ตอนที่ 145 ผมว่าไม่น่าจะมีปัญหา / ตอนที่ 146 ไม่รู้สึกเสียศักดิ์ศรีบ้างเลยเหรอ

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 145 ผมว่าไม่น่าจะมีปัญหา

 

 

เจี่ยงซือเฟยและเฮ่อซานซานรับไม่ได้กับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น

 

 

เฮ่อซานซานตัดสินใจที่จะบ่นเรื่องนี้กับเว่ยสวีเฟิงในทันที แต่ดูเหมือนว่าเฝิงอันหวาจะอ่านใจเธอได้ เขาจึงตะโกนข้ามห้องมาว่า “เราจะเริ่มถ่ายทำกันแล้ว! ทุกคนที่ไม่ใช่ทีมงานช่วยออกไปด้วยครับ!”

 

 

เขาออกคำสั่งให้ทีมงานเริ่มจัดฉากนั่นเอง

 

 

เจี่ยงซือเฟยกัดปากพลางยิ้มเย้ยอย่างเย็นชา “โปรดิวเซอร์เฝิง ถ้าคุณยังยืนกรานที่จะทำแบบนี้ก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือนแล้วกัน! ไปเถอะ!”

 

 

เฮ่อซานซานกระทืบเท้าปึงปังก่อนจะเดินออกไปอย่างฉุนเฉียวเช่นกัน

 

 

หลังจากที่ทั้งคู่ออกไปแล้ว เจียงอีหมิงที่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็เดินเข้ามาถาม “เกิดอะไรขึ้นน่ะลุงเฝิง?”

 

 

เฝิงอันหวายิ้มแป้นจนปากฉีกถึงหู “พูดเรื่องอะไรเหรอ”

 

 

“ก็คุณให้เจี่ยงซือเฟยเดินนวยนาดออกไปเฉยๆ แบบนั้นเลยเหรอ แล้วเราจะไม่ซวยหรือไง แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเว่ยสวีเฟิงกันแน่ อยู่ๆ เขาก็เปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหันได้ยังไง” เจียงอีหมิงรัวคำถาม “หรือว่าเพราะหลินเยียนดูสวยมากจนเขายอมให้เธออยู่ต่อ”

 

 

“ไม่ใช่แค่เรื่องนั้นหรอก…” เฝิงอันหวาตบบ่าเจียงอีหมิง “ลุงเจียง ลุงยังไม่เข้าใจอะไรอีกเหรอทั้งๆ ที่มันชัดเจนซะขนาดนี้ ช่างมันเถอะ…ตั้งใจถ่ายหนังก็พอ เอาเป็นว่า เว่ยสวีเฟิงเปลี่ยนใจและไม่อาละวาดแล้ว ที่เหลือก็ปล่อยผมจัดการแล้วกัน!”

 

 

“อ้อ! แล้ววันนี้เราจะถ่ายฉากไหนก่อนล่ะ” เฝิงอันหวาถาม

 

 

เจียงอีหมิงดูใจลอยขณะที่กำลังคิดถึงสิ่งที่เฝิงอันหวาถาม “ฟังชั่นหยางกับหลินเพียนรั่วควรจะเป็นคู่รักที่มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้น แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้วน่าจะเป็นไปไม่ได้เลย! ฉากแรกของวันนี้เป็นตอนที่หลินเพียนรั่วกลับบ้านช้า แล้วฟังชั่นหยางก็เกิดโมโหขึ้นมาเพราะหึงหวง…เว่ยสวีเฟิงจะแสดงให้สื่ออารมณ์แบบนั้นได้ยังไงกัน”

 

 

 

 

เฝิงอันหวามองเว่ยสวีเฟิงที่มีท่าทีว่านอนสอนง่ายต่อหน้าหลินเยียน เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนพูดว่า “ผมว่า ไม่น่าจะมีปัญหาหรอก…”

 

 

ลึกๆ แล้ว เฝิงอันหวาค่อนข้างตกใจเช่นกันที่เหตุการณ์กลับกลายเป็นเช่นนี้ได้

 

 

แล้วข่าวลือที่ว่าเว่ยสวีเฟิงตามจีบหลินซูหย่าคืออะไร ทำไมเขาถึงตกหลุมรักหลินเยียนได้ง่ายๆ แบบนี้

 

 

แต่ต้องยอมรับว่าความสวยของหลินเยียนทำให้ทุกคนตื่นตะลึงอย่างมากได้จริงๆ จึงไม่แปลกอะไรที่คุณชายเว่ยจะหลงรักหลินเยียนตั้งแต่แรกพบ…

 

 

และแม้ว่าเว่ยสวีเฟิงจะชอบพอหลินเยียนอยู่จริงๆ แต่คนหล่อระดับเขาสามารถหาสาวสวยตามที่ต้องการได้ทุกเมื่อ เฝิงอันหวาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงดูประหม่าขนาดนี้

 

 

นอกจากนี้ เขายังไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่าทีของเว่ยสวีเฟิงจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วแบบนี้…

 

 

เป็นไปได้ไหมว่าดาราหนุ่มรู้สึกอินกับบทฟังชั่นหยางมากแม้ว่าจะยังไม่เริ่มถ่ายทำก็ตาม

 

 

 

 

“พี่เยียน ผมตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับพี่มาตลอดเลยครับ แล้วพี่ล่ะครับ?”

