บทที่ 129 เฝ้าประตูรอหมู

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

บทที่ 129 เฝ้าประตูรอหมู

หมูป่าตัวนี้อย่างน้อย ๆ 200 ชั่ง มีบาดแผลตามตัวอยู่เต็ม แต่เห็นได้ชัดว่าหมูตัวนี้เพิ่งตายได้ไม่นาน

จางซิ่วเอ๋อกุมขมับ ไม่รู้ว่าจะจัดการหมูตัวนี้อย่างไรดี

หมูนี่คงไม่ใช่บาดเจ็บและวิ่งหนีมาหน้าบ้านพวกนางก่อนจะล้มตายพอดิบพอดีหรอกนะ?

จางซิ่วเอ๋อไม่คิดว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนั้นหรอก

นางนึกไปว่าต้องเป็นเหลยเฟิงที่ซ่อมบ้านซ่อมรั้วให้ตัวเองมาทิ้งไว้ให้แน่ ๆ ส่วนทำไมคนผู้นี้ถึงดีกับนางขนาดนี้ นางไม่รู้

แต่ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อไม่อาจทำเป็นไม่เห็นหมูตัวนี้ได้

นางคิดอยู่ในใจครู่หนึ่ง ได้แต่รอให้จ้าวเอ้อร์หลางมาแล้วค่อยหาทางจัดการด้วยกัน

มิฉะนั้นหากเนื้อหมูนี่เน่าอยู่หน้าบ้านนางคงน่าเสียดายแย่

ถึงอย่างไรตอนนี้นางก็ไม่มีทิฐิอะไรแล้ว ไม่สนใจว่าคนที่แอบช่วยเหลือนางอยู่ในที่มืดเป็นใคร ตอนนี้นางอาศัยอยู่ในบ้านในรั้วที่คนผู้นั้นซ่อม ว่ากันว่าเหาเยอะเลิกคันหนี้เยอะเลิกเครียด นางไม่สนแล้วว่าจะมีหมู่ป่าเพิ่มมาอีกสักกี่ตัว

รอจนนางรู้ว่าใครก่อน ถึงตอนนั้นก็ไม่กลัวว่าจะคืนไม่หมด

“พี่ มีอะไรเหรอเจ้าคะ?” ชุนเถาเติมท้องจนอิ่มแล้วมาถึงในลานบ้าน มองปราดเดียวก็เห็นหมูป่าด้านนอกประตู

“หมูป่าตัวเบ้อเริ่มเลย! มาจากไหนกัน?” ชุนเถาถามอย่างไม่เข้าใจ

จางซิ่วเอ๋อชี้กำแพงพลางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “สงสัยพวกเราคงจะโชคดีมาก จนหมูป่าบาดเจ็บนี่วิ่งมาชนกำแพงตาย”

จางชุนเถาเชื่อที่ไหนกัน แต่ตอนนี้นางรู้แล้วว่าหมูป่ามาได้อย่างไร ทว่าเรื่องนี้กลับบอกคนอื่นไม่ได้ อย่างไรเสียพวกนางสองพี่น้องก็ไม่รู้ว่าใครกันที่คอยช่วย

จางชุนเถาจึงสำทับด้วยสีหน้าจริงจัง “ใช่แล้ว ชนกำแพงตาย”

จางซิ่วเอ๋อเหม่อมองฟ้าอย่างหมดคำพูด ทำไมน้องสาวตัวเองถึงน่ารักขนาดนี้นะ?

ไม่นานนักจางซานหยามากับจ้าวเอ้อร์หลางก็ถามคำถามเดียวกันว่าหมูป่านี่มาจากไหน?

ครั้งนี้จางซิ่วเอ๋อไม่ต้องพูดอะไร จางชุนเถาเป็นคนตอบเองว่าวิ่งมาชนกำแพงตาย

จางซิ่วเอ๋อให้จ้าวเอ้อร์หลางเอาซาลาเปาและข้าวต้มกลับไปพร้อมกล่าวขึ้น “เอ้อร์หลาง เดี๋ยวเจ้ามาช่วยที่บ้านด้วยนะ”

จ้าวเอ้อร์หลางไม่มีทางไม่ตกลง

แต่จางซิ่วเอ๋อเห็นหมูป่าหนัก 200 กว่าชั่งแล้วนึกเครียดอยู่ไม่น้อย จะกินอย่างไรให้หมดล่ะ?

