ขณะนี้รถม้าของเซียวเหลียงมาถึงหมู่บ้านสกุลเซียว เขางานยุ่งจนไม่ได้กลับมาเยี่ยมบิดาพักหนึ่งแล้ว กลัวว่าบิดาของตนจะเหนื่อยยากลำบาก ครั้งนี้จึงกลับมารับบิดาไปอยู่ในตัวเมืองระยะหนึ่ง
เมื่อเหล่าชาวบ้านที่นั่งพูดคุยกันเห็นเซียวเหลียงมา ก็รีบเข้าไปประจบราวกับเห็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภก็มิปาน
“เซียวเหลียง ระยะนี้ต้องของคุณเจ้าจริงๆ หากไม่ใช่เพราะเจ้า ในหมู่บ้านเราใครจะคิดบ้างว่าผักตี้เอ่อจะขายได้เงินด้วย! เจ้าช่วยพวกเราไว้มากทีเดียว” เถียนเอ๋อพุ่งพรวดไปอยู่หน้าสุด จับเซียวเหลียงพร้อมกล่าวชื่นชมอย่างหนัก “ในหมู่บ้านเรา เจ้าถือว่าประสบความสำเร็จมากที่สุด มีเรื่องดีขนาดนี้ยังไม่ลืมคนในหมู่บ้าน! “
“ใช่แล้ว ครั้งหน้าหากมีเรื่องดีเช่นนี้อีก เจ้าต้องบอกพวกเราด้วย! “
เซียวเหลียงคิดไม่ถึงว่าไม่ได้กลับมาหลายวัน คนในหมู่บ้านจะมีท่าทีสนิทสนมกับเขามากถึงเพียงนี้ สนิทสนมจนเขารู้สึกวางตัวไม่ถูก “ผักตี้เอ่ออะไร? “
เซียวจิ้งยี่หัวหน้าหมู่บ้านสกุลเซียวก็อยู่ ไพล่มือไว้ด้านหลัง กล่าวด้วยสีหน้ายินดี “เซียวเหลียง หมู่บ้านเราเจ้าถือว่าประสบความสำเร็จมากที่สุด ประสบความสำเร็จแล้วยังไม่ลืมคนทั้งหมู่บ้าน เจ้าเป็น…”
เขาชูนิ้วโป้งขึ้น เซียวเหลียงเห็นแล้วรู้สึกมึนงง
แต่เขาเป็นคนมีไหวพริบ เพียงหัวเราะกลบเกลื่อน น้อมรับความเป็นกันเองของคนในหมู่บ้าน กลับบ้านไปด้วยความงุนงง
“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้กลับมาไม่กี่วัน เหตุใดข้าถึงไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านลุงท่านอาที่อยู่ข้างนอกกล่าวกัน ผักตี้เอ่ออะไร ข้าไม่ได้ให้พวกเขาเก็บผักตี้เอ่อนี่นา! “
ท่านปู่เซียวกำลังนอนตากแดดอยู่ เก้าอี้โยกโยกไปโยกมา ขณะลุกขึ้น เดิมทีเซียวเหลียงคิดว่าตนเองไม่ได้กลับบ้านนานเพียงนี้ ต้องโดนบิดาตนเองตำหนิสั่งสอนแน่ ใครจะรู้ว่าบิดาของเขาใบหน้าขึ้นสีแดงเลือดฝาด ทั้งยังเหมือนจะอ้วนขึ้นเล็กน้อย
“ข้าอ้างชื่อของเจ้า รับซื้อผักตี้เอ่อในหมู่บ้าน! ” ท่านปู่เซียวกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ท่านรับซื้อผักตี้เอ่อไปเพื่อเหตุไร? ” เซียวเหลียงกล่าวด้วยท่าทีสงสัย “ระยะนี้ในตัวเมืองกำลังร่ำลือเรื่องผักตี้เอ่อ บอกว่าผักชนิดนี้สามารถล้างตับกรองปอด บำรุงสายตาและหัวใจ ในหมู่บ้านของเราก็รับซื้อถือว่าไม่แปลก แต่ว่าท่านพ่อ ท่านไม่ขาดแคลนเงินเสียหน่อย ท่านจะรับซื้อผักตี้เอ่อไปเพื่ออะไร? “
ท่านปู่เซียวเล่าเรื่องของเซี่ยยวี่หลัวและสองพี่น้องสกุลเซียวให้เซียวเหลียงฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เซียวเหลียงตกใจเป็นอย่างมาก “ภรรยาอายวี่มีความสามารถเช่นนี้ด้วย? “
