ตอนที่ 76-2 ตกลงร่วมมือ

ชายาเคียงหทัย

หานหมิงซีรู้สึกว่าตนเองถูกหนุ่มน้อยอายุยังไม่เต็มสิบห้าปีดีตรงหน้านี้ทำให้นึกกลัวเสียแล้ว เขาเชื่อว่าหากพี่ใหญ่ของเขาที่รักเงินเป็นชีวิตจิตใจมาอยู่ที่นี่ในตอนนี้ คงมีหัวข้อสนทนาให้ได้คุยกับนางอีกมาก หากเปิดร้านซวินหย่าเก๋อไว้เมืองละร้าน…ฟังดูยิ่งใหญ่น่าดูทีเดียว หานหมิงซีเริ่มนึกจินตนาการว่า หากตนเปิดหอชิงเฟิงหมิงเย่ว์ไว้เมืองละแห่ง เช่นนั้นแล้ว…

 

 

           “หึหึ ข้าว่าคุณชายหานอย่าได้คิดเช่นนั้นเลย มิเช่นนั้นแล้ว…เกรงว่าคุณชายหมิงเย่ว์คงจะโกรธน่าดู” เมื่อเห็นหานหมิงซีนั่งเท้าคาง มองออกไปนอกศาลาริมน้ำด้วยตาเป็นประกายแล้ว เยี่ยหลีก็เดาได้ทันทีว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่จึงรีบเอ่ยปากทักท้วงขึ้น ที่หอชิงเฟิงหมิงเย่ว์สามารถกลายเป็นหอนางโลมอันดับหนึ่งในใต้หล้าได้นั้น ด้วยเพราะมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร หากจะเปิดให้ดาษดื่นแล้วก็คงไม่สวยงามเช่นนั้น นางไม่เชื่อว่าหานหมิงเย่ว์จะไม่เปิดหอนางโลมไว้ที่อื่นอีก เพียงแต่คงไม่ได้มีชื่อเสียงเช่นนี้เท่านั้น อีกอย่าง ธุรกิจหอนางโลมนั้น ว่ากันตามจริงแล้วไม่จำเป็นต้องใช้ฝีมือมากนักก็อาจทำให้โดดเด่นขึ้นมาได้ แต่คงยากหากต้องการที่จะผูกขาดทั้งหมด

 

 

           “เครื่องแป้งและเครื่องหอมเป็นของใช้ แต่หอชิงเฟิงหมิงเย่ว์…อะแฮ่ม เป็นสถานเพื่อความบันเทิง ทั้งสองสิ่งนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิงมิใช่หรือ เพียงแต่…ด้วยเพราะจุดนี้ทำให้ข้าน้อยรู้สึกว่าเราสามารถร่วมมือกันได้”

 

 

           หานหมิงซีก็เพียงแค่คิดเล่นๆ เท่านั้น หากจะให้เขาเปิดหอชิงเฟิงหมิงเย่ว์ไปทั่วต้าฉู่จริง เกรงว่าตัวเขาคงทนไม่ไหวจนต้องหนีไปเสียก่อน เมื่อเขาได้ยินเยี่ยหลีพูดเช่นนี้จึงไม่ได้เอ่ยขัดอันใด เพียงเลิกคิ้วขึ้นเป็นสัญญาณว่าตั้งใจรอฟังอยู่เท่านั้น

 

 

เยี่ยหลียิ้ม “เช่นว่า…เครื่องหอมและเครื่องแป้งที่แม่นางในหอชิงเฟิงหมิงเย่ว์ใช้นั้น สามารถซื้อได้จากร้านซวินหย่าเก๋อ คุณชายหานเห็นว่าอย่างไรบ้าง เพื่อแสดงความจริงใจในการทำงานร่วมกันระหว่างเราเป็นครั้งแรก ข้าน้อยสามารถให้เครื่องหอมที่ปรุงขึ้นพิเศษกับคุณชายหานก่อนได้ อีกทั้งยังสามารถให้ท่านได้โดยไม่คิดเงินและไม่จำกัดระยะเวลาอีกด้วย ท่านว่าอย่างไร”

