บทที่ 128 คลายฤทธิ์ยา

โชคดีที่ถึงฤทธิ์ยาจะแรง แต่ไม่ใช่ยาประเภทที่ต้องใช้สตรีในการแก้เท่านั้น เพียงฝังเข็มบวกกับใช้ยาอีกนิดหน่อยก็คลายฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดนี้ได้

ส่วนหลังจากนี้จะมีอาการข้างเคียงอะไรหรือไม่ ก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกัน

โชคดีที่แม่หลินและหลีฮวาเป็นคนไม่รู้ประสีประสาเท่าใด ไม่มีโอกาสเข้าถึงยาขนานลับที่แก้วิธีอื่นไม่ได้เว้นเสียแต่ต้องร่วมรัก จึงซื้อได้เพียงยาธรรมดาแบบนี้จากร้านขายยา

ไม่อย่างนั้นหากวันนี้สวี่อวิ๋นซานไม่ยอมทำข้าวสารเป็นข้าวสุกกับหลีฮวา เขาคงต้องตายแน่นอน

ครึ่งชั่วยามผ่านไป อาการของสวี่อวิ๋นซานก็ถูกควบคุมไว้ได้โดยสมบูรณ์

เขาสามารถเดินเหินได้อย่างอิสระแล้ว แต่ร่างกายยังอ่อนแรงอยู่มาก

สวี่อวิ๋นซานเดินเข้ามาในลานบ้าน พูดกับจางซิ่วเอ๋อด้วยสีหน้าขมขื่น “ซิ่วเอ๋อ ครั้งนี้เจ้าช่วยข้าไว้ เรื่องนี้ข้ารับปากเจ้าไว้จะทำให้ได้ ตั้งแต่นี้ไปข้าจะไม่มาตอแยกับเจ้าแล้ว”

จางซิ่วเอ๋อเห็นสวี่อวิ๋นซานเป็นแบบนี้นึกเศร้าใจขึ้นมาเล็กน้อย จริง ๆ แล้วสวี่อวิ๋นซานไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ที่ผิดคือความไม่ยุติธรรมของโลกใบนี้ ถึงทำให้จางซิ่วเอ๋อเจ้าของร่างตายไปทั้งแบบนี้

ทำให้สวี่อวิ๋นซานต้องมีแม่ที่บีบคั้นลูกตัวเองถึงจุดเลวร้ายขนาดนี้

จางซิ่วเอ๋อปริปาก “สวี่อวิ๋นซาน……”

สวี่อวิ๋นซานมองจางซิ่วเอ๋อด้วยแววตามีความหวัง เขาหวังเหลือเกินว่าจางซิ่วเอ๋อจะพูดยื้อเขาไว้ในเวลานี้ หากเป็นแบบนั้นเขาจะไม่มีทางไปจากจางซิ่วเอ๋อแน่ ๆ

ไม่ว่าจะลำบากขนาดไหน เขาก็จะอยู่กับจางซิ่วเอ๋อ

ก่อนหน้านี้เขาผิดเองที่อยากให้จางซิ่วเอ๋ออยู่กับแม่ตัวเองได้อย่างสันติสุข เขาจะทำให้แม่ตัวเองยอมรับได้ แต่หลังจากเรื่องเมื่อวาน สวี่อวิ๋นซานพบว่าตัวเองคิดผิด ผิดมหันต์

กับตัวเขาเอง แม่ของเขายังอำมหิตได้ถึงเพียงนี้ แล้วจะยอมรับจางซิ่วเอ๋อได้อย่างไร?

จางซิ่วเอ๋อพูดต่อ “เจ้าเป็นคนดี เจ้าต้องได้เจอหญิงสาวที่ดีที่เจ้าชอบ และชอบเจ้าเหมือนกัน”

เมื่อสวี่อวิ๋นซานได้ฟังคำพูดของจางซิ่วเอ๋อ หน้าตาเขาก็ผิดหวังทีละน้อย

สวี่อวิ๋นซานก้าวออกไปข้างนอก ทันใดนั้นเขาชะงักฝีเท้าและหันกลับมา มองจางซิ่วเอ๋อพลางกล่าว “ซิ่วเอ๋อ ถ้าข้าบอกว่า…..ข้าพร้อมพาเจ้าไปจากที่นี่ เจ้าจะไปกับข้าไหม?”

