บทที่ 193 งานแต่งงาน + บทที่ 194 บ่าวสาวคู่ใหม่ในยามค่ำคืน

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 193 งานแต่งงาน

ผู้คนกลุ่มนี้จะไม่ยอมกลับไปไหนจนกว่าหนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างจะแต่งงานกัน โชคดีว่าที่บ้านมีห้องรับรองจำนวนมาก มิเช่นนั้นพื้นที่คงจะไม่เพียงพอสำหรับพวกเขาทุกคน

ในคืนก่อนวันแต่งงาน เหมยรั่วหลินและมู่เฉินเกาะติดหนิงเมิ่งเหยาแจ ในขณะที่เฉียวเทียนช่างนั้นอยู่ที่บ้านของตนเองเพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องให้แน่นแฟ้นมากขึ้น โดยการดื่มเหล้าด้วยกัน

คืนนั้นเอง เหมยรั่วหลินพูดคุยกับหนิงเมิ่งเหยามากมาย หญิงสาวนั้นพยายามจดจำทุกอย่างให้ขึ้นใจ

แม้ว่าจะเป็นค่ำคืนอันยาวนาน แต่ในที่สุดนางก็ผล็อยหลับไป เช้าวันรุ่งขึ้น หญิงสาวตื่นขึ้นมาตอนที่นางหยางและนางเฉียวเดินทางมาพร้อมกับหยางเล่อเล่อ เพื่อช่วยแต่งหน้าให้นางผู้เป็นเจ้าสาว

หยางเล่อเล่อกอดแขนหญิงสาว “เหยาเหยา ทำไมข้าถึงไม่ใช่ผู้ชายนะ หากข้าเป็นผู้ชาย คงจะแย่งชิงเจ้ามาจากพี่ชายเฉียวเป็นแน่”

นางหยางได้ยินคำพูดของลูกสาวก็รีบเขกศีรษะนาง ‘นางพูดอะไรเช่นนั้นเล่า’

ชิงเสวี่ยช่วยหนิงเมิ่งเหยาแต่งหน้า ในขณะที่นางหยางจัดการเรื่องทรงผม ด้วยความที่นางนั้นมีลูก พ่อแม่ และพ่อแม่สามี จึงรู้เรื่องนี้ดี

“อันดับแรกต้องหวีด้านบนก่อนจะหวีด้านล่าง และสุดท้ายก็ต้องหวีผมขาวและคิ้ว…” นางหยางดูคล่องแคล่ว เพียงสะบัดมือเล็กน้อย ก็สามารถจัดทรงผมของหนิงเมิ่งเหยาให้ดูดีขึ้นได้ จากนั้นจึงใส่ปิ่นสีทอง และสวมมงกุฎลายปักษาเพลิงที่เหมยรั่วหลินและคนอื่นๆ นำมาให้

“ช่างงดงามจริงเชียว” หยางเล่อเล่อมองหนิงเมิ่งเหยาที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย พร้อมกับมีมงกุฎลายปักษาเพลิงประดับอยู่บนศีรษะ รวมทั้งเครื่องสำอางบนหน้านั้นช่างสวยงาม นางจึงอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาเบาๆ

เหมยรั่วหลินยืนอยู่ตรงด้านหลังหนิงเมิ่งเหยา พลางมองดูหญิงสาวสวมชุดแดงทั้งตัว แล้วอดยิ้มไม่ได้ “เหยาเอ๋อร์ของพวกเราเป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดเลย”

“พี่เหมย ขอบคุณมากนะ” ตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันมา ‘พวกเขามักจะดูแลนางเสมอ นี่ก็ผ่านมาหกปีแล้วสินะ’

ในตอนนั้น หนิงเมิ่งเหยาเพิ่งมาอยู่ในยุคนี้ หญิงสาวขายสิ่งของเพื่อประทังชีวิต จากนั้นจึงได้พบเจอกับพวกเขา และนับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา กลุ่มรุ่นพี่ที่อายุมากกว่านางไม่กี่ปีเหล่านี้ก็คอยปกป้องและดูแลนางมาตลอด

หลังจากนั้น พวกเขาก็พบกับอวี้เฟิง และเขาเองก็ปฏิบัติตัวกับหนิงเมิ่งเหยาราวกับเป็นน้องสาวแท้ๆ คนหนึ่งด้วยเช่นกัน เนื่องจากเหมยรั่วหลินนั้นเอาอกเอาใจนางอย่างดี

นางรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งที่พวกเขามาอยู่ที่นี่ในวันนี้ด้วย