นางเป็นสตรี กลับสามารถพบกับเถ้าแก่ของเซียนจวีโหลวได้ ต้องรู้ว่าเถ้าแก่ของเซียนจวีโหลวเป็นคนที่มีหลักการมาก ถึงแม้จะยังอ่อนเยาว์ แต่กลับเข้มงวดมาก ถึงอย่างไรช่วงชีวิตที่เรียนหนังสือนั้นยังยาวนานกว่าช่วงชีวิตที่ทำการค้ามากนัก
บางทีคนที่เรียนหนังสือมามาก ล้วนแต่เป็นคนเข้มงวดไม่รู้จักผ่อนปรน
เซียวเหลียงทำกิจการน้ำมันและอาหารแห้ง นอกจากอาศัยทำการค้าแบบหมุนเวียนรายได้ ย่อมอยากที่จะร่วมงานกับภัตตาคารหลายแห่งด้วย เซียนจวีโหลวเป็นภัตตาคารที่ใหญ่ที่สุดในตัวเมือง ช่วงนั้นมีโอกาสที่อาจได้ร่วมงานกันพอดี แข่งขันกับร้านขายน้ำมันอาหารแห้งร้านอื่นๆ เพื่อให้ได้เป็นผู้จัดหาวัตถุดิบของเซียนจวีโหลว
เซียวเหลียงครุ่นคิดสุดความสามารถ มอบตำราโบราณเล่มหนึ่งให้ซ่งฉางชิงตามความชอบของซ่งฉางชิง เดิมคิดว่าเอาใจตามความชอบส่วนตัว อาจย่นระยะห่างให้ใกล้ขึ้น ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายให้บ่าวรับใช้คนสนิทนำมาส่งคืนในวันนั้นเลย ทั้งยังบอกต่อคำพูดประโยคหนึ่ง “ทำการค้าต้องยึดหลักพื้นฐานความสัตย์ซื่อ การเล่นลูกไม้ลับหลังหาใช่การกระทำเยี่ยงสุภาพชน”
จากนั้นจึงถอดถอนคุณสมบัติร้านน้ำมันอาหารแห้งของเซียวเหลียง ไม่มีคุณสมบัติในการแข่งขัน เขาโมโหแทบตาย
ท่านปู่เซียวไม่รู้เรื่องของเซียวเหลียง “เป็นสตรีคิดทำการค้านั้นไม่ง่าย นางเกรงว่าจะมีข่าวลือซุบซิบนินทา จึงคุยเรื่องนี้กับข้า เจ้าก็ยอมรับไป อย่าพูดเรื่องนี้ข้างนอก หลายวันมานี้เด็กคนนั้นหาเงินได้จำนวนหนึ่ง เซียวยวี่ไม่อยู่บ้าน มีแค่เด็กสามคนอยู่ที่บ้าน อย่าให้เรื่องนี้เล็ดลอดออกไป จะได้ไม่ถูกคนอื่นจับจ้อง”
เซียวเหลียงพยักหน้า “ข้ารู้แล้วท่านพ่อ”
“ภรรยาอายวี่จะมอบเงินให้ข้า ข้าไม่ได้รับ เด็กคนนั้นจึงทำอาหารให้ข้ากินวันละสามมื้อ เจ้าดูข้าสิ นี่เพิ่งผ่านไปแค่กี่วัน ข้ากินจนอ้วนขึ้นตั้งหลายจิน ต้องยอมรับว่า ฝีมือการทำอาหารของภรรยาอายวี่ดีกว่าในภัตตาคารเสียอีก! ” เมื่อท่านปู่เซียวกล่าวถึงฝีมือการทำอาหารของเซี่ยยวี่หลัว แววตาก็เป็นประกาย
เซียวเหลียงหัวเราะลั่น “ท่านพ่อ ข้าก็บอกแล้วว่าภรรยาอายวี่ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ท่านคิด”
ท่านปู่เซียวเป่าหนวดเคราด้วยท่าทางเก้อเขินเล็กน้อย “เจ้าเด็กตัวแสบ กลับมาทำไม? “
เซียวเหลียงมีความสุขนัก “ท่านพ่อ ข้าจะรับท่านไปอยู่ในตัวเมืองระยะหนึ่ง เด็กๆ ก็คิดถึงท่านปู่แล้ว”
ช่วงนี้อากาศปลอดโปร่งหลายวันพอดี ไม่มีผักตี้เอ่อให้เก็บ ที่เซี่ยยวี่หลัวก็น่าจะไม่มีอะไร ท่านปู่เซียวเก็บข้าวของเสร็จ จึงไปกับเซียวเหลียง
ก่อนไปยังย้ำกำชับ “หากมีฝนตก หลังจากฟ้าโปร่งแล้วข้าก็ยังต้องกลับมา! “
หากฝนตก แล้วฟ้าโปร่ง ก็จะมีผักตี้เอ่อขึ้นมาอีก
เมื่อเซียวเหลียงรับตัวท่านปู่เซียวไป คนที่อยู่ตรงหน้าหมู่บ้านก็เห็นเขาอีกครั้ง
แต่ละคนต่างมองรถม้าคันใหญ่ของเซียวเหลียงอย่างอิจฉา พร้อมทั้งกล่าวชื่นชมอย่างอิจฉา “พี่ชาย ท่านช่างมีบุตรชายที่ดีนัก ทั้งหาเงินเก่ง ทั้งกตัญญู และมีน้ำใจ…”
“นั่นสิ เซียวเหลียง หากครั้งหน้าผักตี้เอ่อขึ้นมาอีก เจ้ายังรับซื้ออีกหรือไม่! “
เซียวเหลียงรั้งเชือกหัวเราะพร้อมกล่าว “รับ ฝนตกเมื่อไรข้าจะส่งท่านพ่อข้ากลับมา รับซื้อผักตี้เอ่อของพวกท่านต่อ”
ท่ามกลางสายตาอิจฉาของทุกคน เซียวเหลียงขับรถม้าไปแล้ว
เมื่อครู่เถียนเอ๋อเป็นคนที่กล่าววาจาชื่นชมมากที่สุด เมื่อเห็นรถม้าไปไกลแล้ว ก็กล่าววาจาเหน็บแนม “ไม่คิดเลยว่าพวกเขาให้เซี่ยยวี่หลัวไปช่วยงาน แม่คนนั้น นอกจากหน้าตาดี ยังทำอะไรเป็นอีก? ข้าเห็นนางก็แค่นับเงิน ไม่เห็นจะทำอะไรเลย! “
เซียวจิ้งยี่ไปแล้ว คนที่อยู่ใต้ต้นไม้ต่างหันมองไปทางเถียนเอ๋อ
เถียนเอ๋อกล่าวอย่างมีลับลมคมใน “ข้ามักจะเห็นเจ้าเด็กเซียวจื่อเซวียนนั่นไปส่งข้าวให้พ่อเซียวเหลียง เขาทำอาหารไม่เป็นเสียหน่อย น่าจะเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของเขาทำ อยู่ดีๆ พี่สะใภ้ใหญ่ของเขาจะส่งข้าวให้พ่อเซียวเหลียงทำไมกัน! “
ถึงแม้หลิวซี่เหลียนจะเป็นคนปากพล่อยเหมือนกัน แต่ครั้งนี้ก็ได้รับบุญคุณจากท่านปู่เซียวเหมือนกัน จึงกล่าว “เขายุ่งขนาดนั้น ส่งข้าวให้ก็ปกตินี่! “
เถียนเอ๋อกล่าววาจาเหน็บแนม “ที่พ่อเซียวเหลียงให้เซี่ยยวี่หลัวไปช่วยงาน น่าจะเป็นความคิดเซียวเหลียงกระมัง ทำไมเซียวเหลียงไม่ให้คนอื่นไปช่วย แต่กลับให้เซี่ยยวี่หลัวไปล่ะ? เซี่ยยวี่หลัวนอกจากหน้าตาดี จะทำอะไรเป็น? ข้าเห็นจื่อเซวียนทำงานมากกว่านางเสียอีก! นางก็แค่นับเงินไม่ใช่หรือ ทั้งยังเป็นเงินที่พ่อเซียวเหลียงนับก่อนแล้วด้วย! งานสบายขนาดนี้ เหตุใดไม่ให้คนอื่นทำ กลับให้เซี่ยยวี่หลัวทำ! “
คนหน้าตาดี ย่อมมีปัญหามาก
หากเรื่องนี้เกิดกับคนอื่น บางทีคงไม่มีปัญหามากมายถึงเพียงนี้
ใต้ต้นไม้ก็มีคนที่ปากพล่อย ย่อมรู้ความบาดหมางระหว่างเถียนเอ๋อและเซี่ยยวี่หลัว ครั้งก่อนหากไม่ใช่เพราะเซี่ยยวี่หลัว เถียนเอ๋อคงไม่ต้องไปคุกเข่าที่ศาลบรรพชนหนึ่งวันหนึ่งคืน ขณะนี้นางกำลังมีเพลิงโทสะในใจ เห็นอะไรก็ย่อมรู้สึกขวางหูขวางตา
หญิงชาวบ้านบางส่วนก็รู้สึกขวางหูขวางตาเหมือนกัน เจ้าพูดทีข้าพูดบ้าง จึงเริ่มวิจารณ์กัน หญิงชาวบ้านคนอื่นไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จึงเดินออกห่าง
ภรรยาเซียวยวี่เป็นอย่างไรเกี่ยวอะไรกับพวกเขาด้วย ชีวิตของตัวเองยังแทบเอาตัวไม่รอด ยังจะกังวลเรื่องคนอื่น ไม่รู้เรื่องราวที่แท้จริงก็คิดกันไปเอง!
ข่าวลือเหมือนติดปีกก็มิปาน แพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้านอย่างเงียบเชียบ