 

 

เว่ยสวีเฟิงทักทายและพูดคุยกับเธออย่างสุภาพและเป็นธรรมชาติมาก ดวงตาของเขาส่องประกายขณะที่พูดไปด้วย

 

 

หลินเยียนรู้สึกตกใจมากเมื่อได้ยินว่าเขาตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับเธอ

 

 

หญิงสาวรู้สึกงุนงงอย่างแรง

 

 

ตัวตัวหูฝาดหรือเว่ยสวีเฟิงเสียสติไปแล้ว

 

 

ทำไมเว่ยสวีเฟิงถึงแสดงออกอย่างแตกต่างจากที่ทุกคนพรรณนาอย่างสิ้นเชิงขนาดนี้

 

 

หลินเยียนเหลือบมองตัวตัวอย่างงงงวยโดยไม่รู้ตัว

 

 

ตัวตัวเหลือบมองหลินเยียนกลับด้วยอารมณ์ฉงนไม่แพ้กัน…

 

 

หลินเยียนพูดอะไรไม่ถูก…

 

 

ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าเว่ยสวีเฟิงอาจจะเสียสติไปแล้วจริงๆ …

 

 

เพราะเขาเพิ่งจะด่าทอเธออย่างรุนแรงบนเว่ยป๋อเมื่อวานนี้เอง ทำไมวันนี้เขาถึงมีท่าทีประหลาดเช่นนี้

 

 

หลินเยียนอยากจะตอบกลับไปว่าเธอไม่เคยตั้งตารอที่จะร่วมงานกับเขาเลย เธอไม่อยากจะทำงานร่วมกับดาราหนุ่มที่เป็นข่าวกับเธอแม้แต่คนเดียว…ซ้ำร้าย ทั้งคู่ยังต้องแสดงเป็นคู่รักกันอีกต่างหาก…

 

 

 

 

ตอนที่ 146 ไม่รู้สึกเสียศักดิ์ศรีบ้างเลยเหรอ

 

 

หลินเยียนตัดสินใจแล้วว่าจะเว้นระยะห่างจากคนที่อยู่ในรายชื่อที่ชวนให้ชีวิตหาไม่ของเธอ

 

 

แต่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเว่ยสวีเฟิงจะออกอาการแบบนี้…

 

 

โชคดีที่ทีมงานคนหนึ่งเดินเข้ามาขัดจังหวะ “คุณชายเว่ยครับ เริ่มแต่งหน้าแต่งตัวกันเลยไหมครับ เราทำห้องแต่งตัวไว้สำหรับคุณโดยเฉพาะ และจ้างสไตลิสต์ชื่อดังมาด้วยนะครับ!”

 

 

เว่ยสวีเฟิงเลิกคิ้ว “ห้องแต่งตัวเฉพาะสำหรับฉัน?”

 

 

“ใช่ครับ เชิญพักผ่อนให้สบายเลยนะครับ เราเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว จะไม่มีใครรบกวนคุณแน่นอน!” ทีมงานคนนั้นพยักหน้าหงึกหงักขณะที่พูด

 

 

เว่ยสวีเฟิงตอบ “ไม่เป็นไร ฉันแต่งหน้าแต่งตัวที่นี่ก็ได้”

 

 

“หือ? ที่นี่เหรอครับ?” ชายหนุ่มทีมงานจ้องมองเขาอย่างงุนงง

 

 

เว่ยสวีเฟิงย้ำ “ใช่ แล้วไม่ต้องใช้สไตลิสต์คนอื่นหรอก ใช้คนที่แต่งหน้าให้พี่เยียนเนี่ยแหละ”

 

 

ทีมงานหนุ่มนิ่งสนิท เขาไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไรดีในสถานการณ์แบบนี้

 

 

ทุกคนรู้ดีว่าเว่ยสวีเฟิงอารมณ์ร้อนและจู้จี้จุกจิกแค่ไหน ทีมงานจึงเตรียมทำความสะอาดห้องแต่งหน้าไว้จนสะอาดเอี่ยมอ่อง ทั้งยังต้องวุ่นวายกับการจ้างสไตลิสต์ชื่อดังอีกต่างหาก ใครจะไปคาดคิดว่าเว่ยสวีเฟิงจะไม่ขอใช้ห้องแต่งหน้าส่วนตัวและยอมใช้สไตลิสต์ธรรมดาๆ

 

 

แววตาของเว่ยสวีเฟิงเปล่งอารมณ์มุ่งร้าย “ทำไม? มีปัญหาหรือไง?”