“อย่าร้องไห้เลย หากน้ำตาไหลขึ้นมา ก็จะไม่สวยแล้วนะ หากเขารังแกเจ้าเมื่อไหร่ ก็จงบอกข้าทันทีเลยนะ พี่เขยของเจ้า มู่เฉิน และคนอื่นๆ จะช่วยจัดการให้เอง” เหมยรั่วหลินเห็นว่าหนิงเมิ่งเหยาน้ำตาคลอ จึงเอ่ยขึ้นเช่นนั้น

คำพูดของนาง ทำให้หญิงสาวหัวเราะ “ตกลง ข้าเชื่อพี่เหมย”

หลังจากนั้นไม่นานนัก เฉียวเทียนช่างก็ส่งคนมาถามหานาง ในเมื่อครอบครัวของทั้งสองอยู่ด้วยกัน พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะแห่เกี้ยวเจ้าสาวรอบหมู่บ้านสักรอบ

ปกติแล้ว การเข้าไปพบเจ้าสาวนั้นมักจะทำให้มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น แต่หลังจากถูกหามไปมา ในที่สุดเฉียวเทียนช่างจึงเข้ามาด้านใน ก่อนจะสวมกอดหญิงสาว

เมื่อเกี้ยวเจ้าสาวมาถึงหมู่บ้าน เฉียวเทียนช่างจึงให้คนอื่นๆ โยนเหรียญทองแดงและลูกกวาดจำนวนมาก แน่นอนว่าเหล่าเด็กน้อยทั้งหลายต่างชื่นชอบอย่างมาก

นางเฉินมองดูเหรียญทองแดงบนพื้นอย่างเจ็บปวดใจ ‘จะดีเพียงใด หากเหรียญทองแดงมากมายเหล่านี้เป็นของตระกูลนางเอง’

ในวันนี้มีผู้คนจำนวนมากมาหาหนิงเมิ่งเหยาที่บ้านเพื่อช่วยเหลือเรื่องต่างๆ ชาวบ้านจากหมู่บ้านทุกคนได้รับเชิญมาร่วมงานแต่งงาน เช่นเดียวกันกับพี่น้องของเฉียวเทียนช่างและสหายของหนิงเมิ่งเหยา ส่วนผู้คนจากที่อื่นๆ นั้นมีไม่มากนัก

เฉียวเทียนช่างอยากจะให้งานออกมาดีที่สุดสำหรับหญิงสาว เขาจึงใช้เงินไปค่อนข้างเยอะ

มู่เฉินละคนอื่นๆ มองดูเหรียญทองแดงที่ถูกโยนอยู่นั้น พลางคิดในใจ ‘สำหรับเขาแล้ว สิ่งนี้ไม่ได้มากมายเกินไปเลย และแม้ว่างานแต่งครั้งนี้จะมิได้ฟุ่มเฟือยนัก แต่พวกเขาก็รู้สึกพอใจ เนื่องจากบ่าวสาวทั้งสองนั้นมิได้ต้องการเรียกร้องความสนใจใดๆ อยู่แล้ว’

เกี้ยวเจ้าสาวเวียนรอบหมู่บ้านก่อนจะเคลื่อนกลับไปยังบ้านของเฉียวเทียนช่าง ห้องหอใหม่นั้นถูกตกแต่งตามความชอบของหญิงสาว

หลังจากบ่าวสาวโค้งคำนับตรงแท่นบูชาแล้ว เฉียวเทียนช่างก็ส่งหนิงเมิ่งเหยาเข้าไปในห้องหอ ก่อนที่อวี้เฟิงและคนอื่นๆ จะดึงรั้งตัวชายหนุ่มไว้ ‘ฟ้ายังไม่มืดฉะนั้นยังไม่ถึงเวลาที่จะเข้าหอ’

หยางเล่อเล่อถือจานสองสามใบ พลางเดินตามมู่เฉินและคนที่เหลือไปยังห้องหอ “เหยาเหยา เจ้าคงจะหิวเป็นแน่ พวกเรานำอาหารมาให้น่ะ”

หนิงเมิ่งเหยามองจานอาหารที่หยางเล่อเล่อถือมาให้ด้วยดวงตาเป็นประกาย หญิงสาวยังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เช้า ทั้งยังต้องอดทนรอถึงครึ่งวัน จึงรู้สึกหิวมาก และในตอนที่ไม่มีผู้ใดนำอาหารมาให้ นางจึงกินขนมทานเล่นซึ่งอยู่บนโต๊ะแทน

