ตอนที่ 188 ข่าวซุบซิบ

พวกเขาสองคนออกมากินข้าวด้วยกันในร้านอาหารที่มีผู้คนอยู่มากมาย โดยคนเหล่านั้นต่างก็จับจ้องมาที่พวกเขา

ตอนนี้เรื่องซุบซิบของพวกเขายิ่งดูเท่าไรก็ยิ่งไม่ชัดเจน!

“เธอบอกว่าจะกินอาหารฝรั่งเศส แล้วนี่ไม่ใช่อาหารฝรั่งเศสเหรอ?” จิ่งเป่ยเฉินยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดกับเธอ โดยไม่รู้ว่าเธอจะปฏิเสธหรือเปล่า  

เธอเม้มปากก่อนจะยิ้ม “นายชนะแล้ว”

บริกรรีบนำอาหารเข้ามาเสิร์ฟ เป็ดซอสส้ม สตูเนื้อไวน์แดง ผักโขมอบชีส ซุปข้าวโพด……

เธอมองไปยังอาหารที่ดูคุ้นเคยตรงหน้า ก่อนจะหยิบมีดและส้อมขึ้นมา “อันที่จริงหลังจากที่ไปต่างประเทศ อาหารที่อยู่ภายในประเทศก็ใช่ว่าจะมีอาหารรสชาติที่แท้จริงอยู่มาก แต่ร้านอาหารดีนับได้ว่ารสชาติไม่เลวเลยจริง ๆ”

“แน่นอนว่ามันดี เธอต้องชอบอยู่แล้ว” จิ่งเป่ยเฉินพยักหน้า เขาไม่ได้ดื่มไวน์ แต่เลือกดื่มน้ำส้มเหมือนกับเธอแทน

แก้วสองใบชนกันกลางอากาศ เสียงที่ชนกันดังก้องกังวานจนน่าพอใจเป็นอย่างมาก

ถึงแม้ว่าเขาจะดื่มน้ำส้มที่อยู่ในมือ แต่ก็ยังมองไปที่เธอไม่ละสายตา การได้กินข้าวด้วยกันแบบนี้ เขาต้องยอมรับเลยว่าเขานั้นชอบมาก ๆ

“พี่เฉิน!” ขณะที่กำลังกินอาหารอย่างมีความสุข ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลัง

อันโหรวมองไปยังต้นเสียงก็พบว่าเป็นถังซือเถียนที่ไม่ได้เจอนานแล้ว เธอเดินมาพร้อมกับถังซั่วที่เดินเข้ามาหาใกล้ ๆ ก่อนที่เธอจะพูดอย่างไม่สนใจอะไรมากนัก “คุณถัง คุณหนูถัง”

“ทำไมเป็นเธออีกแล้ว?” ถังซือเถียนยังคงประทับตัวเธอไว้ในส่วนลึก เพราะครั้งที่แล้วตอนที่กินข้าวแล้วจิ่งเป่ยเฉินเมามาก ก็เป็นเธอที่ไปส่งเขากลับห้อง

คิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่ออกมากินข้าวข้างนอกจะเห็นพวกเขามาด้วยกัน หนำซ้ำยังพูดคุยและยิ้มหัวเราะอย่างสนุกสนาน พี่เฉินเองก็ดูมีความสุขมากด้วย แต่ไหนแต่ไรเขานั้นไม่เคยยิ้มและหัวเราะต่อหน้าเธอมาก่อนเลย

แม้ว่าต่อหน้าพี่ชาย เธอจะแสดงสีหน้าที่เย็นชาเป็นปกติ แต่เมื่อมองดูดี ๆ แล้วตอนแรกเธอคิดว่าผู้ชายที่ยิ้มและหัวเราะขนาดนั้นต้องไม่ใช่จิ่งเป่ยเฉินแน่ ๆ แต่พอมาดูดี ๆ สุดท้ายแล้วก็เป็นเขานี่เอง

ถังซั่วเองก็คิดแบบเดียวกัน เขามองไปยังอันโหรว ความรู้สึกที่คุ้นเคยกับเธอนั้นมีมากจริง ๆ ถึงแม้ว่าจะมีใบหน้าที่ไม่เหมือนกันก็ตาม

หยางหยางเองก็ดูเหมือนกับจิ่งเป่ยเฉินมาก อันอีหานเองก็คล้ายอันโหรวจริง ๆ ราวกับว่าเป็นคนเดียวกัน!

