อวิ๋นเจี่ยวคิดว่าเมื่อเหวินชิงไม่พบหานซูในยมโลก คงจะกลับมาบอกข่าวกับตนเองก่อน ดังนั้นจึงรออย่างใจเย็น แต่นางรออยู่กว่าครึ่งเดือน ไม่เพียงแต่เหวินชิงไม่กลับมา แม้แต่ข่าวก็ไม่มี ทันใดนั้นนางมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง รู้สึกเหมือนมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น 

 

 

อีกทั้งเหวินชิงเป็นเพียงแค่นักเรียนเข้าฟัง นางและชายชราจึงไม่ได้ให้ยันต์ส่งสารกับเขา อีกทั้งไม่ได้ลากเขาเข้ากลุ่ม ตอนนี้เมื่อนึกขึ้นมาจึงพบว่าไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย 

 

 

เดิมทีนางคิดว่าอยากจะรอดูอีกสองสามวัน ไม่คิดว่าเหวินชิงยังไม่ทันมา ข่าวจากสำนักเทียนซือดันมาก่อน 

 

 

“อะไรนะ! ไม่ตื่น?” ตะเกียบในมือของอวิ๋นเจี่ยวชะงักลง ก่อนที่จะพูดอย่างเหลือเชื่อ “ไม่น่านะ! นี่ก็ครึ่งเดือนแล้ว!” 

 

 

“ใช่แล้ว สหายอวิ๋น เมื่อกี้ตระกูลอวี๋ส่งข่าวมา พวกข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร” เสียงของเจ้าสำนักสวียิ่งร้อนรนมากขึ้น  

 

 

“พวกเขาบอกว่านายท่านตระกูลอวี๋มีสีหน้าดีขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่ตื่นขึ้นมาเลย พวกเขาเคยเรียกหมอรักษาพลังลมปราณคนอื่นมาดู บอกเพียงว่าพลังชีวิตของเขาสูญหาย ดังนั้นจึงไม่ฟื้น” 

 

 

“พลังชีวิตไม่ฟื้น” อวิ๋นเจี่ยวตกใจ เป็นไปไม่ได้ร่างกายของเขาหายดีแล้ว ทำไมพลังชีวิตถึงไม่ฟื้น 

 

 

“แล้วคนอื่นในเมืองตะวันตกละ? มีอาการเหมือนเขาทั้งหมดหรือไม่” 

 

 

“ไม่เชิง!” เจ้าสำนักสวีตอบกลับ “เหล่าคนที่ท่านช่วยในวันนั้นถูกคำสาปไม่ลึกเท่านายท่านตระกูลอวี๋ ดังนั้นส่วนใหญ่ล้วนตื่นขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ร่างกายอ่อนแอมาก มีเพียงสิบเจ็ดแปดคนที่ยังไม่ตื่นเหมือนกับตระกูลอวี๋” 

 

 

“จำนวนมากเช่นนี้!” นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย รู้สึกว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับอาวุธยมโลกชิ้นนั้น ครุ่นคิดอยู่สักพักถึงได้พูดขึ้น 

 

 

“ได้ เช่นนั้นอีกสองวันข้าจะเข้าไปดูอาการที่สำนักเทียนซือ” 

 

 

“ได้ๆๆ!” เจ้าสำนักสวีรีบตอบรับ “ข้าจะแจ้งตระกูลอวี๋เดี๋ยวนี้ ให้พวกเขาส่งคนที่สลบมายังสำนักเทียนซือ” 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวกำชับเรื่องที่ต้องระวัง ก่อนจะตัดสายไป นางหันไปมองคนที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ด้านข้าง  

 

 

“อาจารย์ปู่ พลังชีวิตของคนที่ถูกคำสาปสาวหวาเหล่านั้นยังไม่ฟื้นกลับมา เป็นไปได้หรือไม่ว่าเป็นเพราะอาวุธยมโลก…” 

 

 

“เป็นไปไม่ได้” เยี่ยยวนตอบ เขาเงยหน้าขึ้นมองนางทีหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “ตราประทับที่เจ้านำกลับมา ไม่มีร่องรอยของพลังชีวิตมนุษย์” อีกทั้งอาวุธยมโลกเป็นเพียงอาวุธของยมโลก ไม่สามารถควบคุมพลังชีวิตได้ 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า แต่สิ่งที่กังวลกลับมากขึ้น เมื่อนึกถึงเป้าหมายของชือเซียวตัวนั้น ราวกับต้องการพลังชีวิตของคนในเมืองตะวันตก หากเรื่องนี้ไม่ใช่ผลจากอาวุธยมโลก เช่นนั้นก็คงต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับยมโลกอย่างแน่นอน “อาจารย์ปู่ ท่านว่ายมโลกเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” 