 

 

ทีมงานหนุ่มเงียบกริบ เฝิงอันหวาจึงเข้ามาแทรกกลางบทสนทนาของทั้งคู่อย่างรวดเร็ว “ไม่มีสิครับ! ไม่มีปัญหาเลย! ไม่มีเลยจริงๆ นะ!”

 

 

เฝิงอันหวาหันไปสั่งทีมงาน “แค่ทำตามที่เขาสั่งก็พอ เรื่องง่ายๆ แค่นี้ทำไม่ได้หรือไง”

 

 

“อ่า…โอเคครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!” ทีมงานหนุ่มรีบวิ่งหายไปไหนพริบตา

 

 

ในที่สุด เว่ยสวีเฟิงก็ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ หลินเยียน ปล่อยให้เควินเริ่มแต่งหน้าให้กับเขา

 

 

เควินรู้อิทธิฤทธิ์ความเจ้าอารมณ์ของเว่ยสวีเฟิงดี เขาจึงต้องระมัดระวังตัวอย่างมากเมื่อรู้ว่าต้องรับหน้าที่แต่งหน้าให้กับดาราหนุ่มคนนี้

 

 

เควินถามอย่างระแวดระวังก่อนจะเริ่มแต่งหน้า “คุณชายเว่ย อยากให้แต่งแบบไหนเป็นพิเศษไหมครับ”

 

 

เว่ยสวีเฟิงตวัดสายตามองหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ก่อนพึมพำว่า “มีสไตล์ที่ทำให้ผู้หญิงคนข้างๆ นี่หลงเสน่ห์ฉันบ้างมั้ย”

 

 

เควินเงียบกริบ…

 

 

เขาอยากรู้จริงๆ ว่าเว่ยสวีเฟิงเปลี่ยนเป็นคนละคนเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเยียนโดยไม่สนโลกและเปิดอกขนาดนี้ได้ยังไง

 

 

ไม่รู้สึกเสียศักดิ์ศรีบ้างเลยเหรอ…?

 

 

มุมปากของเควินกระตุก “คุณชายเว่ยครับ เท่าที่ผมรู้คือคุณอัพเดตเว่ยป๋อเมื่อคืนว่าคุณจะไม่มีทางตกหลุมรักหลินเยียนเด็ดขาด เว้นแต่ว่าคุณจะตาบอด…คุณจำได้ใช่ไหม”

 

 

เว่ยสวีเฟิงเลิกคิ้วสูงในขณะที่ตอบอย่างไม่ยินดียินร้าย “แล้วไง? ฉันจะตาบอดไม่ได้หรือไง?”

 

 

เควินตอบกลับ “นั่นสิเนอะ…”

 

 

ในขณะที่เว่ยสวีเฟิงกำลังแต่งหน้าแต่งตา ตัวตัวที่อยู่ข้างๆ หลินเยียนก็ทำปากขมุบขมิบเพื่อแอบคุยกับเธอ “นี่มันประหลาดมากเลยนะคะ ฉันเคยเจอเว่ยสวีเฟิงที่กองถ่ายหนังเรื่องอื่น หมอนี่น่ะเป็นดาราที่เรื่องมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอเลย กาแฟของเขาต้องเสิร์ฟในอุณหภูมิที่พอดีเป๊ะ ส่วนอาหารก็ต้องสั่งมาจากภัตตาคารชั้นเลิศที่เขาชอบเป็นการส่วนตัว แล้วยังชอบขอนั่นขอนี่แบบไร้สาระและจุกจิกอีกต่างหาก ทำไมอยู่ๆ ถึงกลายเป็นเด็กดีขึ้นมาซะได้นะ”

 

 

หลินเยียนไม่รู้ว่าเว่ยสวีเฟิงเวอร์ชั่นไหนกันแน่ที่เป็นตัวจริง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้สนใจเท่าไร

 

 

เธอฉวยโอกาสใช้เวลาว่างในตอนนี้คว้ามือถือขึ้นมาแล้วสาละวนอยู่กับเกมในทันทีทันใด

 

 

หลินเยียนเพิ่งรับงานที่จ้างให้เธอฝึกฝนและท้าแข่งกับลูกค้าในเกมออนไลน์ และเธอยังต้องช่วยเพิ่มเลเวลให้ลูกค้าภายในเวลาที่กำหนดอีกด้วย ถ้าเธอทำไม่ได้ตามในสัญญาว่าจ้าง เธอจะต้องจ่ายค่าปรับและอาจถูกริบเงินค่าจ้างด้วย