กินให้หมดคงเป็นไปไม่ได้ จางซิ่วเอ๋อคิดว่าหากจัดการชำแหละเรียบร้อยแล้วคงหาทางนำไปขายในเมือง

จ้าวเอ้อร์หลางกลับไปไม่นานนักก็กลับมาใหม่ โดยที่บัณฑิตจ้าวและท่านหมอเมิ่งก็มาด้วย

ไม่ทันที่จางซิ่วเอ๋อจะพูดอะไร บัณฑิตจ้าวก็เอ่ยขึ้น “ข้าร่างกายไม่แข็งแรง ช่วยอะไรมากไม่ได้ ข้าจะช่วยก่อไฟนะ”

ท่านหมอเมิ่งกล่าวยิ้ม ๆ “เจ้าและเอ้อร์หลางสองคนจะจัดการหมูป่าตัวใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไรกัน? ข้าช่วยพวกเจ้าเอง”

จางซิ่วเอ๋อพูดเขิน ๆ “ไม่ดีกระมังเจ้าคะ……”

ท่านหมอเมิ่งกล่าวยิ้ม ๆ“ข้าไม่ช่วยเจ้าเปล่า ๆ หรอก ถึงตอนนั้นเจ้าเอาหมูป่านี่ไปปรุงอาหารเลิศรสให้ข้าสักมื้อ ถือว่าตอบแทนข้าแล้วกัน”

“งั้นก็ได้เลยเจ้าค่ะ” จางซิ่วเอ๋อยิ้ม

จางชุนเถาและจางซานหยาช่วยอะไรไม่ได้ จางซิ่วเอ๋อจึงให้พวกนางขึ้นเขาไปตัดหญ้า อย่างไรเสียจางซานหยายังต้องทำงาน หากมัวแต่ยุ่งกับหมูป่า งานของจางซานหยาทำไม่เสร็จ คืนนี้กลับไปต้องโดนด่าแน่ ๆ

มีชายหนุ่มวัยกำยำอย่างท่านท่านหมอเมิ่งช่วย การจัดการหมูป่าจึงไม่ลำบากมาก

ลวกขนหมูในน้ำร้อนให้ร่วงแล้วเอามีดปาด ก่อนจะแยกเนื้อออกจากกัน

เนื่องจากทุกคนไม่มีประสบการณ์ การแยกหมูจึงไม่น่าดูเท่าไหร่ แต่เพราะหมูนี่มีคนปล่อยให้เลือดออกก่อนหน้านี้แล้ว สีจึงไม่แย่

จางซิ่วเอ๋อคิดว่าน่าจะขายได้ราคาดี

นางแยกเก็บส่วนที่จะกินเองไว้ แล้วเตรียมส่วนที่จะนำไปขายในเมือง

นอกจากพวกนี้ มีอีก 150 ชั่งที่เอาไปขายได้

จางซิ่วเอ๋อแบ่งเนื้อหมูไปใส่ในตะกร้าไผ่เพื่อให้สะดวกในการถือ ตะกร้าสานที่บ้านไม่พอใช้ แต่โชคดีที่บ้านบัณฑิตจ้าวมีเหมือนกัน

ปกติบัณฑิตจ้าวก็ทำงานหนักอะไรไม่ได้ มีถักตะกร้าขายบ้างเป็นครั้งคราว แต่น้อยนักที่จะขายออก จางซิ่วเอ๋อจึงได้ประโยชน์ไป

จางซิ่วเอ๋อตระเตรียมตัวอีกนิดหน่อย ตัดสินใจจ้างรถลากไปที่เมือง

แต่น่าเสียดายที่เฒ่าหลี่ออกไปแล้วแต่เช้า

เนื้อหมูมากขนาดนี้จะห้อยไว้ในบ่อน้ำคงไม่ได้ ตอนนี้อากาศร้อนขนาดนี้ ถ้าไม่รีบหาทางขายให้ออก ช้าเร็วต้องเน่าเสียแน่ ๆ