 

 

           หานหมิงซีนิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนเลิกคิ้วขึ้นยิ้ม “คุณชายฉู่มีความจริงใจเช่นนี้ หากข้าไม่เห็นดีด้วย จะไม่ถือเป็นการผลักการค้าออกนอกประตูหรือ ดีจริง คุณชายฉู่ต้องการข้อมูลเรื่องใดเชิญว่ามาได้เลย ข้าทำให้คุณชายรู้สึกคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มได้เป็นแน่”

 

 

เยี่ยหลีพยักหน้าด้วยความพอใจ “ดีจริง เช่นนั้นคุณชายหานไปเตรียมตัวก่อนดีหรือไม่ ข้าน้อยเองก็ต้องเตรียมตัวเช่นกัน ไว้อีกสามสี่วันข้างหน้าพวกเราค่อยนัดพบกันเพื่อทำหนังสือสัญญา”

 

 

           “คำไหนคำนั้น”

 

 

           เมื่อออกจากหอชิงเฟิงหมิงเย่ว์และกลับไปยังเรือนหลังเล็กที่ไม่สะดุดตาที่พวกเขาทั้งห้าใช้เป็นที่พักชั่วคราวเวลาอยู่ในเมืองกว่างหลิงแล้ว องครักษ์ลับสามถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนหยิบตั๋วเงินปึกใหญ่ออกมาวางต่อหน้าพี่น้องสามสี่คนของตน ที่จ้องสีหน้าเฉยชาของเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด

 

 

องครักษ์ลับสองที่ทำหน้าที่จัดการเรื่องเงินทองถึงกับเลิกคิ้วด้วยความตกใจ “ตั๋วเงินจากที่ใดตั้งมากมายเพียงนี้” พวกเขานำเงินติดตัวมาจากเมืองหลวงทั้งหมดเพียงสองหมื่นตำลึงเท่านั้น นี่พระชายาพาน้องสามออกไปเดินเล่นรอบเดียวก็มีเพิ่มมาเป็นสิบเท่าเลยอย่างนั้นหรือ

 

 

           องครักษ์ลับสามหันไปมองเยี่ยหลีที่นั่งจิบชาพร้อมโบกพัดในมือ ก่อนเอ่ยด้วยความตะลึงงันว่า “เล่นชนะมาจากโรงพนัน” พูดจบยังหันมองเยี่ยหลีด้วยสีหน้ายังตกใจไม่หายว่า “คุณชาย วันนี้ข้าน้อยไม่คิดเลยจริงๆ ว่าพวกเราสามารถเดินออกมาจากที่นั่นได้อย่างปลอดภัย”

 

 

เยี่ยหลีปรายตามองเขา ก่อนหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ไม่ต้องกังวลไป หากหอชิงเฟิงหมิงเย่ว์จะมาหาเรื่องพวกเราด้วยเงินเพียงสองแสนตำลึงนี้ คงจะดูไม่ดีสักเท่าไร”

 

 

           เงินเพียงสองแสนตำลึงอย่างนั้นหรือ ต่อให้วันวันหนึ่งหอชิงเฟิ่งหมิงเย่ว์จะมีรายได้จำนวนมหาศาล แต่เงินสองแสนตำลึงนี่ก็คงมิใช่เงินจำนวนน้อยๆ อยู่ดี

 

 

           หอชิงเฟิงหมิงเย่ว์หรือ! องครักษ์ลับหนึ่งสองและสามถึงกับมุมปากกระตุก ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าจะลืมเรื่องนี้ไปเสีย พวกเขาเป็นองครักษ์ลับของพระชายา ดังนั้นพวกเขาไม่มีทางบอกท่านอ๋องแน่ว่าพระชายาพาองครักษ์ลับสามไปเที่ยวหอนางโลมมา

 

 