จางซิ่วเอ๋อถอนหายใจ สวี่อวิ๋นซานกล้าหาญจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่นางไม่ใช่จางซิ่วเอ๋อคนเดิมแล้ว

นางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “สวี่อวิ๋นซาน เจ้าไปเถอะ”

จางซิ่วเอ๋อไม่ได้พูดปฏิเสธไปตรง ๆ แต่สวี่อวิ๋นซานเข้าใจความหมายของนางแล้ว เขาเดินออกจากบ้านผีสิงด้วยอาการเศร้าโศก

หลังออกมาจากบ้านผีสิง เขาก็มองไปทางหมู่บ้าน แต่กลับก้าวขาไม่ออก

สวี่อวิ๋นซานนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่บิดาของเขานั่งนิ่งไม่พูดจา มารดาและน้องสาวทำกับข้าวเต็มโต๊ะให้เขากิน

หลังจากกินเข้าไปเขาก็พบว่าตัวเองถูกวางยา และถูกมารดาขังไว้ในห้อง

และหลีฮวาที่โถมร่างเข้าใส่เขา……

เขาผิดหวังกับบ้านนั้นจนถึงขีดสุด หากวันนี้เขากลับไป เรื่องเมื่อวานจะไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น

คิดได้แบบนี้ สวี่อวิ๋นซานก็ก้าวขาไปทางหมู่บ้านอย่างว่องไว

แต่ตอนที่ถึงหน้าบ้านตระกูลสวี่ สวี่อวิ๋นซานไม่ได้ชะลอแม้เพียงนิดเดียว ส่วนจะไปที่ไหน ตัวเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน รู้เพียงว่าตัวเองไม่อยากอยู่ในที่ที่น่าเสียใจแบบนี้อีกแล้ว

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืน

จางซิ่วเอ๋อส่งสวี่อวิ๋นซานไปแล้ว ได้แต่มองท่านหมอเมิ่งและพวกบัณฑิตจ้าวอย่างกระอักกระอ่วน

ทุกคนคงได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของสวี่อวิ๋นซานกันหมดแล้ว จางซิ่วเอ๋ออยากอธิบาย แต่ก็รู้สึกว่าระหว่างตัวเองและสวี่อวิ๋นซานไม่มีอะไรอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องอธิบาย

จางซิ่วเอ๋อจึงเอ่ยขึ้น “เรื่องในคืนนี้รบกวนพวกท่านแล้วเจ้าค่ะ”

นางลำบากใจเล็กน้อย บัณฑิตจ้าวเดินกลับบ้านไปนอนได้ แต่ท่านหมอเมิ่งจะทำอย่างไร? ดึกดื่นป่านนี้ถ้าให้ท่านหมอเมิ่งเดินทางกลับอีกจางซิ่วเอ๋อรู้สึกผิดจริง ๆ

บัณฑิตจ้าวมองความลำบากใจของจางซิ่วเอ๋อออกจึงเอ่ยขึ้น “ท่านหมอเมิ่ง ถ้าท่านไม่รังเกียจที่บ้านข้าคับแคบ ไปพักผ่อนที่บ้านข้าสักคืนเถอะ”

ถ้าเป็นคนอื่น บัณฑิตจ้าวไม่มีทางพูดเชื้อเชิญแบบนี้หรอก

ไม่ใช่ว่าบัณฑิตจ้าวใจแคบไม่อยากช่วย แต่คนอื่นต้องกังวลว่าโรคของเขาจะติดต่อได้ หากเขาผลีผลามเอ่ยปากคงไม่เหมาะนัก

แต่บัณฑิตจ้าวไม่กลัวว่าท่านหมอเมิ่งจะคิดแบบนี้ ท่านหมอเมิ่งมารักษาให้เขาโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายหลายต่อหลายหนแล้ว แถมอีกฝ่ายเองก็เคยบอกว่าโรคของเขาไม่ใช่โรคติดต่อ

ท่านหมอเมิ่งเอ่ยยิ้ม ๆ “เช่นนั้นรบกวนอาจารย์จ้าวด้วย”

จางซิ่วเอ๋อถอนใจเบา ๆ เอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ “พรุ่งนี้เช้าข้าจะเตรียมข้าวเช้าไว้ให้นะเจ้าคะ ถึงเวลาให้เอ้อร์หลางมารับก็พอ”