ขณะที่เธอกำลังถือมีดและส้อมอยู่นั้น แหวนที่อยู่ตรงนิ้วมือของเธอดูเปล่งประกายแพรวพราวมาก และแหวนนั้นก็ถูกสวมไว้ตรงนิ้วนางข้างซ้ายอีกด้วย

แต่เมื่อมองไปยังจิ่งเป่ยเฉิน มือของเขาดูโล้นไม่มีอะไรสวมใส่ แล้วเธอแต่งงานกับใครกัน?

“ฉันเป็นหัวหน้าเลขาของประธานจิ่งค่ะ เป็นเรื่องปกติที่ต้องออกมากินข้าวกับเขา ถ้าหากว่าคุณหนูถังมีเรื่องอะไรคับข้องใจสามารถพูดคุยกับประธานจิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้เลยนะคะ” เธอพูดจบก็หันไปกินข้าวต่อ การมาของถังซือเถียนไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อความอยากอาหารของเธอเลยแม้แต่น้อย

“พี่เฉิน ครั้งที่แล้วพี่บอกว่าเธอเป็นพนักงานอยู่แผนกวางแผนไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้กลายเป็นหัวหน้าเลขาของพี่ได้?” ถังซือเถียนรีบหันไปมองจิ่งเป่ยเฉินทันที เธอเองก็คิดอยากจะเป็นเลขาของพี่เฉินบ้างเหมือนกัน เพราะว่าต่อไปจะได้ติดตามอยู่ข้างกายเขาตลอด

“พนักงานบริษัทจิ่งจะโยกย้ายตำแหน่งอะไรต้องแจ้งให้เธอรับรู้ด้วยเหรอ?” จิ่งเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ก่อนที่สายตาของเขานั้นจะมองไปยังถังซั่วและพูดขึ้นว่า “ไม่กินข้าวเหรอ?”

“กินสิ!” ถังซั่วตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เขาหวังว่าวันนี้ถังซือเถียนจะไม่ทำตัวดื้อรั้นอีก ครั้งที่แล้วตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เธอก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้อะไรเลย

“พี่เฉิน! ถ้าอย่างนั้นคุณไม่จำเป็นต้องจ้างเลขาคนนี้ก็ได้ ฉันจะเป็นเลขาให้พี่เอง ดีไหม? พี่ต้องมองหน้าเธอตลอดการทำงานเดี๋ยวจะกลายเป็นไม่สบอารมณ์ในเวลาทำงานเปล่า ๆ!”

จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้สนใจถังซือเถียน เขามองไปที่ใบหน้าของอันโหรวและถามว่า “กินอิ่มไหม?”

“ไม่อิ่ม พวกคุณพูดคุยกันต่อไปเถอะ” เธอเองก็อยากจะดูว่าสุดท้ายแล้วถังซือเถียนคิดจะทำอะไรต่อไป

จิ่งเป่ยเฉินฟังเธอพูดจบก็เกือบจะลุกขึ้นและดึงเธอออกไป แต่ก็รู้ว่าถังซือเถียนรู้สึกกับเขายังไง เขาเองก็ไม่ค่อยสบายใจเหมือนกัน เขาก็เลยตัดสินใจที่จะไม่ไปและอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเธอ

“พี่เฉิน พี่เห็นด้วยก็พอนะ! ฉันจะตั้งใจทำงานเอง” ถังซือเถียนกะพริบตาโต ๆ และจับจ้องมองเขาอย่างละเอียด

“ฉันไม่ต้องการเลขาคนอื่น”