“ข้าเกือบจะอดตาย หิวมากๆ เลย” หนิงเมิ่งเหยาคร่ำครวญ

“พูดอะไรเช่นนั้นน่ะ อย่าพูดถึงเรื่องความตายในวันแต่งงานของตัวเองสิ” หยางเล่อเล่อมองหนิงเมิ่งเหยาพลางจัดจานบนโต๊ะ

บทที่ 194 บ่าวสาวคู่ใหม่ในยามค่ำคืน

หนิงเมิ่งเหยิงไม่มีเวลาโต้ตอบกับหยางเล่อเล่อ เพราะมัวแต่ใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปากอยู่ หลังจากกินไปครึ่งหนึ่ง นางก็ค่อยๆ ลดความเร็วลง

“เจ้ากินช้าๆ หน่อยยังมีอาหารอีกมากนัก” มู่เสวี่ยและคนอื่นๆ มองหนิงเมิ่งเหยาอย่างเจ็บปวด เฉียวเทียนช่างช่างเป็นคนเอาใจใส่ดีจริงๆ ไม่เช่นนั้น หญิงสาวผู้นี้คงจะหิวจนไส้กิ่วเป็นแน่

หนิงเมิ่งเหยากะพริบตาปริบๆ ขณะกลืนอาหารลงคอ “ข้าหิวน่ะ”

หลังจากคำนับแท่นบูชาเสร็จ เฉียวเทียนช่างก็เปิดผ้าปิดหน้าออก ตอนนั้นหญิงสาวอยากจะบอกเขาว่านางหิว แต่เขินอายเกินไป ยังดีที่หยางเล่อเล่อและคนอื่นๆ รู้ จึงนำอาหารมาให้ มิเช่นนั้นนางคงจะหิวจนเป็นลมอยู่ในห้องหอเป็นแน่

“ถ้าเช่นนั้นก็กินไปเถิด” มู่เสวี่ยไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

แม้ว่าพวกเขาจะเคยลองใจเฉียวเทียนช่างมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังคงกังวล ถึงกระนั้นการกระทำของเขาในตอนนี้ ก็ทำให้พวกเขาวางใจได้อย่างเต็มที่เลยทีเดียว

ขณะที่เขาเปิดผ้าปิดหน้า พวกเขาต่างเห็นว่าชายหนุ่มมองหนิงเมิ่งเหยาด้วยสายตาที่แสดงความเป็นเจ้าของและความหลงใหลยิ่ง

จากแววตาของเฉียวเทียนช่าง พวกเขาก็รับรู้ถึงความรู้สึกที่ชายหนุ่มมีต่อหญิงสาวได้ทันที นั่นจึงเป็นเหตุผลให้พวกเขาเต็มใจยกหนิงเมิ่งเหยาให้กับเขา

เฉียวเทียนช่างอยู่ตรงด้านนอก ในตอนแรกนั้นเขาอยากจะกลับไปที่ห้องหอเพื่ออยู่กับหนิงเมิ่งเหยา แต่ใครจะคิดว่าอวี้เฟิงและคนอื่นๆ กลับบอกเซียวฉีเทียนและกลุ่มสหายของไม่ให้ปล่อยเขาไป และให้มาดื่มเหล้าด้วยกันแทน พวกเขาทำราวกับว่าอยากให้เขาเมาจนไร้สติ และไม่อาจผ่านพ้นคืนแต่งงานของตนเองได้สำเร็จอย่างไรอย่างนั้น

เฉียวเทียนช่างรู้สึกโกรธเคือง จากนั้นจึงแสดงความสามารถในการดื่มเหล้าของตนเองให้ทุกคนเห็น โดยการดื่มกับทุกคนที่อยู่ในที่นั้น

ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกมึนงง และเซไปทางซ้ายทีขวาที

“ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ อย่าเพิ่งไปไหน! มาดื่มกันต่อเถิด”

เสียงพูดนั้นทำให้เฉียวเทียนช่างสะดุ้ง ก่อนจะหันหน้ากลับมา ‘เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขายังไม่เมา ตอนนี้เขาไม่อาจจะดื่มได้มากกว่านี้อีกแล้ว’

แต่เมื่อเขาหันไปมอง ก็พบอวี้เฟิงที่กำลังกอดกาเหล้าอยู่ร่างกายของเขาเอนพิงโต๊ะ พร้อมกับส่งเสียงกรนดังออกมา ราวกับว่าเขาใช้พลังเฮือกสุดท้ายของตนเองตะโกนร้องเรียกชายหนุ่มเอาไว้

เมื่อเห็นดังนั้น เฉียวเทียนช่างจึงคลายกังวลและหันศีรษะอันมึนงงของตนกลับ ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องหอ