ตอนแรกบัณฑิตจ้าวอยากปฏิเสธ เพราะระหว่างเขาและจางซิ่วเอ๋อไม่เคยคุยไว้ว่าจะกินข้าวเช้าของจางซิ่วเอ๋อด้วย

คิดไม่ถึงว่าวันนี้จางซิ่วเอ๋อจะทำข้าวเช้าให้ด้วย แต่น่าจะเป็นเพราะท่านหมอเมิ่ง บัณฑิตจ้าวจึงไม่อาจปฏิเสธได้

ก่อนสวี่อวิ๋นซานไป เขาได้ให้ค่ารักษาท่านหมอเมิ่งเรียบร้อยแล้ว แต่จางซิ่วเอ๋อรู้สึกไม่ดีจริง ๆ ที่เรียกท่านหมอเมิ่งมากลางค่ำกลางคืนแบบนี้ ดังนั้นพรุ่งนี้เช้าจะปล่อยให้ท่านหมอเมิ่งท้องว่างไม่ได้เด็ดขาด

ถ้าให้บัณฑิตจ้าวทำข้าวเช้าให้จางซิ่วเอ๋อยิ่งรู้สึกไม่ดีไปใหญ่ บ้านบัณฑิตจ้าวยากจนข้นแค้นขนาดนั้นแล้ว คงลำบากน่าดูถ้าต้องดูแลท่านหมอเมิ่งด้วย

รอจนคนอื่นออกไปกันหมด จางซิ่วเอ๋อถึงปิดประตูบ้าน ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกและไปนอน

ท่ามกลางความมืดทะมึนนอกบ้านขณะนั้นยังมีคนสองคนยืนอยู่

เถี่ยเสวียนมองเจ้านายตัวเองพลางเอ่ย “เจ้านาย ดูสิ ตอนนี้บ้านก็ถูกซ่อมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรื่องยุ่ง ๆ ก็จัดการหมดแล้ว คนก็ไปนอนแล้ว เราสองคนก็กลับไปนอนกันเถอะขอรับ”

ชายชุดเทามองทางตัวบ้านอย่างมีความหมายก่อนจะกล่าว “ทำอย่างสุดท้าย”

เถี่ยเสวียนมีลางไม่ดีขึ้นมาในบัดดล “คงไม่ใช่ว่าต้องขนอิฐอีกนะขอรับ?”

ชายชุดเทาชี้ไปทางภูเขา “ขึ้นเขา”

เถี่ยเสวียนพูดอย่างสงสัย “บนภูเขาไม่มีคน เราขึ้นเขาไปทำไมกันขอรับ?”

ชายชุดเทาไม่อธิบาย เดินตรงดิ่งไปทางภูเขา เถี่ยเสวียนรีบตามไปติด ๆ มีเจ้านายแบบนี้เขาก็จนปัญญา……

จางซิ่วเอ๋อวุ่นวายจนเหนื่อย จึงหลับยาวถึงเช้า

พอถึงรุ่งเช้าก็ตื่นตั้งแต่ฟ้าสาง

ที่จริงนางยังนอนไม่อิ่มเท่าไหร่ แต่พอนึกได้ว่าตัวเองรับปากจะทำข้าวเช้าจึงยอมตื่น

ชุนเถาเองไม่อยากให้จางซิ่วเอ๋อเหนื่อยคนเดียว จึงมานึ่งซาลาเปาด้วยกัน

ไม่นานนัก สองพี่น้องก็เอาซาลาเปาใส่ในหม้อจนเสร็จ

ชุนเถานั่งยอง ๆ คอยดูไฟในเตา ส่วนจางซิ่วเอ๋อทำความสะอาดลานบ้านก่อนจะไปเปิดประตู

พอเปิดประตูได้ นางก็ตกใจจนสะดุ้งกับของหน้าประตู

หน้าประตูมีหมูป่าตัวเบ้อเริ่มล้มอยู่

จางซิ่วเอ๋อมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นใคร มีเพียงหมูป่าตัวนี้ล้มอยู่หน้าประตูบ้านนางพอดิบพอดี……

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ขอให้ตัดใจจากซิ่วเอ๋อได้และเจอคนที่ดีมีชีวิตใหม่ที่ดีนะคะอวิ๋นซาน

ชายชุดเทานี่ก็อยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ตลอดเลยค่ะ ใครเนี่ย

ปล.เรือท่านหมอกับท่านบัณฑิตนี่มันก็ดีเหมือนกันนะ

ไหหม่า(海馬)