะติดขัดหรือเปล่า ปัญหาด้านการแข็งตัวมีไหม”

 

 

เด็กหนุ่มทั้งสามคนจ้องอวี๋กานกานอย่างตกตะลึงจนตาโตเป็นไข่ห่าน ราวกับเห็นอวี๋กานกานเป็นอสูรกาย ทว่าสีหน้าของอวี๋กานกานกลับเรียบนิ่งไม่ไหวติง เหมือนกับเรื่องที่พูดเป็นแค่เรื่องดาษดื่นทั่วๆ ไป “อายุเท่านี้แต่กลับเริ่มหย่อนสมรรถภาพ อาจจะเป็นเพราะว่านายเริ่มมีเพศสัมพันธ์ไวเกินไป ทั้งยังใช้งานอย่างหนักหน่วง เปลี่ยนคู่นอนถี่ยิบ เป็นสาเหตุให้สมมรรถภาพทางเพศถดถอย อารมณ์ทางเพศลดลง”

 

 

เยี่ยซีรู้อยู่แก่ใจว่าตนเองไม่ได้บกพร่องตรงไหน ทว่าฟังไปฟังมาเขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะเสื่อมสมรรถภาพขึ้นมาแล้วจริงๆ

 

 

จะร้องไห้แล้วนะ!

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] รักหยกถนอมบุปผา หมายถึง ทะนุถนอมและอ่อนโยนต่อสตรี หยกและบุปผา อุปมาถึงสตรี

 

 

[2] อินพร่องไฟลุกโชน  พลังอินอ่อนแอทำให้ไม่สามารถกดพลังหยางได้ ร่างกายเสียสมดุล เกิดความร้อนในร่างกาย

 

 

[3] เหงื่อลักออก เหงื่อที่ออกแค่เฉพาะตอนนอน เมื่อตื่นนอนจะไม่มีเหงื่อ

 

 

[4] ทัวเจิ้ง จัดเป็นภาวะพร่อง อินอ่อนแอ หยางสลาย อินหยางแยกออกจากกัน อาการคือหมดสติฉับพลัน ตาปิด ปากอ้า แขนขาไม่มีแรง เหงื่อแตก ปัสสาวะอุจจาระราด หายใจแผ่วเบา