           เยี่ยหลีไม่ได้รีบร้อนไปหาหานหมิงซี นางต้องการปิดบังร่องรอยการเดินทางของตนทั้งหมดและต้องการข้อมูลของหนานเจียง อันที่จริงเดิมทีเยี่ยหลีมิได้คิดจะไปหาเทียนอี้เก๋อ ถึงแม้หานหมิงซีและหานหมิงเย่ว์จะดูเป็นคนที่คบหาได้ง่าย แต่จากที่เยี่ยหลีเคยพบหน้าเพียงหนึ่งครั้ง นางรู้ดีว่าหานหมิงเย่ว์ที่ดูเป็นคุณชายผู้แสนสุภาพนั้น รับมือยากกว่าน้องชายที่มีลูกเล่นแพรวพราวอยู่เป็นสิบเท่า หากไม่เพราะนางบังเอิญรู้ว่าช่วงนี้หานหมิงเย่ว์มิได้อยู่ในต้าฉู่ เยี่ยหลีไม่มีทางไปพบหานหมิงซีเป็นอันขาด

 

 

           เพียงแต่ถึงแม้หานหมิงซีจะดูเชื่อถือไม่ได้สักเท่าไร แต่สายข่าวของเทียนอี้เก๋อนั้นยังถือว่าค่อนข้างรวดเร็ว เยี่ยหลีเพิ่งออกสำรวจรอบๆ เมืองกว่างหลิงได้ไม่เท่าไร หานหมิงซีก็มาหานางก่อนเสียแล้ว

 

 

           เยี่ยหลีมองหานหมิงซีในชุดสีแดงเข้ม ที่ไม่ลืมที่จะโปรยเสน่ห์ออกมาตลอดเวลา เขานั่งสบายๆ อยู่บนเก้าอี้ในห้องโถงดอกไม้พร้อมหยอกเอินสาวใช้ที่ยกน้ำชาเข้ามาให้ เยี่ยหลีโบกมือให้แม่นางน้อยที่หน้าหูแดงด้วยความเขินอายถอยออกไป ก่อนอมยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ได้พบกันหลายวัน คุณชายหานยังสง่างามเช่นเดิม”

 

 

หานหมิงซีหัวเราะ “ที่ไหนกัน ว่าแต่คุณชายฉู่เห็นว่าทัศนียภาพในฤดูใบไม้ผลิของกว่างหลิงพอดูได้หรือไม่”

 

 

           เยี่ยหลีเองมิได้คิดว่าหานหมิงซีจะไม่ส่งคนไปคอยจับตาดูตน จึงไม่นึกโกรธ เพียงยิ้มเรื่อยๆ แล้วตอบว่า “เมืองหลวงโบราณถึงสามราชวงศ์ ทัศนียภาพงดงามประหนึ่งภาพวาด เพียงพอดูได้เมื่อไรกัน”

 

 

           หานหมิงซียิ้ม “จะว่าไปวันก่อนคุณชายฉู่ลืมบางอย่างไป วันนี้ข้ามาที่นี่พอดีจึงได้นำมาให้คุณชาย และถือโอกาสแสดงความจริงใจของข้าในการร่วมงานกันในครั้งนี้”

 

 

           เยี่ยหลีเลิกคิ้วด้วยความสงสัย มองหานหมิงซีที่ยิ้มอย่างมีเลศนัย หานหมิงซียกมือขึ้นปรบมือเบาๆ ไม่นานก็มีหญิงสาวสวยจัดในชุดสีม่วงปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู “ข้าน้อยหรูเหมยคารวะคุณชาย คารวะคุณชายฉู่”

 

 

หญิงสาวผู้นี้ก็คือแม่นางหรูเหมยที่เป็นเจ้ามืออยู่ในโรงพนันเมื่อหลายวันก่อน จู่ๆ เยี่ยหลีก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี “คุณชายหาน นี่คือ”

 

 

