ตอนที่ 147 บทพูดของเขามันฟังดูประหลาดพิกล / ตอนที่ 148 จินตนาการว่าเธอเป็นเทพธิดาของเขา

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 147 บทพูดของเขามันฟังดูประหลาดพิกล

 

 

เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ถ้าหลินเยียนทำให้ลูกค้าเลเวลอัพไม่ได้…เธอจะต้องเสียค่าปรับ…

 

 

เพราะการแต่งหน้าเจ้ากรรมดันกินเวลาเยอะเกินเหตุแท้ๆ!

 

 

ผู้ช่วยผู้กำกับ อู๋เหวินไห่ เดินเข้ามาภายในห้องขณะที่หลินเยียนเพิ่งเริ่มเล่นเกม เขาไม่พอใจเล็กน้อยที่เห็นหลินเยียนง่วนอยู่กับมือถือ “นี่ หลินเยียน ทำอะไรของเธอ ทำไมไม่เตรียมพร้อมเข้าฉาก มัวแต่เล่นเกมอยู่ได้”

 

 

ผมหน้าม้าของเว่ยสวีเฟิงถูกปัดออกจากใบหน้าและหนีบกิ๊บเอาไว้เพราะเขาอยู่ในระหว่างการแต่งหน้า ดาราหนุ่มเพ่งความสนใจของตนอยู่กับหลินเยียนตลอดเวลา เขาเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทีรำคาญใจ “พี่เยียนชอบเล่นเกมก็ให้เธอเล่นไปสิ จะมาวุ่นวายทำไม ไม่รู้เหรอว่าคนที่เล่นเกมอยู่เขาไม่ชอบให้ใครมาขัดจังหวะน่ะ”

 

 

เว่ยสวีเฟิงหันหน้าไปหาหลินเยียนแล้วจ้องมองเธอด้วยสายตาเปี่ยมรัก “พี่เยียนครับ เล่นเกมอะไรอยู่เหรอ ผมเล่นด้วยได้ไหม”

 

 

หลินเยียนอึ้ง…

 

 

ตัวตัวเองก็อึ้งกิมกี่…

 

 

ต้องมีอะไรประหลาดๆ เกิดขึ้นกับหมอนี่และบทพูดของเขาแน่ๆ

 

 

คนที่ต้องรบกวนเว่ยสวีเฟิงเพื่อกุข่าวลือใหม่ๆ ในกองถ่ายควรจะเป็นหลินเยียนไม่ใช่หรือไง

 

 

ไหงทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมด

 

 

นอกจากตัวตัวแล้ว ทีมงานกองถ่ายเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันว่ามีบางอย่างแปลกไปจริงๆ

 

 

ทุกคนคาดไว้ว่าเว่ยสวีเฟิงจะต้องอาละวาดและไล่ตะเพิดหลินเยียนออกจากกองถ่ายไปอย่างแน่นอนในวันนี้ แต่จู่ๆ เขาก็สุภาพอ่อนโยนกับเธอขึ้นมาเสียดื้อๆ

 

 

ไม่สิ เขาไม่ได้สุภาพอ่อนโยนในระดับทั่วไป แต่เว่ยสวีเฟิงกำลังทำตัวเชื่องเหมือนลูกกระต่ายตัวเล็กน่ารักเมื่อมีหลินเยียนอยู่ใกล้ๆ …

 

 

อู๋เหวินไห่เองก็งงงวยไม่แพ้กัน “หา?”

 

 

เว่ยสวีเฟิงขู่ใส่ผู้ช่วยผู้กำกับ “ไม่เข้าใจที่ฉันพูดหรือไง”

 

 

อู๋เหวินไห่ตัวสั่นด้วยความกลัว เขาพยักหน้าหงึกๆ ให้หลินเยียนอย่างรวดเร็ว “เอ่อ…ได้…โอเค…หลินเยียน…เล่นไปเถอะ…เล่นต่อเถอะ…”

 

 

หลังจากที่ถูกแหวใส่โดยไม่มีเหตุผล อู๋เหวินไห่ที่มีท่าทีลุกลี้ลุกลนก็รีบวิ่งตามหาเฝิงอันหวา “ลุงเฝิง เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”

 

 

ไม่ใช่ว่าเว่ยสวีเฟิงตั้งใจจะเฉดหัวหลินเยียนออกจากกองถ่ายหรอกเหรอ ทำไมเขาถึงทำตัวอย่างกับเป็นคนละคนได้ถึงขนาดนี้

 

 

โปรดิวเซอร์เฝิงไม่ได้มีเจตนาที่จะเผยความลับของเว่ยสวีเฟิงอยู่แล้ว เขาจึงสั่งอู๋เหวินไห่อย่างเอาจริงเอาจังว่า “อย่าถามเยอะนักน่ะ แค่รู้ไว้ว่าอย่าทำให้หลินเยียนโมโหก็พอ!”