 

 

เยี่ยยวนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย เขากินอาหารในถ้วยหมดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยื่นถ้วยเปล่าให้ไป๋อวี้ที่อยู่ด้านข้าง พร้อมกับพูดขึ้น “เรื่องของยมโลก พวกเจ้าไม่ต้องยุ่ง” เขายังคงมีท่าทางไม่ใส่ใจ 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวยังคงเป็นกังวล “แต่ว่าอาจารย์อาเหวินยังไม่ได้กลับมา!” เหวินชิงเป็นถึงท่านเทพ ตกลงคนที่หายตัวไปเป็นลูกศิษย์ของท่าน หรือลูกศิษย์ของข้ากันแน่ ทำไมเขาถึงไม่รีบร้อนเลยแม้แต่นิดเดียว 

 

 

“ไม่ต้องกังวล” เขายังคงมีสีหน้าเรียบเฉย อวิ๋นเจี่ยวคิดว่าเขามีความมั่นใจว่าเหวินชิงจะรับมือเองได้ แต่กลับได้ยินเขาพูดเสริมขึ้นอย่างช้าๆ “กลับมาไม่ได้ ก็เป็นเพราะว่าเขาโง่!” 

 

 

อวิ๋นเจี่ยว “…” 

 

 

ไป๋อวี้ “…” 

 

 

เขาเป็นลูกศิษย์ปลอมสินะ? 

 

 

“ศิษย์น้องอวิ๋น อย่ากังวล” หานซูกลับโผล่ออกมาครึ่งตัวจากขวดข้างลำตัวของอวิ๋นเจี่ยว จากการฝึกฝนมาหลายวันนี้ อีกทั้งยังมีข่ายพลังฟื้นฟูที่อวิ๋นเจี่ยวสร้างให้ ตอนนี้ร่างวิญญาณของเขาแน่นหนาขึ้นไม่น้อยแล้ว 

 

 

เขายิ้มอย่างเขินอายให้อวิ๋นเจี่ยว ก่อนจะปลอบใจเสียงเบา “ทางที่ไปยังยมโลกมีสองเส้น เส้นหนึ่งคือหวงเฉวียน อีกเส้นคือประตูโลก ฮวงเฉวียนมีเพียงวิญญาณเท่านั้นถึงจะไปได้ ประตูโลกจะเปิดทุกวันที่สิบห้าของเดือน เวลานี้ห่างจากวันที่สิบห้ายังมีเวลาอีกหลายวัน อาจารย์…ของข้าคงจะเป็นเพราะเหตุนี้ ถึงได้ยังไม่กลับมา” 

 

 

“อ่อ” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า ก่อนจะถามด้วยความสงสัย “ท่านรู้พวกนี้ได้อย่างไร” ไม่ได้สูญเสียความทรงจำหรือ 

 

 

“คือ…ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่ว่านึกขึ้นมาได้” สีหน้าของเขาแดงก่ำ ก่อนจะลูบหัวอย่างเขินอาย โค้งตัวลงไปราวกับรู้สึกผิด 

 

 

เดิมทีเขาก็โผล่ออกมาเพียงครึ่งตัว อีกทั้งขวดที่ใส่เลือดนั้นวางไว้อยู่ในตัวของอวิ๋นเจี่ยว ท่าทางที่เขาก้มลงนั้น เมื่อมองจากตรงข้ามทำให้เหมือนกับว่าเขากำลังกอดอวิ๋นเจี่ยวอยู่ อีกทั้งหน้าของเขายังหันเข้าหาอวิ๋นเจี่ยว… 

 

 

เพร้ง! 

 

 

ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีถัดมาพลังเย็นถูกแผ่ออกมาจากฝั่งตรงข้าม ราวกับมีบางอย่างพัดผ่านไป ร่างกึ่งโปร่งใสข้างตัวของอวิ๋นเจี่ยวราวกับถูกอะไรบางอย่างตีออกไป ถึงแม้จะไม่มีร่างจริง แต่กลับได้ยินเสียงของกำแพงล้มลง ทันใดนั้นห้องก็ถล่มไปครึ่งหนึ่ง 

 

 

พลังเย็นเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน อาหารร้อนที่วางอยู่เต็มโต๊ะนั้นถูกน้ำแข็งปกคลุมในทันที และกำลังแผ่ไอเย็นจับใจออกมา ส่วนในมือของเยี่ยยวนกำลังถือถ้วยที่ถูกบีบจนแหลกละเอียด 

 

 

อวิ๋นเจี่ยว “…” 

 

 

ไป๋อวี้ “…” 

 

 

เกิดอะไรขึ้น 

 

 

(⊙_⊙) 

 

 

ชายแก่มองไปยังชิ้นเนื้อที่คีบขึ้นมาเมื่อกี้กลายเป็นก้อนน้ำแข็ง ก่อนที่จะร่วงลงบนโต๊ะน้ำแข็ง เขามองไปยังอวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ด้านข้าง เมื่อกี้เสี้ยววิญญาณนั้นทำอะไร 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวก็มีสีหน้าฉงน มองไปยังอาหารที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งบนโต๊ะ หานซูเมื่อกี้ไม่ได้แย่งกิน! อีกอย่างเสี้ยววิญญาณก็กินไม่ได้! 