           หานหมิงซีคลี่พัดในมือออก ซ่อนใบหน้าอันหล่อเหลาครึ่งหนึ่งไว้หลังพัดพร้อมเอ่ยกลั้วหัวเราะว่า “กฎของหอชิงเฟิงหมิงเย่ว์ ใครที่เอาชนะเจ้ามือได้ จะได้เจ้ามือคนนั้นไปครอง คุณชายฉู่มีฝีมือพนันที่เก่งกาจนัก หรูเหมยนึกเลื่อมใสในความสามารถของท่าน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหรูเหมยจะไม่มีชื่ออยู่ในหอชิงเฟิงหมิงเย่ว์อีก และจะไม่ใช่คนของหอชิงเฟิงหมิงเย่ว์อีกต่อไป นางเป็นของคุณชายแล้ว หากคุณชายฉู่ถูกใจ จะรับไว้เป็นอนุก็ย่อมได้ แต่หากไม่ถูกใจ จะให้เป็นสาวใช้ไว้คอยยกน้ำชา เทน้ำ ซักเสื้อผ้า ทำกับข้าวก็ได้เช่นกัน”

 

 

           เมื่อเห็นหานหมิงซีหัวเราะจนน่าสงสัยพร้อมกะพริบตาปริบๆ ส่งให้นางแล้ว เยี่ยหลีก็ถึงกับปวดหัว “คุณชายหานเกรงใจเกินไปแล้ว ข้าน้อยเพียงแค่โชคดีเท่านั้น อีกอย่าง…ข้าน้อยมิได้เล่นพนันแบบตัวต่อตัวกับแม่นางหรูเหมย จะถือว่าชนะแม่นางหรูเหมยก็คงไม่ได้ ดังนั้น ท่านพาแม่นางหรูเหมยกลับไปเถิด”

 

 

           หานหมิงซีหุบพัดลง ก่อนเคาะพัดลงบนฝ่ามือ “ความหมายของคุณชายฉู่คือท่านไม่พอใจในตัวหรูเหมยหรือ”

 

 

           เมื่อได้ยินหานหมิงซีพูดเช่นนี้ ใบหน้าอันงดงามของแม่นางหรูเหมยก็ซีดขาวลงทันที มองเยี่ยหลีด้วยสายตาตัดพ้อ แล้วก้มหน้าลงเช็ดน้ำตา

 

 

เยี่ยหลีจ้องหานหมิงซีอย่างไม่นึกสนุกด้วย “คุณชายหาน ในเมื่อทุกคนมีความจริงใจต่อกัน เหตุใดจึงต้องล้อข้าน้อยเล่นเช่นนี้ บ้านข้าอบรมมาอย่างเคร่งครัด ความหวังดีของคุณชายหาน ข้าคงได้แต่ขอบคุณ”

 

 

           หานหมิงซีถอนหายใจยาว มองเยี่ยหลีด้วยสายตาต่อว่า “ใจแข็งประหนึ่งเหล็กจริงๆ เอาเถิด หรูเหมยเอ๋ย ดูท่าคุณชายฉู่คงไม่พอใจในตัวเจ้าจริงๆ ออกไปเถิด”

 

 

หรูเหมยส่งเสียงเหอะเบาๆ กระทืบเท้าพร้อมถลึงตาใส่เยี่ยหลีทีหนึ่งก่อนหมุนตัวเดินออกไป เยี่ยหลีได้แต่ยิ้มขื่นๆ ในใจ หากนางพาหญิงสาวจากหอนางโลมกลับไป อย่าว่าแต่ปฏิกิริยาของท่านตาและท่านลุงเลย เกรงว่าแม้แต่ม่อซิวเหยาก็คงเดือดดาลขึ้นมาเช่นกัน

 

 

ม่อซิวเหยา…คิดถึงเมื่อตอนจากใครบางคนมานั้น ถึงแม้เขาจะพยายามปกปิด แต่ก็มิอาจปิดบังแววตาที่เศร้าสร้อยนั้นได้ เยี่ยหลีจึงได้แต่นึกถอนหายใจเบาๆ