หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.410 – ตัดขาดเวลา

 

เมื่อหญิงสาวได้จั่วไพ่พยากรณ์โชคชะตาออกมา

 

ชายชราชุดคลุมแดงก็เริ่มเคลื่อนไหว

 

เขาก้าวไปข้างหน้าและกดมือวางลงบนลวดลายบางส่วนที่สลักอยู่บนพื้น

 

พริบตานั้นบังเกิดรังสีแสงสาดออกมาจากลวดลาย และว่ายผ่านไปตามพื้นอย่างรวดเร็ว

 

เกือบจะในทันที ทุกลวดลายที่สลักอยู่บนพื้นก็พลันสว่างไปด้วยแสงไสว

 

หลังจากนั้น หญิงสาวก็เห็นศพตัวเองอยู่ภายในไพ่

 

ตลอดทั้งห้องโถงเริ่มสั่นสะเทือน

 

แสงส่องไสวเดือดพล่าน พวกมันไหลย้อนกลับ ผ่านทุกผู้คนไป

 

แสงไสวว่ายย้อนกลับไปรวมตัวกันใจกลางห้องโถง และเริ่มก่อรูปเป็นร่างเงารูปแบบหนึ่ง

 

มันเป็นร่างเงาที่บางเบาของชายที่มีปีกคู่หนึ่ง

 

แม้ชายคนดังกล่าวจะเพียงยืนอยู่ที่นั่น แต่เขากลับสามารถระเบิดพลังอันใหญ่ยิ่งออกมา จนทุกคนในห้องโถงอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว

 

“ท่านบรรพชน เร่งใช้สกิลเทวะ เอาชีวิตของคนพวกนี้เร็วเข้า!” ชายชราชุดคลุมแดงเร่งเร้าอย่างกระวนกระวาย

 

ร่างเงาบางเบาพยักหน้า และค่อยๆเผยอปากเล็กน้อย

 

ทันใดนนั้นเอง ทั่วทั้งห้องโถงก็พลันถูกปกคลุมไปด้วยกระแสลมแรงกระพือว่อน

 

“เทพสวรรค์!”

 

“นั่นเจ้าคิดจะทำอะไร?”

 

“เจ้าจะกำจัดพวกเราไปด้วยอย่างงั้นหรือ? บัดซบ! เจ้าทรยศต่อพันธสัญญา!”

 

“สารเลวหลอกลวง!”

 

ผู้นำของสี่กองทัพพันธมิตรต่างอุทานด้วยความโกรธ

 

ทว่าพวกเขากลับไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะยกมือขึ้น ตลอดทั้งเนื้อทั้งตัวเริ่มที่จะดับสูญไป

 

ในไม่ช้า ผู้นำพันธมิตรเหล่านี้ก็กลายเป็นโครงกระดูกที่มีรูปทรงแตกต่างกันออกไปและร่วงตกลงกับพื้น

 

ขณะที่ทางด้านหญิงสาว เธอเหวี่ยงไพ่สองใบออกไปอย่างทันท่วงที พวกมันเปลี่ยนเป็นกระแสแสงทั้งน้ำเงินและแดง หลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นโล่ยักษ์ ปกปักษ์กายเธอและเบื้องหน้าไปพร้อมๆกัน

 

ลมแรงพัดกระทบกับโล่ บังเกิดเสียงหนักทึบเล็กน้อย ฟังแลคล้ายเป็นการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างโลหะ

 

ตลอดทั้งห้องโถง บัดนี้เหลือเพียงชายชราชุดคลุมแดงและหญิงสาวเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่

 

บนใบหน้าของหญิงสาวเผยถึงความประหลาดใจ เธออุทานออกมา “นั่นมันเทพวิญญาณที่แท้จริง! แต่ดูเหมือนว่ามันจะใช้พลังอำนาจได้แค่เพียงเฉพาะในห้องโถงเท่านั้น งั้นตราบใดที่ข้าออกจากที่นี่-”

 

เธอจั่วไพ่ออกมาอย่างรวดเร็ว

 

ขณะที่ในเวลาเดียวกัน ชายร่างบางก็ดูดพลังจากเหล่าผู้นำพันธมิตรมาได้เพียงพอแล้ว!