 

 

“อาจารย์…ปู่?” นางเงยหน้าขึ้น สีหน้าของเยี่ยยวนไม่เคยดำทะมึนขนาดนี้มาก่อน ทำให้อวิ๋นเจี่ยวเกรงกลัวขึ้นมาเล็กน้อย 

 

 

เขากลับเหมือนคนกำลังโกรธจัด ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน มองไปยังอวิ๋นเจี่ยวด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าตามข้ามา” พูดจบข้าวก็ไม่กินแล้ว หันหลังเดินออกไปทีละก้าวราวกับลืมว่าตนเองบินได้ 

 

 

“…อ่อ” อวิ๋นเจี่ยวเดินตามไป 

 

 

เขากลับชะงักฝีเท้า ก่อนจะกำชับเสียงเย็น “ห้ามพกขวดใบนั้น!” 

 

 

“…” ขวดอะไร 

 

 

สักพักถึงจะเข้าใจได้ เขาหมายถึงขวดที่ใส่เลือดของหานซูเอาไว้ 

 

 

อีกฝ่ายเดินออกจากห้องไปแล้ว พลังเย็นบนตัวเขามากขึ้นตามการก้าวเท้า บนพื้นเกาะเป็นน้ำแข็ง ราวกับปูทางเดินด้วยน้ำแข็งยาวไปจนถึงเจดีย์สูง 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวทำได้เพียงหยิบขวดออกมา ยัดให้ไป๋อวี้ “ชายแก่ถือไว้ ท่านรับไปดูหานซู” พูดจบก็เดินตามทางน้ำแข็งไป 

 

 

รู้สึกว่าอาจารย์ปู่ในหลายวันนี้ อารมณ์ร้อนเป็นพิเศษ! 

 

 

—————— 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวเห็นอาจารย์ปู่โกรธมากขนาดนี้เป็นครั้งแรก ถึงแม้แต่ก่อนเคยจัดการคนที่มาแย่งอาหาร แต่ไม่เคยเหมือนครั้งนี้มาก่อน พื้นน้ำแข็งนั้นราวกับเขียนว่า “ข้าโกรธมาก” 

 

 

ทันนั้นนางรู้สึกไม่กล้าขึ้นไปข้างบนขึ้นมา ใช้เวลากว่ายี่สิบนาทีถึงจะปีนขึ้นยอดเจดีย์ได้ ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะว่า…ลื่น! 

 

 

-_-||| 

 

 

ไม่รู้ว่าอาจารย์ปู่ใช้คาถาอะไร บนบันไดล้วนเต็มไปด้วยน้ำแข็ง ทำให้นางเกือบลื่นล้มลงไปหลายครั้ง กว่าจะปีนขึ้นไปบนเจดีย์ได้ ถึงได้พบว่าด้านบนยิ่งหนาว ทั้งที่เป็นฤดูที่ร้อนที่สุด แต่ด้านบนนี้ราวกับฤดูหนาว 

 

 

โดยเฉพาะร่างที่หันหลังให้นาง ทั้งที่ท่าทางน่าเกรงขาม แต่นางกลับมีความรู้สึกอยากยื่นลูกอมให้เขา ความรู้สึกกระวนกระวายเมื่อสักครู่หายไปอย่างน่าประหลาด 

 

 

“อาจารย์ปู่?” 

 

 

เขาหันกลับมา สายตาเย็นยะเยือกนั้นเต็มไปด้วยความโกรธและ…น้อยใจ?! 

 

 

ไม่…ดูผิดแน่ๆ! 

 

 

“นั่งลง!” เขาชี้ไปยังเสื่อสันทัดด้านข้าง 

 

 

“อ่อ” อวิ๋นเจี่ยวเดินไป กำลังจะนั่งลง 

 

 

กลับได้ยินเขาพูดขึ้น “ถอดเสื้อออก!” 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวสะดุดขาตัวเอง ก่อนที่ล้มคะมำลงบนพื้น 

 

 

“ฮะ?!!” 

 

 

อาจารย์ปู่…โกรธจนกลับมาเป็นผู้ชายแล้ว?! 

 

 

(⊙_⊙)