จางซิ่วเอ๋อเสียดาย ไม่อยากให้หมูนี่เน่าเสีย

ดังนั้นนางจึงคิดไปคิดมาแล้วก็นึกถึงผู้ใหญ่บ้านซ่ง

ถึงแม้ผู้ใหญ่บ้านซ่งไม่ต้องรับจ้างลากรถ แต่ที่บ้านมีรถลากอยู่ ถ้านางไปยืมรถมาได้คงดีไม่น้อย

แต่จางซิ่วเอ๋อก็รู้ว่าของที่บ้านผู้ใหญ่ซ่งยืมยาก ดูจากคราวก่อนที่ไปยืมบันไดได้

จางซิ่วเอ๋อมาเรียกที่หน้าบ้านผู้ใหญ่บ้านซ่ง แม่เฒ่าซ่งก็เห็นจางซิ่วเอ๋อหิ้วตะกร้ามา

นึกถึงที่ผู้ใหญ่บ้านซ่งบอกว่าเพิ่งให้ความช่วยเหลือจางซิ่วเอ๋อไป จางซิ่วเอ๋ออาจจะเอาของมาให้ที่บ้าน ตาแม่เฒ่าซ่งก็เป็นประกาย กวาดตามองตะกร้าที่จางซิ่วเอ๋อหิ้วและคาดเดาว่าในนั้นมีอะไร

“ซิ่วเอ๋อ เจ้ามาแล้วเหรอ นั่งเร็ว” แม่เฒ่าซ่งคุ้นเคยกับการประจันหน้ากับจางซิ่วเอ๋อแล้ว นางเรียกจางซิ่วเอ๋อเข้ามานั่งในสวนลาน

จางซิ่วเอ๋อไม่ได้อยากเข้าบ้านแม่เฒ่าซ่ง จึงไม่ได้ถือสาอะไรแม่เฒ่าซ่งในเรื่องนี้

จางซิ่วเอ๋อยิ้มบาง ๆ “คืออย่างนี้ ข้ามีเรื่องต้องไปที่เมือง แต่เวลานี้ปู่หลี่ไม่อยู่ในหมู่บ้าน ข้าจึงอยากยืมรถลากที่บ้านท่านหน่อยน่ะเจ้าค่ะ……”

ทันทีที่จางซิ่วเอ๋อพูดออกไป สีหน้าแม่เฒ่าซ่งก็อึมครึมลง

จางซิ่วเอ๋อไม่ได้เอาของมาให้ แต่มายืมของ

ถ้าไม่ใช่เพราะยังหมายตาของที่จางซิ่วเอ๋อเอามาด้วยอยู่ แม่เฒ่าซ่งอยากจะไล่ไปด้วยซ้ำ

วัวเป็นของใหญ่ในบ้านนะ วัวตัวหนึ่งบวกกับรถลาก อย่างน้อย ๆ ก็มีค่า 15 ตำลึงเงิน ตอนนี้แม่เฒ่าซ่งแน่วแน่ในความคิดตัวเองที่ว่าไม่มีทางให้ยืมเด็ดขาด

จางซิ่วเอ๋อไม่รอให้แม่เฒ่าซ่งตอบ นางเอ่ยยิ้ม ๆ “ข้าไม่ใช้รถลากวัวของท่านเปล่า ๆ ปลี้ ๆ หรอกเจ้าค่ะ ข้าใช้รอบนี้รับรองว่าไม่ลากของหนัก และจะจ่ายในราคา 50 เหรียญด้วย”

แม่เฒ่าซ่งได้ยินว่าจางซิ่วเอ๋อให้เงินเยอะขนาดนี้ตาเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย อย่างไรเสียการจ้างรถจากหมู่บ้านไปเมืองแพงสุดก็ไม่เกิน 30 เหรียญ 50 เหรียญเป็นราคาที่ดีมาก แต่ก็ยังเสียดายอยู่ดี

จางซิ่วเอ๋อพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะเจ้าคะ”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เนื้อหมูป่าร้อยกิโล ต้องขายได้เงินเยอะมากแน่ ๆ ค่ะ

ไหหม่า(海馬)