 

พริบตานั้นทุกสิ่งพลันล่มสลาย แตกกระจายเป็นจุดแสงดาว

 

และทุกจุดของแสงดาว ทั้งหมดล้วนหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ

 

หญิงสาวคว้าไพ่ในมือ และกำลังจะเหวี่ยงมันในเสี้ยววินาทีถัดไป

 

ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้าง ราวกับเธอตกอยู่ในสภาวะเร่งรีบและไม่อยากจะเชื่อ

 

เธอหยุดนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อนเช่นเดียวกันกับเหล่าจุดแสงดาว

 

ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกทางสีหน้า หรือการเคลื่อนไหวของเธอ ทั้งหมดล้วนหยุดนิ่ง

 

ทุกสิ่งอย่างตลอดทั้งห้องโถง แน่นิ่งไม่ไหวติง

 

มีเพียงชายชราในชุดคลุมแดงเท่านั้นที่ยังสามารถเคลื่อนไหวได้

 

ชายชราในชุดคลุมแดงเช็ดเหงื่อบนหน้าผากเขา ถอนบรรเทาลมหายใจออกมา

 

เขาก้าวเข้าไปหาหญิงสาวและดูไพ่ในมือของฝ่ายตรงข้าม

 

ไพ่ใบนั้นเกือบจะหลุดออกจากมือของหญิงสาวอยู่รอมร่อแล้ว

 

“อันตราย อันตรายจริงๆ แต่นับว่าโชคยังดีที่ในที่สุดก็แผนนี้ก็ประสบผลสำเร็จ”

 

บนหน้าของชายชราได้เผยถึงคำใบ้ของความหวาดกลัว

 

เขาเตะตัดขาหญิงสาวจนทั้งคนทั้งร่างของเธอล้มลง และเรียกขวานสองคม ออกมา

 

“เพียงเท่านี้ ปัญหาของโลกทั้งสี่ก็จะถูกแก้ไขเสียที”

 

“ผู้ที่จะปกครองทั้งหกโลก สมควรที่จะเป็นข้าแต่เพียงผู้เดียว มิใช่ตัวน่ารำคานอย่างเจ้า!”

.

เขายกขวานสองคมขึ้น และฟันฉับ! ตัดลงบนคอของหญิงสาว

 

แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังจะถูกตัดหัว และระยะของคมขวานห่างจากลำคอไม่ถึงหนึ่งนิ้ว เวลานั้นเอง ก็บังเกิดเสียงดังขึ้นทันใด

 

เคร้ง!

 

มันคือเสียงที่เกิดจากดาบยาวที่มีใบดาบเรียวบาง

 

ช่วงเวลาที่ดาบปรากฏกายขึ้น มันก็ได้สกัดขวานหินของชายชราชุดแดงเอาไว้

 

“นี่มันเป็นไปไม่ได้!” ชายชราในชุดคลุมแดงอุทานออกมา

 

ในพริบตาต่อไป

 

ขณะที่ชายชราชุดแดงกำลังจะโบกอาวุธขวานสองคมของเขาเข้าสู้ต่อไป

 

ทว่ารังสีดาบที่พลุ่งพล่าน ดันระเบิดออกมาจากตัวดาบเสียก่อน

 

รังสีดาบเหล่านี้กวาดออกไปเป็นแนวนอน เปรียบเสมือนดั่งกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากที่ไหลผ่านทั้งสวรรค์และโลก ทำลายล้างทุกสิ่งอย่าง กระทั่งตัวอาคารที่อยู่เบื้องหน้า

 

รังสีดาบอันกว้างใหญ่ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

ชายชราในชุดคลุมแดงได้ถูกกระแสรังสีท่วมใส่ และจมหายไปไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนแล้ว

 

อาคารเบื้องหน้าทั้งหมดได้ถูกกวาดหายไปโดยรังสีดาบโดยสมบูรณ์ เหลือทิ้งไว้เพียงเถ้าควันที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ

 

เทคนิคลับแห่งดาบ กระแสธารอันยิ่งใหญ่!

 

มันคือสกิลดาบของกู่ฉิงซาน และฉานนู่เป็นผู้ใช้มันออกมา

 

หลังจากนั้นไม่นานนัก ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ

 

หญิงสาวในฐานะราชาภูติยืนขึ้น อย่างไรก็ตาม เธอกลับมิได้มองไปยังดาบขุนเขาเทวะหกโลกา

 

แต่เธอกำลังมองดูไม้เท้าแห่งการจองจำ ด้วยสีหน้าที่เริ่มฉงนมากขึ้น

 

การแสดงออกของเธอ ราวกับว่าได้เห็นถึงฉากที่ไม่อยากจะเชื่อ

 

“หลังจากที่ผ่านพ้นมากว่า 10000 ปี ในที่สุดแสงแห่งความหวังก็ปรากฏ …”

 

หญิงสาวพึมพำ และทนไม่ไหวต้องยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลริน

 

ไพ่ในหนังสือลอยออกมา และถูกคว้าจับไว้ในมือเธอ

 

เธอวางไพ่ใบนั้นลงบนไม้เท้าแห่งการจองจำ และกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ขจัดพันธนาการ”

 

ทันใดนั้นภาพทั้งหมด แม้กระทั่งหญิงสาวก็หายไป

 

กู่ฉิงซานได้รับการปลดปล่อย สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในที่สุด

 

ขณะเดียวกัน ไม้เท้าแห่งการจองจำก็ลอยออกมาจากตัวเขา และหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศอย่างเงียบๆ

 

บังเกิดระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นในอากาศ

 

ระลอกคลื่นเหล่านี้รายล้อมรอบไม้เท้าแห่งการจองจำ และค่อยๆปรากฏเป็นกรอบของไพ่

 

ภาพไพ่ไม้เท้าแห่งการจองจำยังคงลอยเด่นอยู่กลางเวหา

 

ขณะที่ดาบขุนเขาเทวะหกโลกา บินกลับไปข้างๆกู่ฉิงซาน

 

ฉานนู่ปรากฏรูปร่างออกมา และหันไปมองรอบๆอย่างระมัดระวัง

 

“เมื่อครู่นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ชายชราดูเหมืนจะใช้เทคนิคลับบูชายัญ เพื่อเปิดใช้งานสกิลเฉพาะบางอย่าง แต่หลังจากนั้นข้าก็ไม่รู้แล้ว” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

“นั่นคือเทพที่แท้จริง เขาได้สำแดงสกิลเทวะ : ‘ตัดขาดเวลา’ ออกมา” ฉานนู่เอ่ยตอบ

 

“ตัดขาดเวลา?”

 

“ใช่ เทพที่แท้จริงได้แยกช่วงเวลาหนึ่งออกจากกระแสแห่งเวลา ทำให้ช่วงเวลาของสิ่งมีชีวิตในห้องโถงจะไม่สามารถเลื่อนไปข้างหน้า หรือถอยไปข้างหลังได้ กล่าวคือจะเป็นการรักษาสภาพเดิม นิ่งงันไม่อาจเคลื่อนไหวได้”

 

“แล้วต่อจากนั้นล่ะ”

 

“ก็พอขบคิดถึงจุดประสงค์ที่พวกเรามาที่นี่ ข้าก็อดไม่ได้ที่จะลงมือช่วยเหลือราชาภูติน่ะสิ”

 

“ในเมื่อเวลาถูกหยุดนิ่ง แล้วเหตุใดเจ้าจึงยังเคลื่อนไหวได้?”

 

“นายน้อย ท่านลืมไปแล้วหรือ ว่ากฏเกณฑ์ทั้งหลายมิอาจส่งผลกระทบต่อข้าได้”

 

แล้วกู่ฉิงซานก็นึกขึ้นได้ ว่าฉานนู่จริงๆแล้วมีพลังศักดิ์สิทธิ์อย่าง ‘แหกกฏ’ อยู่

 

หากเป็นอย่างนั้นล่ะก็ คงไม่มีสิ่งใดอีกแล้วที่สามารถพันธนาการฉานนู่ได้

 

–พลังศักดิ์สิทธิ์ ‘แหกกฏ’ ช่างน่าเกรงขามอย่างแท้จริง

 

“วิเศษจริงๆ โชคดีเหลือเกินที่มีเจ้า บอกตามตรงตัวข้าเองก็นึกไม่ออกแล้วว่าจะมีคนอื่นใดอีกแล้วที่จะสามารถแก้ไขสถานการณ์เมื่อครู่ได้” กู่ฉิงซานถอนหายใจ

 

ตัดขาดเวลา

 

พลังศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นระดับเดียวกันกับกฏเกณฑ์แห่งโลกเช่นนั้น กล่าวได้เลยว่าเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะยับยั้งมัน

 

ฉานนู่หัวเราะ “เป็นเทคนิคดาบของนายน้อยต่างหากเล่าที่วิเศษ แต่ละกระบวนท่าล้วนทรงพลังยิ่ง มิฉะนั้นแล้วหากข้าลงมือเพียงลำพัง ย่อมมิอาจสำแดงพลังได้ถึงเพียงนี้อย่างแน่นอน”

 

กู่ฉิงซานเริ่มสนใจ เขาเอ่ยถามออกไปว่า “เช่นนั้นจากในบรรดาเทคนิคดาบของข้า กระบวนท่าใดกันที่เจ้าชมชอบมากที่สุด?”

 

ฉานนู่กล่าวอย่างลังเล “ข้าชอบเจ็ดดารา มังกรแหวกธารา แต่ขณะเดียวกันก็เกรงว่าตัวเองจะสำแดงมันออกมาไม่ดี”

 

“มีสิ่งใดจะต้องกลัวอีกเล่า ในเมื่อเจ้ามีทักษะและประสบการณ์ทั้งหมดของข้า ครั้งต่อไปก็ลองใช้ดูแล้วกันนะ” กู่ฉิงซานปลอบประโลม

 

เขาเงยหน้าขึ้น และมองไปยังไม้เท้าแห่งการจองจำที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า

 

“ไว้ค่อยคุยกัน ข้าขอตัวไปเอามันลงมาก่อน”

 

ว่าแล้วเขาก็กระโดดสูงขึ้นไปคว้าจับไม้เท้า

 

ขณะที่ฉานนู่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม และไม่ได้มองตามเขา

 

ดูเหมือนว่าเธอจะกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

 

ความเย็นชาที่ปกติมักจะแขวนอยู่บนใบหน้าของฉานนู่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ และถูกการแสดงออกที่กระตือรือร้นเข้ามาแทนที่

 

ได้ยินเพียงเสียงอันแผ่วเบาของฉานนู่ที่เอ่ยออกมาอย่างลังเล “เจ็ดดาบเพื่อเรียกมังกร แล้วช่วงเวลาที่มังกรทะยาน … คงต้องลองดู ว่ามันจะรู้สึกอย่างไร … ”

 

กลางเวหา กู่ฉิงซานสามารถคว้าจับไพ่ที่ผนึกไม้เท้าแห่งการจองจำไว้ได้ในที่สุด

 

แล้วไพ่ก็เริ่มถูกเปิดใช้งาน ฉากต่างๆโดยรอบได้จางหายไป

 

ในวิสัยทัศน์ของกู่ฉิงซานพร่าเบลอ เจ้าตัวสติหาดห้วงไปชั่วพริบตาหนึ่ง

 

วินาทีต่อมา เขาก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่หน้าบาร์เหมือนในตอนแรก

 

ชายชุดดำกำลังเผชิญหน้ากับเขา และยังคงยกถือไพ่สงครามขนาดใหญ่เอาไว้

 

กู่ฉิงซานถอนมือออกจากไพ่สงคราม

 

“เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว?” เขาเอ่ยถาม

 

“สามวินาที” ชายชุดดำเอ่ยตอบ

 

“สงครามนี้เกิดขึ้นเมื่อใด?”

 

“ 10000 ปีก่อน”

 

กู่ฉิงซานพอได้ฟัง ก็สูดหายใจลึก

 

“ดูเหมือนว่าข้าจะผ่านแล้วสินะ” เขากล่าว

 

“ใช่ เจ้าได้รับสิทธิ์ที่จะใช้ไม้เท้าแห่งการจองจำ และนางได้อนุญาตเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว”

 

“นาง?”

 

“ก็คนที่เจ้าเอ่ยปากเรียกว่าราชาภูติอย่างไรเล่า”

 

ชายชุดดำไตร่ตรองเล็กน้อยและกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าผ่านการทดสอบแล้ว ดังนั้นเจ้าก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ชื่อของเรา”

 

“นางชื่อว่า ‘ชิงหยิน’ ส่วนข้าชื่อว่า ‘หลาน’ ”

 

ชายชุดดำที่ชื่อว่าหลานเอ่ยปากออกมาว่า “หากจะให้ข้าอธิบายล่ะก็ … ชิงหยินน่ะชอบศึกษาในสิ่งที่ไม่รู้จัก ดังนั้นนางจึงได้เลือกเดินทางมายังหกโลกของพวกเจ้า”

 

“อ้อจริงสิ พวกเรารู้จักกันน่ะ เดิมทีแล้วนางกับข้าจะติดต่อกันนานๆครั้ง”

 

“แต่แล้ววันหนึ่ง ข้าก็ได้รับไพ่ขอความช่วยเหลือจากนางถึงสามใบ”

 

“ไพ่ขอความช่วยเหลือ?”

 

“ไพ่นายพลภูติ , ไพ่กษัตริย์อาชูร่า และไพ่ไม้เท้าแห่งการจองจำ”

 

“บางทีเจ้าอาจจะไม่เข้าใจ แต่นี่เป็นเทคนิคอันลึกล้ำที่สุดของผู้ใช้ไพ่ แปลงพันธมิตรที่น่าเชื่อถือได้เป็นไพ่ และส่งมันผ่านมิติที่ว่างเปล่าเพื่อมาแจ้งข่าวให้ข้าทราบ”