“พี่เฉิน แล้วตำแหน่งอื่น ๆ ล่ะ?” ถังซือเถียนยังคงเอ่ยถามต่อไปโดยไม่คิดย่อท้อ

“ตอนบ่ายเธอมีนัดคุณหนูอวี๋ไปโยคะไม่ใช่เหรอ? ไปกันเถอะ!” ถังซั่วดึงแขนของเธอไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขายอมแข็งกระด้างกับน้องสาวของตน

“พี่ ปล่อยฉันนะ! ฉันมีเรื่องต้องพูด!” ถังซือเถียนตะโกนอย่างไม่พอใจ สุดท้ายแรงของเธอก็สู้ถังซั่วไม่ได้ จึงทำได้แค่ถูกเขาดึงออกไป แต่ภายในหัวของเธอไม่คิดยอมแพ้เรื่องพวกนี้หรอก ยิ่งเห็นผู้หญิงขี้เหร่คนนั้นยิ้มแบบนั้น!

ทำไมเธอถึงได้กลายเป็นเลขาของเขา แต่ทำไมเธอถึงไม่ได้!

เมื่อออกมาจากร้านอาหาร ถังซั่วก็ค่อย ๆ ผ่อนแรงลง ก่อนจะปล่อยเธอเป็นอิสระ เธอที่ยืนอยู่ตรงนั้นล้วนไม่พอใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองพี่ชายของตน “พี่ ทำไมพี่ถึงไม่อยากให้ฉันพูด ไม่ง่ายเลยนะที่ฉันจะได้เจอพี่เฉิน”

“เธอก็เห็นเขาแล้วไม่ใช่เหรอ หรือว่าเธอไม่ได้สังเกตผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามกับเขาเลย?” ใบหน้าที่อ่อนโยนและยิ้มแย้มอยู่ตลอดของเขา ตอนนี้กลับแสดงใบหน้าที่ไม่พอใจออกมา

ไม่ต้องพูดถึงหยางหยางและหน่วนหน่วนว่าเป็นลูกของจิ่งเป่ยเฉินหรือเปล่า แต่ผู้หญิงคนนี้ จิ่งเป่ยเฉินปฏิบัติกับเธอไม่เหมือนคนอื่น ถ้าหากเขาไม่พาเธอออกมา ไม่รู้เลยว่าถ้าจิ่งเป่ยเฉินโกรธแล้วจะกลายเป็นยังไงบ้าง

“ฉันเห็นแล้ว พี่เองก็รู้ว่ายัยนั่นไม่ใช่คนดูดีอะไร!! พี่เฉินตั้งค่าความสวยไว้ยังไงกันแน่ ครั้งที่แล้วก็พาเธอมาปาร์ตี้อะไรพวกนั้น แต่ก็ช่างเถอะ นี่กลับมากินข้าวตามลำพังด้วยกันอีก! พี่ พี่ช่วยฉันหน่อยเถอะ! ฉันจะต้องเข้าไปยังบริษัทจิ่งให้ได้ ฉันต้องป้องกันเธอคนนี้ให้ได้ ไม่ให้เธอเข้าใกล้พี่เฉินอีก อีกอย่างฉันก็ต้องเป็นคนแรกที่ได้เข้าไปยังบ้านตระกูลจิ่งให้ได้!” เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ดวงตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย!

หรือว่าการที่อันอีหานปรากฏตัวมาแบบนี้จะช่วยเป็นแรงบันดาลใจให้เธอกันนะ หากไปที่บริษัทจิ่งละก็ จะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับพี่เฉินมากที่สุด

“ฉันจะไม่ช่วยเธอแน่ ๆ หรือจะให้พูดอีกอย่าง ต่อให้ฉันช่วยเธอ เธอก็ถูกเขาไล่ออกมาแน่ ๆ หลายปีมานี้เธอยังไม่รู้อีกเหรอว่าเขาไม่ได้ชอบเธอ จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้คิดกับเธอแบบนั้นเลยสักนิดเดียว!” ถังซั่วเปิดประตูรถเปิดประทุนของเขาขึ้นและพูดว่า “ขึ้นรถ!”