 

 

อู๋เหวินไห่รู้สึกหัวหมุนไปหมด…

 

 

เว่ยสวีเฟิงแต่งหน้าเสร็จในเวลาต่อมา สิ่งที่เขาต้องทำต่อไปคือเปลี่ยนชุด

 

 

และหลังจากนั้นไม่นาน เว่ยสวีเฟิงก็แต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อย เขาเดินอาดๆ ออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

 

 

ตอนนี้ เว่ยสวีเฟิงอยู่ในเสื้อยืดสีขาวสะอาดตา ส่วนท่อนล่างเป็นกางเกงยีนสีน้ำเงินและรองเท้าผ้าใบสีขาว

 

 

เขาถอดต่างหูและสร้อยคอออก ส่วนผมสีแดงสดก็ถูกย้อมให้เป็นสีดำสนิทโดยฝีมือของเควิน เส้นผมของเขาเรียบลื่นและนุ่มสลวย ดูเรียบร้อยและสุภาพ เครื่องสำอางหนาเตอะบนใบหน้าก่อนหน้านี้ถูกลบออกจนเหลือเพียงรองพื้นบางๆ เท่านั้น เควินเขียนคิ้วของเขาอย่างเบามือให้ดูเป็นธรรมชาติ สไตล์ของเขาให้ความรู้สึกสะอาดและสดชื่น

 

 

เว่ยสวีเฟิงหน้าตาดีจนเกือบถึงขั้นที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ เขาจึงดูดีราวกับเป็นเด็กปีหนึ่งที่เพิ่งเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยเมื่อเขาลบเครื่องสำอางเดิมออกจนเกลี้ยงเกลา รอยยิ้มของเขาอาจทำให้สาวๆ ใจละลายได้เลย

 

 

ทีมงานกองถ่ายทุกคนอ้าปากค้างและร้องเสียงหลงอย่างอดใจไม่ได้

 

 

“ว้ายยย! พระเจ้าช่วย! เว่ยสวีเฟิงในลุคแฟนเด็กสุดเท่นี่จะดูดีเกินไปแล้วนะ! ใครจะไปต้านทานเสน่ห์ไหวเนี่ย”

 

 

“ทำเอาใจป้าๆ ร้อนรุ่มจนลุกเป็นไฟไปเลย!”

 

 

 

 

แม้แต่ผู้กำกับเจียงอีหมิงก็ยังรู้สึกประทับใจมาก “ยอดเยี่ยม! นี่แหละสมบูรณ์แบบ!”

 

 

ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าเว่ยสวีเฟิงจะเต็มใจย้อมผมเป็นสีดำ

 

 

เพราะเว่ยสวีเฟิงเคยประกาศมาแล้วก่อนหน้านี้ว่าห้ามใครแตะต้องผมของเขาเด็ดขาด อีกทั้งเขายังไว้ผมทรงเดิมสีเดิมเมื่อตอนที่ถ่ายภาพตัวละครด้วย เหตุนี้เอง หลายคนจึงตะลึงเมื่อเห็นเขายอมยืดผมและย้อมผมเป็นสีดำสนิทเช่นนี้

 

 

 

 

ตอนที่ 148 จินตนาการว่าเธอเป็นเทพธิดาของเขา

 

 

เมื่อเว่ยสวีเฟิงเตรียมตัวเสร็จแล้ว เขาก็รีบปรี่เข้าหาหลินเยียนในทันทีทันใด “พี่เยียนครับ ผมดูดีไหม?”

 

 

อะไรอีก…ทำไมหมอนี่มาอยู่ตรงนี้อีกแล้ว?

 

 

“ไม่…อย่าเข้าใกล้ฉันนะ! จะพูดอะไรก็หยุดอยู่ตรงนั้นแล้วค่อยพูด!” หลินเยียนกระโดดถอยหลังในทันทีที่เห็นเว่ยสวีเฟิงพุ่งเข้ามาหาเธอก่อนจะพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงดุดัน

 

 

เธอจะไม่ให้ใครนั่งเทียนเขียนข่าวฉาวเกี่ยวกับเธออีก!

 

 

เมื่อเว่ยสวีเฟิงเห็นว่าหลินเยียนมีท่าทีระมัดระวังและดูเกลียดชังเขามากแค่ไหน ดวงตาที่เป็นประกายระยิบระยับในตอนแรกก็พลันดูเศร้าลงในทันที ดาราหนุ่มดูเหมือนลูกหมาตัวน้อยที่หยุดกระดิกหางเพราะใจสลายที่ถูกเจ้าของทอดทิ้ง

 

 

ทีมงานมองหน้ากันไปมา ทุกคนต่างพูดไม่ออกและสับสน

 

 

เฝิงอันหวามองหลินเยียนและพูดกับเธอว่า “หลินเยียน เราจะเริ่มถ่ายทำกันแล้วนะ คุณควรจะคุยกับคุณชายเว่ยเพื่อทำความรู้จักกันสิ อย่าทำตัวห่างเหินขนาดนั้นเลยน่า”

 

 

เว่ยสวีเฟิงหูตั้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น

 

 

หลินเยียนปฏิเสธทันควัน “ไม่ค่ะ! ฉันโอเค! ฉันอินกับบทได้ง่ายมากค่ะ ฉันขอสัญญาเลยว่าจะไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน”

 

 

เว่ยสวีเฟิงหงอยจนพูดอะไรไม่ออก

 

 

เฝิงอันหวาตอบ “แต่คุณชายเว่ยอาจจะมีปัญหา…”

 

 

หลินเยียนสวนกลับ “เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ คุณชายเว่ยมีทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยม! เขาไม่ลำบากแน่นอน!”