ชิงเสวี่ยยื่นน้ำซุปแก้เมาเหล้าให้เขาตรงหน้าประตู “นายน้อย ดื่มน้ำซุปแก้เมาเหล้าถ้วยนี้ก่อนเถิด”

เฉียวเทียนช่างรับถ้วยนั้นมา และยกมันดื่มในอึกเดียว ก่อนจะเดินเข้าห้องไป เขาไม่ต้องการดื่มเหล้ากับพวกชายเหล่านั้นอีกแล้ว

หนิงเมิ่งเหยาได้ยินเสียงเปิดประตู จึงเงยหน้าขึ้นและเห็นเฉียวเทียนช่างเดินเข้ามาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ร่างกายของชายหนุ่มนั้นมีกลิ่นเหล้าติดไปทั่วทั้งตัว

“เจ้าดื่มไปเยอะแค่ไหนกันเนี่ย” หนิงเมิ่งเหยารีบเข้าไปประคองชายหนุ่ม และพาเขามานอนบนเตียง

หญิงสาวกำลังจะไปเตรียมน้ำมาเพื่อเช็ดตัวให้เขา แต่ในจังหวะที่นางหมุนตัวนั้น เฉียวเทียนช่างก็ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดของตน

ชายหนุ่มมองหนิงเมิ่งเหยาตาไม่กะพริบ ราวกับกำลังจ้องมองสมบัติล้ำค่า

“เรายังไม่ได้ดื่มเหล้าด้วยกันเลยนะ” หลังจากพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นจากเตียงไปหยิบจอกสุรามาสองใบ และยื่นจอกหนึ่งใส่ในมือของหญิงสาว จากนั้นทั้งคู่ก็ไขว้แขนกันก่อนจะยกเหล้าดื่มพร้อมกัน

“รีบไปล้างตัวเถอะ กลิ่นเหล้าบนตัวของเจ้าเหม็นมาก” นางไม่รู้เลยว่าเขาดื่มไปมากขนาดไหนถึงได้มีกลิ่นเหล้าฉุนจมูกเพียงนี้

เฉียวเทียนช่างกอดหนิงเมิ่งเหยา “อยู่กับข้าก่อนเถิด แล้วค่อยไปอาบน้ำกัน ตอนนี้ข้ายังไม่อยากไปอาบน้ำน่ะ” เขาอุ้มนางไปที่เตียง ก่อนจะกวาดข้าวของบนเตียงลงพื้นจนหมด แล้ววางหนิงเมิ่งเหยาลงบนเตียง

“เหยาเหยา”

“มีอะไรรึ” หนิงเมิ่งเหยาเงยหน้าขึ้นและมองใบหน้าที่กำลังยื่นเข้ามาใกล้พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย กลิ่นเหล้านั้นเตะอยู่ตรงปลายจมูกของนาง

กลิ่นนั้นทำให้หญิงสาวรู้สึกมึนเมา

หนิงเมิ่งเหยาไม่รู้ตัวเลยว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่นั้นถูกถอดออกได้เช่นไร เมื่อนางรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าร่างกายของพวกเขาทั้งคู่เปลือยเปล่าอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว

ความเจ็บปวดคือสิ่งเดียวที่หญิงสาวรู้สึกจนถึงกับต้องขมวดคิ้ว ดวงตาของนางมีน้ำตาเอ่อคลอ ทำให้หัวใจของเฉียวเทียนช่างรู้สึกปวดร้าวไปด้วย

“ไม่เป็นไรนะ” ชายหนุ่มจุมพิตไปทั่วใบหน้าของหนิงเมิ่งเหยา หวังว่านางจะลืมความเจ็บปวดไปได้

จนในที่สุด เหตุการณ์ทุกอย่างก็เพิ่มระดับความร้อนแรงจนเกินต้านทานไหว

คืนนั้นทั้งคืน เฉียวเทียวช่างนั้นไม่อ่อนเพลียเลย แม้ว่าเขาจะรู้ว่าผู้เป็นภรรยานั้นเหนื่อยล้า แต่เขากลับไม่อาจห้ามใจได้ จนสุดท้ายแล้ว เขาก็ยอมปล่อยตัวหนิงเมิ่งเหยาในช่วงเช้าตรู่ หญิงสาวอ่อนแรงเกินกว่าจะเคลื่อนไหวได้ เขาจึงพานางไปอาบน้ำ หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเสร็จ เขาก็พาหนิงเมิ่งเหยามานอนบนเตียง ก่อนจะกอดนางจนทั้งคู่ผล็อยหลับไป