“ไม่เอา ถ้าพี่ไม่ตอบตกลงช่วยฉัน ฉันก็จะไม่ขึ้นรถ!” ถังซือเถียนเบ้ปาก ก่อนจะเดินถอยหลังไป เธอไม่เชื่อหรอกนะว่าถังซั่วจะไม่ยอมช่วยเธอ

เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลถัง ตั้งแต่เล็กจนโตเธออยากได้อะไรเธอก็ต้องได้ แต่มีแค่จิ่งเป่ยเฉินเท่านั้นที่ปฏิบัติกับเธอแบบนั้น

มันเลยกลายเป็นทำให้เธอชอบผู้ชายคนนั้น ชอบเขามานานขนาดนี้ จะให้เธอยอมแพ้ได้ยังไงกัน เธอไม่ยอมหรอก!

ถังซั่วมองไปที่ใบหน้าของเธออย่างจริงจัง ก่อนจะปิดประตูรถเสียงดังและขับรถออกไปโดยทันที

หากปล่อยไว้แบบนี้เดี๋ยวเธอก็ได้คืบจะเอาศอกอีก!

ถังซือเถียนมองดูถังซั่วที่ขับรถออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อในสายตาของตัวเอง พี่ชายที่คอยดูแลและรักเธอมาตลอดหลังพูดจบกลับขับรถออกไปเลย

หึ เขาไปได้ก็ดี ยังไงพี่เฉินก็อยู่ข้างใน

อันโหรวกับจิ่งเป่ยเฉินเดินเคียงข้างกันออกมาข้างนอก “ฉันเห็นว่าถังซือเถียนชอบนายมาตั้งหลายปี! นายไม่คิดหวั่นไหวบ้างเลยหรือไง?”

“ถ้าหากชอบก็ต้องได้รับผลตอบแทนของการรอคอยบ้างสิ ห้าปีก่อนหน้านั้นพวกเราก็ควรแต่งงานกันนะ” สำหรับตัวเขาแล้วชั่วชีวิตนี้ชอบผู้หญิงคนเดียวก็พอ

“ช่วยหยุดพูดเรื่องเก่า ๆ หลายปีก่อนจะได้ไหมเนี่ย?” สำหรับตัวเธอห้าปีก่อนก็ทุกข์ระทมมากพอแล้ว

ครอบครัวต้องล้มละลาย คู่รักตั้งแต่เด็กก็ถูกคนอื่นแย่งเป็นเจ้าสาวแต่งงานไป จากลูกสาวที่ร่ำรวยของตระกูลกลับกลายเป็นหญิงยาจกเด็กกำพร้าในเพียงพริบตา

“ได้ ไม่พูดถึงแล้ว” จิ่งเป่ยเฉินเมื่อเห็นเธอที่ไร้ท่าทางป้องกันก็เอามือของตัวเองไปกอดที่เอวไว้อย่างเป็นธรรมชาติและเดินออกไปพร้อมกัน

ถังซือเถียนเห็นพวกเขาเดินออกมาแบบนั้น ก่อนหน้านี้คิดจะก้าวเข้าไป แต่ก็พบว่าจิ่งเป่ยเฉินกำลังโอบไปที่เอวของเธอและเดินออกมาพร้อมกัน

มันเลยทำให้ฝีเท้าของเธอหยุดอยู่กับที่ ก้าวขาไม่ออกแม้แต่ก้าวเดียว สายตาจับจ้องไปยังจิ่งเป่ยเฉินและอันโหรวที่นั่งรถออกจากร้านอาหารไป

เธอจับกระเป๋าที่อยู่ในมือแน่นขึ้น ก่อนจะย่ำเท้าด้วยความโมโหออกมา ไม่จริง ไม่ได้ เธอจะไม่ยอมให้ผู้หญิงที่ชื่ออันอีหานอยู่กับพี่เฉินแบบนี้แน่ ๆ ผู้หญิงคนนี้มันไม่ใช่ดอกไม้ แต่เป็นมูลสัตว์ที่ติดอยู่กับดงดอกไม้เสียมากกว่า