 

 

เฝิงอันหวาจนปัญญาเพราะหมดคำจะพูด เขาคงไม่กล้าแย้งโดยใช้เหตุผลว่าเว่ยสวีเฟิงแสดงหนังได้ห่วยแตกแน่ๆ

 

 

ชักจะเป็นเรื่องวุ่นวายไปกันใหญ่ ทำไมหลินเยียนถึงทำตัวแปลกๆ?

 

 

ไม่ใช่ว่าหลินเยียนต้องเป็นฝ่ายตามตื๊อเว่ยสวีเฟิงหรอกหรือ?

 

 

ทำไมเธอจึงพยายามหลบหน้าเขาถึงขนาดนั้น?

 

 

เจียงอีหมิงออกความเห็น “งั้นเรามาเริ่มถ่ายทำกันเลยดีไหม ถ้ามัวโอ้เอ้เดี๋ยวเวลาจะไม่พอเอานะ…”

 

 

เฝิงอันหวาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลงในทันที ถ้าลงเอยแบบนี้ หลินเยียนก็จะไม่มีโอกาสหลบหน้าเว่ยสวีเฟิงอีก

 

 

“คุณชายเว่ย เรามาเริ่มถ่ายกันเลยดีไหมครับ ยังไงซะก็เป็นฉากของคุณกับคุณหลินอยู่แล้วด้วย” เฝิงอันหวาพูดอย่างระมัดระวัง

 

 

เว่ยสวีเฟิงที่ดูสลดเป็นหมาหงอยมองหลินเยียนอย่างเกรงอกเกรงใจ “ยังไงก็ได้ ฉันแล้วแต่พี่เยียน”

 

 

หลินเยียนพูดไม่ออก

 

 

มุมปากของเฝิงอันหวากระตุก เขาหันมาขอความเห็นจากหลินเยียนแทน “คุณหลิน”

 

 

“ได้ค่ะ ได้! ฉันเริ่มถ่ายตอนไหนก็ได้!” หลินเยียนพยักหน้าอย่างเร่งรีบ

 

 

ยิ่งถ่ายทำให้เสร็จได้เร็วที่สุดเท่าไรเธอก็ยิ่งปลอดภัยเท่านั้น

 

 

เจียงอีหมิงเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนทั้งคู่แล้วอธิบาย “สวีเฟิง หลินเพียนรั่วเป็นผู้หญิงที่คุณรักสุดหัวใจในหนังเรื่องนี้ คุณต้องสื่ออารมณ์และความหลงใหลที่มีต่อตัวเธอออกมาให้ได้

 

 

ฉะนั้น เมื่อคุณมองเธอ ดวงตาของคุณต้องเปี่ยมไปด้วยความรักและความปรารถนา เมื่อเธอเมินคุณ คุณต้องทำเหมือนว่าคุณกำลังเจ็บปวด ทรมาน และโกรธเกรี้ยว…คุณต้องมองว่าเธอเป็นเทพธิดาของคุณ…”

 

 

เจียงอีหมิงกระแอมเบาๆ และลดความจริงจังในน้ำเสียงลงเพื่อไม่ให้เว่ยสวีเฟิงรู้สึกหงุดหงิด “ฉันรู้ว่ามันอาจจะยากสักหน่อย แต่ฉันหวังว่าคุณจะลองทำได้”

 

 

อู๋เหวินไห่ขัดจังหวะ “ผมจำได้ว่ามีนักแสดงหญิงคนหนึ่งที่คุณชายเว่ยชอบมาก คุณเคยโพสต์เกี่ยวกับเธอบนเว่ยป๋อด้วย…”

 

 

แฟนๆ ของเว่ยสวีเฟิงรู้กันดีว่าเขามีบุคคลที่เคารพนับถือราวกับเทพธิดาอยู่คนหนึ่ง

 

 

“เธอไม่ใช่ดารา” เว่ยสวีเฟิงแก้ไขความใจผิดด้วยท่าทางเคร่งขรึม

 

 

อู๋เหวินไห่เกาหัวแกรกๆ ก่อนจะตอบว่า “อ๋อ จำได้แล้วครับ เธอเป็นนักแข่งรถฝีมือขั้นเทพที่ไม่เคยเปิดเผยใบหน้า ถึงเธอจะแข่งเฉพาะในสนามต่างประเทศจนโด่งดังแต่คุณก็แทบไม่เคยพลาดการแข่งขันของเธอเลย

 

 

ถ้าคุณจินตนาการว่าหลินเยียนเป็นนักแข่งคนนั้นได้ ผมว่าก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ”